xs
xsm
sm
md
lg

ยุทธวิธีการใช้เล่ห์กลทางการเมืองเพื่อปกปิดความล้มเหลว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ในสถานการณ์ที่ตกเป็นฝ่ายรับทางการเมืองอันเกิดจาก การบริหารงานผิดพลาด สร้างความเสียหายแก่สังคม จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรอบด้าน ส่งผลให้คะแนนนิยมตกต่ำ บรรดาผู้ที่เคยชื่นชอบให้การสนับสนุนเริ่มเบื่อหน่าย และตีตัวออกห่าง นักการเมืองผู้มากเล่ห์เหลี่ยมจะดำเนินการใช้ยุทธวิธีสำคัญสองประการ คือ การหาเหยื่อมารับผิดชอบแทนความผิดพลาดของตนเองหรือการหาแพะมารับบาปที่ตนเองก่อเอาไว้ และการสร้างและปล่อยประเด็นใหม่ที่ใหญ่โตและท้าทายความรู้สึกผู้คนออกมาสู่สาธารณะ เพื่อให้กระแสความสนใจและการวิพากษ์วิจารณ์หันเหออกไปจากประเด็นเดิมอันเป็นเหตุให้ตนเองเกิดความเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง

การบริหารการจัดการน้ำที่ผิดพลาดของรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนทำให้เกิดมหันตภัยแก่ประเทศอย่างยืดเยื้อและยาวนาน มีผู้คนล้มตายหลายร้อยคนทั้งจากถูกกระแสน้ำพัดพา ถูกไฟฟ้าดูด และจากสาเหตุอื่นๆที่เกี่ยวข้องสัมพันกับน้ำท่วมอีกจำนวนมาก มีทรัพย์สินเสียหายนับล้านล้านบาท มีผู้คนเดือดร้อนต้องอพยพย้ายที่พำนักและตกงานหลายแสนคน เศรษฐกิจของประเทศพังทลาย ข้าวยากหมากแพง ความขัดแย้งทางสังคมเพิ่มพูนเป็นทวีคูณ โจรผู้ร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง ผู้คนขมขื่นระทมทุกข์ยาก น้ำตาหลั่งปะปนกับสายน้ำที่ท่วมไหล ความผิดพลาดของรัฐบาลครั้งนี้ยิ่งใหญ่นัก เป็นที่ประจักษ์ว่ากำลังนำสังคมเข้าไปสู่กลียุค

ปฐมเหตุแห่งความผิดพลาด ไม่ใช่ผู้เปรื่องปราดก็ทราบได้ว่า มาจากโครงสร้างทางการเมืองไทยที่พรรคการเมืองถูกควบคุมบงการโดยกลุ่มทุนสามานย์ ทำให้ทักษิณ ชินวัตรซึ่งเป็นนายทุนใหญ่ของพรรคเพื่อไทยอันเป็นพรรคเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสามารถกำหนดคณะบุคคลที่เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้บริหารประเทศได้ คณะรัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงมีพันธกิจหลักในการช่วยเหลือทักษิณ ชินวัตรให้หลุดพ้นจากความผิดและนำทักษิณ เข้าประเทศไทยให้ได้ตามความประสงค์ของเจ้าตัว ด้วยเหตุนี้บุคคลที่ได้รับเลือกเข้ามาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลชุดนี้ จึงต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือ เป็นคนหัวอ่อนเชื่อฟังคำสั่งของทักษิณโดยไม่มีคำถามใดๆ และมีความมุ่งมั่นในการทำงานรับใช้ทักษิณอย่างไม่ลืมหูลืมตา นายกรัฐมนตรีจึงต้องเป็นน้องสาวของทักษิณ ผู้ไร้ประสบการณ์ทางการเมือง ผู้มีความรอบรู้ความเข้าใจสังคมไทยต่ำมากและไม่มีความสามารถบริหารประเทศแต่อย่างใด และรัฐมนตรีเกือบทุกคนในรัฐบาลของเธอก็มีคุณสมบัติเฉกเช่นเดียวกับตัวนายกรัฐมนตรี

เมื่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์บริหารงาน ความกลวง อ่อนหัดในการแก้ปัญหาของประเทศก็ปรากฎชัดแก่สายตาของผู้คน การดำเนินงานของรัฐบาลตั้งแต่เดือนต้นสิงหาคมมาจนถึงปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่สะท้อนให้เห็นถึงความว่างเปล่าทางปัญญาในการวิเคราะห์ข้อมูลและสังเคราะห์ปัญหาและการพัฒนาประเทศ ความอ่อนหัดไร้ทักษะทางการบริหารจัดการสังคม การไม่อาจแยกแยะจัดลำดับความสำคัญของปํญหาว่าสิ่งใดควรทำก่อนหรือหลัง ทำให้เกิดการตัดสินใจที่โลเลล่าช้าในการกำหนดแนวทางแก้ปัญหา

หากไม่นับการให้สัมภาษณ์ในที่สาธารณะของนายกหญิงผู้นี้ซึ่งมักจะตอบคำถามอย่างตื้นเขินและผิดอยู่เนืองๆ บททดสอบอันชัดแจ้งเกิดขึ้นเมื่อมีปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนัก มีมวลน้ำเพิ่มขึ้นในเขื่อนทางภาคเหนือและภาคกลางอย่างต่อเนื่อง ด้วยความไร้วิสัยทัศน์ในการประเมินผลกระทบที่ตามมา บวกกับความต้องการในการผลักดันนโยบายจำนำข้าวไปปฏิบัติให้ทันฤดูการเก็บเกี่ยวเพื่อหวังแสดงผลงานสร้างคะแนนนิยม รวมทั้งปรารถนากระจายทรัพยากรไปสู่ชาวนาที่เป็นหัวคะแนนจัดตั้งในภาคชนบทเพื่อกระชับความเข้มแข็งของเครือข่ายการเมือง จึงทำให้รัฐบาลตัดสินใจกักน้ำในเขื่อนต่างๆไว้ในช่วงเดือนกรกฎาคม จนถึงกลางกันยายน ทั้งที่เจ้าหน้าที่ของเขื่อนเสนอให้เพิ่มการระบายน้ำแล้ว

การตัดสินใจที่ผิดพลาดในคราวนั้นของรัฐบาลจึงเป็นชนวนสร้างเภทภัยแก่ประเทศไทยอย่างไม่อาจประมาณการได้ตามมาภายหลัง รู้ทั้งรู้ว่าปริมาณน้ำมีมากและกำลังหลากลงมาตั้งแต่ก่อนตั้งรัฐบาลด้วยซ้ำ แต่กลับไม่ทำอะไร ปล่อยเวลาผ่านไปกับการเล่นเกมการเมืองเรื่องการช่วยพี่ชายจนสายเกินแก้ แทนที่จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาจัดการน้ำตั้งแต่เริ่มต้นปัญหา กลับปล่อยจนบานปลาย กลายเป็นว่าน้ำหลากมาทำลายหลายเมืองจนพินาศ จึงนึกขึ้นได้ว่าควรจัดตั้งหน่วยงานมาดูแลที่เรียกว่าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย(ศปภ.) แต่ก็กลับแสดงธาตุแท้ออกมาโดยตั้งพวกพ้องที่ไร้ความรู้ ไร้ประสบการณ์ ไร้ความสามารถมานั่งผลาญงบประมาณ สร้างความเสียหายแผ่กระจายออกไป จนถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักหนาเข้าทุกวัน จึงมีการเปลี่ยนโฆษกหลายครั้งหลายหน เปลี่ยนคนดูแลการบริหารงานและตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นอีกหลายชุดดูสับสนวุ่นวายดีแท้

ยิ่งนานวันคะแนนนิยมยิ่งตกต่ำ จึงจำต้องใช้เล่ห์กลเพื่อเรียกคะแนนกลับคืนมา ด้านหนึ่งใช้ยุทธวิธีหาแพะมารับบาปแทนตนเอง โดยดำเนินการ 2 ด้าน ในด้านเปิดต่อสาธารณะใช้แกนนำไพร่แดงปราศรัยกับมวลชน และสังการให้สื่อมวลชนทั้งวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ที่อยู่ภายในการจัดตั้งของตนเองและกลุ่มทุนสามานย์ ออกมาโฆษณาชวนเชื่อสร้างข้อมูลเท็จโยนความผิดให้สองกลุ่มคือ กลุ่มเจ้าหน้าที่เขื่อน และกลุ่มพรรคการเมืองคู่แข่ง โดยระบุว่าน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากการวางยาของเขื่อนซึ่งกักน้ำไว้และปล่อยออกมาภายหลังเป็นจำนวนมากเพื่อทำลายรัฐบาล และเป็นเพราะพรรคการเมืองคู่แข่งคือพรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ร่วมสั่งการ ทั้งที่ผู้สั่งการให้กักน้ำที่แท้จริงคือรัฐบาลชุดนี้ ส่วนในด้านลึกได้ให้แกนนำและสาวกเสื้อแดงปล่อยข่าวลือว่าเป็นการสั่งของอำมาตย์ในสถาบันดั้งเดิมของไทย บางเขตของกรุงเทพมหานครมีการทำป้ายเพื่อใส่ร้ายป้ายสีบุคคลที่คนไทยเคารพอย่างเปิดเผย ส่วนในโลกของอินเทอร์เน็ตก็มีการจัดทำวีดีโอคลิปทำนองเดียวกันเผยแพร่ใน youtube เป็นจำนวนมาก

อีกยุทธวิธีเป็นการใช้เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นหันเหความสนใจของผู้คนออกไปจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมคือ การสร้างประเด็นใหม่ขึ้นมาเรียกอย่างสวยหรูว่า นิวไทยแลนด์ ยุทธวิธีแบบนี้เป็นสิ่งที่ทักษิณ ชินวัตรเคยใช้บ่อยครั้งเมื่อคราวที่เขาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งก็ได้ผลในระดับหนึ่งเพราะผู้คนหันไปวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นใหม่แทนประเด็นที่เป็นปัญหา

การเคลื่อนไหวเพื่อสร้างประเด็นนี้เริ่มปรากฏขึ้นต่อสาธารณะเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2554 เมื่อนายพิชัย นริพทะพันธ์ รมว. พลังงานออกมากล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังประชุมร่วมกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอื่นๆ อีกหลายคนว่า นายกฯ ได้กำชับการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมอย่างเร่งด่วน และเสนอแผนฟื้นฟูสองระยะคือ ภายในหนึ่งปีแรกหลังน้ำลดจะใช้งบประมาณ 1 แสนล้านบาท ไปฟื้นฟูนิคมอุตสาหกรรม ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำทั้งระบบจะทำระยะยาวซึ่งต้องใช้งบประมาณ 6-8 แสนล้านบาท ขณะนี้มีหลายประเทศเช่นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เสนอแผนฟื้นฟูประเทศไทยแบบแพ็กเกจมาแล้ว สำหรับคณะกรรมการเพื่อดำเนินงานโครงการ จะมีนายกฯเป็นประธานเอง ส่วนกรรมการประกอบด้วยรองนายกฯและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาในวันที่ 31 ตุลาคม 2554 นางสาวยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีคำว่านิวไทยแลนด์ อาจเป็นชื่อเรียกเล่นๆ ซึ่งที่จริงคือการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างถาวร เบื้องต้นเตรียมวงเงินไว้ 8 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่จะนำมาเยียวยาอย่างเร่งด่วน ทั้งภาคเอสเอ็มอี ธุรกิจรายย่อย เกษตรกร และประชาชนทั้งหมด แต่ยังไม่รวมงบที่จะนำมาบูรณาการโครงการ 25 ลุ่มน้ำหรือโครงการระยะยาว

จากนั้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2554 ทักษิณ ชินวัตรได้ทวิตสนับสนุนโครงการนี้ภายหลังเงียบหายจากสื่อไป 4 เดือน โดยระบุว่าน้ำท่วมครั้งนี้เป็นโอกาสให้คนไทยหันหน้ามาแก้ปัญหาและฟื้นฟูประเทศและจะเป็นโอกาสแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งถาวร ทักษิณยังระบุด้วยว่าเขาเคยมีโครงการขนาดใหญ่ซึ่งมีเรื่องน้ำรวมอยู่ด้วยแต่ยังไม่ได้ทำเพราะถูกปฏิวัติเสียก่อน วันเดียวกันโฆษกรัฐบาลก็ได้ออกมาแถลงว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับคณะกรรมการฟื้นฟู 3 คณะให้ส่งแผนแก่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยเร็ว และแผนที่มีระยะเวลาเกิน 1 ปีจะต้องส่งเข้าที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า

จะเห็นได้ว่ายุทธวิธีการสร้างประเด็นนิวไทยแลนด์ขึ้นมามีการสอดรับประสานกันเป็นอย่างดีระหว่างรัฐบาลยิ่งลักษณ์กับทักษิณ การกลับมาทวิตของทักษิณในประเด็นนี้กลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หลายฉบับ ส่วนการวิพากษ์วิจารณ์ประเด็นนิวไทยแลนด์ จากพรรคฝ่ายค้าน คอลัมนิสต์ นักวิชาการ ก็ปรากฏในสื่อมวลชนหลายฉบับเช่นกัน ซึ่งเป็นการแย่งชิงพื้นที่ข่าวจากข่าวน้ำท่วม และความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาลได้ส่วนหนึ่ง

อย่างไรก็ตามเนื่องจากความล้มเหลวในการแก้ปัญหาน้ำท่วมนับวันยิ่งรุนแรงยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตัดสินใจให้เปิดประตูน้ำที่คลองสามวาจาก 50 เซนติเมตร เป็น 1 เมตร ตามแรงกดดันของชาวบ้านเหนือประตูน้ำคลองสามวา และการไร้น้ำยาความสามารถในการป้องกันการทำลายแนวคอประตูซึ่งทำให้น้ำจากคลองสามวาไหลทะลักทั้งจากประตูและแนวคอประตูที่ถูกทำลายลงไปสู่คลองแสนแสบและคลองย่อยอื่นๆอีกหลายคลองในละแวกเขตมีนบุรีและเขตใกล้เคียง จนทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้างสร้างความเดือนร้อนแก่ประชาชนนับหมื่นครัวเรือนในบริเวณนั้น และน้ำกำลังเดินทางไปท่วมนิคมอุตสาหกรรมบางชัน และคงไปถึงนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังในไม่ช้า นั่นหมายถึงความหายนะที่เพิ่มขึ้นของสังคมไทย

การตัดสินใจที่ผิดพลาดซ้ำๆซากๆ อย่างไม่รู้จักจบสิ้น อันเนื่องมาจากความไร้ปัญญาและความอ่อนแอของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ นับวันยิ่งสร้างและสะสมความพินาศทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม ชีวิต และทรัพย์สินของผู้คนในสังคมไทยอย่างเหลือคณานับ สิ่งเหล่านี้จักเป็นบทเรียนที่สำคัญแก่คนไทยทุกคนว่าพรรคการเมืองที่ถูกควบคุมโดยทุนสามานย์ นักการเมืองและคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นเพียงผู้ฟังคำสั่งและรับใช้เหล่านายทุนสามานย์ นักการเมืองพวกนี้มีวิธีการตัดสินใจแก้ปัญหาประเทศอย่างไร้สติ ไร้สำนึกทางจริยธรรม ไม่ใช้ข้อมูล และขาดประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน การตัดสินใจเป็นไปตามอารมณ์ของแรงกดดันและความต้องการของมวลชนเฉพาะกลุ่ม เฉพาะพื้นที่ รวมทั้งเพียงคำนึงถึงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการอยู่รอดทางการเมืองของพวกตนเองเท่านั้น ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงมิอาจแก้ไขปัญหาของของสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังประโยชน์แก่คนส่วนใหญ่ของประเทศได้อย่างแท้จริง

เพื่อรักษาตำแหน่ง อำนาจ และความชอบธรรมไว้ให้นานที่สุด นักการเมืองจึงมักใช้ยุทธวิธีการหาแพะรับบาปแทนตนเอง และการสร้างประเด็นใหม่เพื่อกลบเลื่อนความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง แต่สิ่งเหล่านี้คงจะใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไปเพราะคนไทยส่วนใหญ่ต่างรู้ทันพวกเขาจนหมดสิ้นแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น