ASTVผู้จัดการรายวัน - คลิปว่อน “โซเชียลมิเดีย” แฉของบริจาคที่โกดังดอนเมืองของ ศปภ.เพียบที่ยังไม่ได้นำออกไปแจกจ่ายกับผู้ประสบภัยน้ำท่วม แถมปล่อยทิ้งลอยน้ำเกลื่อน “ยิ่งลักษณ์-กฤษณา” อ้างไม่รู้ แถเก็บของหมดแล้ว “วิม” จริงแต่ขนไม่ทัน ปชป.ชี้เป็นการตอกย้ำ “ปู-ศปภ.” ล้มเหลว
หลังจากได้มีผู้เผยแพร่คลิป (หมายเหตุ : ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=gfeBtGZI7q4&feature=share) ที่เกี่ยวกับสิ่งของบริจาคที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง ที่ยังไม่สามารถนำออกไปแจกจ่ายกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามความประสงค์ของผู้บริจาคยังเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังพบมีการติดชื่อจองที่ของบริจาคเช่น ชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยด้วย
นอกจากนั้นในช่วงค่ำของวันที่ 29 ต.ค. สถานการณ์ภายหลังจากที่ ศปภ. ต้องย้ายที่ทำการมายังเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็ก ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดี-รังสิต เนื่องจากน้ำทะลักจากถนนวิภาวดี-รังสิต เข้ามายังชั้นหนึ่งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ได้มีการเริ่มตัดไฟ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องสิ่งของสูญหาย
โดยบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยข้าวของบริจาค ที่ลอยเกลื่อน เนื่องจากน้ำได้ไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้การขนของไม่สามารถทำได้ นอกจากนั้น ยังพบว่า รถยนต์หลายคันต้องจมน้ำ ทั้งนี้ ยังพบว่ายังมีผู้ประสบภัย คงยังปักหลักอยู่ดอนเมืองกว่า 600 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประชาชนที่อาศัยย่านดอนเมือง
**ประจาน! ศปภ.ทิ้งของบริจาค
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มีกระแสโจมตี ศปภ.อย่างหนัก โดยเฉพสะในโซเชียลมิเชียล เช่น หากรัฐบาลหรือ ศปถ.จะเปิดรับบริจาคใหม่ ดูว่าจะมีคนจิตอาสาไปบริจาค ไปแพ็คของอีกหรือไม่
บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้บริจาคเขาตั้งใจบริจาคให้คนเดือดร้อนน้ำท่วมใช้ไม่ใช่หรือ ทำไมไม่แจก เก็บไว้ทำไม และจะย้ายไปยังที่น้ำไม่ท่วมไปทำไม ตรงที่น้ำท่วมต้องแจกให้คนใช้ และยังตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อไรท่วมอีกเดี๋ยวก็มีคนแจกให้อีก เอาของแจกไปเก็บไว้ อย่างนี้ใครจะกล้ามาแจกอีก จะอมเรือ อมแพ อมส้วมไว้ขายหรือไง จะเก็บจะย้ายทำไม บางคนเห็นว่าเมื่อคนของรัฐยิ่งออกมาแก้ตัว ก็ยิ่งเป็นการประจานตัวเองหนักเข้าไปอีก
บงคนระบุว่า เคยไปช่วยเป็นอาสาสมัครที่ดอนเมืองในช่วงแรกๆ คนไปช่วยเยอะ ยังคิดว่าคนมีน้ำใจเยอะจแต่ไม่เข้าใจหน่วยงานของรัฐบาลถึงขาดการจัดการ อย่ามาอ้างว่าขนส่งไม่ทัน รู้ทั้งรู้ว่าน้ำมันจะท่วม ทำไมไม่รีบจัดการที่ย้ายออกไปที่อื่น อำนาจมีอยู่ในมือ คนมีอยู่ในมือ คนที่ยังเดือดร้อนมีอีกมากมาย ไร้ความรับผิดชอบ เป็นต้น
**ท่วมถึงเข่าของบริจาคลอยเกลื่อน
วานนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า อาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่เคยใช้เป็นที่ทำการ ศปภ. นั้น จากการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ภายในชั้นหนึ่ง มีน้ำท่วมถึงเข่า นอกจากนี้พบว่ามีเสื้อผ้าที่มีผู้บริจาคไว้ให้กับผู้ประสบภัยจมน้ำบริเวณชั้นหนึ่งเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าอีกจำนวนหนึ่งกองอยู่บนชั้นสอง
ทั้งนี้ ยังพบสุขาลอยน้ำที่นำมาบริจาคให้ผู้อพยพใช้ก่อนหน้านี้นั้น ล้มระเนระนาดเป็นจำนวนมากเนื่องจากกระแสน้ำมีความแรง ทั้งนี้แม่บ้านก็กำลังเร่งทำความสะอาดเก็บขยะในบริเวณชั้น 1 โดยเฉพาะกล่องโฟมอาหารที่ทิ้งไว้ซึ่งเริ่มเน่าเสีย
ส่วนอาคารสอง ที่เป็นศูนย์พักพิงของผู้ประสบภัย ก่อนหน้านี้นั้นตรวจสอบพบว่า ยังมีผู้ประสบภัยอาศัยอยู่ ประมาณ 500 คน โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประชาบดี กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้ามาเร่งอพยพออกไป แต่ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ไม่ยอมออกเนื่องจากหลายคนมีบ้านพักอยู่บริเวณดอนเมืองและรังสิต อีกทั้งเกรงว่าหากย้ายไปที่ ต่างจังหวัดจะอยู่ด้วยความแออัด จึงขออยู่ที่นี่ ซึ่งมีความเข้าใจรัฐบาลว่างานเยอะและอาจทำให้ดูแลไม่ทั่วถึงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. ได้เดินทางมาเจรจา กับผู้อพยพซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะอนุญาตให้อาศัยอยู่ต่อไป โดยรัฐบาลจะดูแลเรื่องความเป็นอยู่ ส่วนอาหารอาจจะนำมาหย่อนโดยใช้ดอนเมือง โทลล์เวย์ก็ได้ และตนจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานให้นายกฯรับทราบ ขณะที่ผู้อพยพก็ยินยอมที่จะอยู่ต่อไป
ขณะที่บริเวณอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล วีไอพี พบว่ามีระดับน้ำถึงเอวเนื่องจากประตูที่อยู่หน้าอาคาร ซึ่งติด กับถ.วิภาวดีรังสิต ทำให้เป็นทางน้ำทะลักเข้ามาในสนามบินกระแสน้ำไหลเชี่ยว และมี รถ ขสมก. จอดเสียอยู่สองคัน ส่วนลานจอดรถโดยรอบของดอนเมือง พบว่ารถหลายคันได้จมน้ำ จนโผล่มาเพียงหลังคารถเท่านั้น
**ซ้ำรอยดอนเมืองเรือ 200 ลำกองพะเนิน
อีกด้าน ที่อาคารเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติงานแห่งใหม่ของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) จากการลงสำรวจพื้นที่โดยรอบพบว่า นอกจากมีการป้องกันน้ำท่วมโดยการตั้งถุงทราย และแผ่นเหล็กเมลทัลชีทเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอาคารจ่ายไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมไฟฟ้าที่มีการก่อกำแพงถุงทรายสูงกว่า 2 เมตรแล้ว ยังพบว่าที่ใต้อาคารดังกล่าวมีเรือไฟเบอร์จำนวนกว่า 200 ลำ วางเรียงซ้อนกันอยู่ พร้อมด้วยเรือเหล็กติดงเครื่องยนต์อีกจำนวน 5 ลำ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบุว่า เป็นเรือที่ได้จากการบริจาคจากบริษัทลูกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อาทิ ปตท.สผ. เชลล์ และไทยออยล์ เป็นต้น เพื่อนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยการนำออกไปบริจาคนั้น บุคคลต้องติดต่อโดยตรงไปยังบริษัทที่นำมาบริจาค
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริเวณด้านข้างเรือทุกลำ นอกจากจะมีการพ่นสีเป็นชื่อของเอกชนที่มาบริจาคแล้ว ยังพ่นข้อความและตราสัญลักษณ์ของกระทรวงพลังงานด้วย โดยตลอดบริเวณได้นำเส้นพลาสติกสีขาวแดงกันโดยรอบที่วางเรือ เพื่อกันคนไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่
**ตามคาด “ปู” มามุขเดิม “หนูไม่รู้”
ช่วงบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบเลยขอตรวจสอบก่อน เพราะบางส่วนได้มีการย้ายไปที่สนามกีฬาศุภชลาศัย ส่วนพี่น้องที่ยังอยู่ในศูนย์อพยพดอนเมืองอย่างที่บอกการดำเนินการย้ายเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะเป็นห่วงไม่อยากใช้มาตรการอะไรต่างๆ และเท่าที่ได้คุยกันประชาชนแถวนั้นยืนยันที่จะอยู่ จึงของให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.เข้าไปดูแล ทั้งในเรื่องของน้ำไฟอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ประมาณ 200 ครอบครัว และจะมีการเจรจาต่อไป ว่าจะทำอย่างไร ในเบื้องต้นคนเหล่านี้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในดอนเมือง
เมื่อถามว่าของที่รับบริจาคมาได้นำไปใช้อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าใช้ มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องการเบิกจ่ายใช้ของบริจาค ทุกอย่างไม่มีใครเก็บไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องนำไปช่วยเหลือประชาชน และได้นำส่งไปช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ซึ่งอาจมองว่าไปไม่ทั่วถึงเพราะตรงนี้อยู่ที่ความต้องการแต่ละพื้นที่ด้วย
เมื่อถามว่า มีรายงานแจ้งว่ามีการนำเงินบริจาคไปซื้อถุงยังชีพเพิ่มเติมข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ของบริจาคส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร แต่ในส่วนของถุงยังชีพต้องการระดับแสน เรือระดับหมื่น ซึ่งต้องมีการจัดซื้อเพิ่ม เราพยายามที่จะใช้งบประมาณอย่าเต็มที่ คือในส่วนของเงินบริจาคและของบริจาคเราก็ใช้ แต่ส่วนไหนที่ขาดเหลือเราจะใช้งบประมาณฉุกเฉินจัดซื้อต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ระบุถึงการย้ายที่ทำการศปภ.ว่า ในส่วนของ ศปภ.ขอเป็นคนสุดท้าย ขอทำหน้าที่ของเราตรงนี้ให้เต็มที่ และวันนี้ยังมีจำนวนผู้อพยพที่เราต้องขนย้าย
**"ประชา" เต้นสอบกรณีอมของบริจาค
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการบริหารจัดการสิ่งของบริจาค เมื่อมีการนำคลิปภาพการกักตุนถุงยังชีพในศปภ.ดอนเมือง ก็จะเรียกนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการบริหารจัดการสิ่งของบริจาคแทนนายการุณ โหสกุล เข้ามาชี้แจงทันที เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อประชาชน
นายจำเริญ กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลขนย้ายของบริจาคจำพวกเสื้อผ้าเครื่องใช้และถุงยังชีพ ซึ่งกำลังเร่งขนย้ายจากดอนเมืองไปยังสนามศุภฯ ในส่วนของกองเสื้อผ้าที่มีการถ่ายคลิปวิดีโอออกเป็นเผยแพร่นั้น เป็นเสื้อผ้าเก่าสภาพไม่สมบูรณ์ อยู่ระหว่างการส่งมอบให้โรงเรียนนายร้อยจปร. นำไปซักและอบแห้งใหม่ ทั้งนี้ ตนได้จัดระบบการเบิกรับถุงยังชีพให้มีความรัดกุมขึ้น โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ประสบภัยที่โทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือจากคอลเซ็นเตอร์ของศปภ. หมายเลข 1111 กด 5 จากนั้นจะจัดส่งความช่วยเหลือไปให้อย่างเหมาะสมตามจำนวนผู้ประสบภัยที่แท้จริง นอกจากนี้จะเน้นจ่ายสิ่งของบริจาคให้กับจังหวัด อำเภอ เขต ทหาร ตำรวจ และมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือไปถึงประชาชนอย่างทั่วถึง
ในส่วนของสิ่งของบริจาคที่มีขนาดใหญ่ อาทิ ห้องสุขาลอยน้ำ เรือ และแพนั้น อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน โดยศปภ.มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รับไปบริหารจัดการ
**"พงศพัศ"อ้างไม่รู้ใครรับผิดชอบ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. กล่าวถึงของบริจาคที่ศูนย์ ศปภ.ดอนเมืองว่า มีอยู่สองส่วน ซึ่งขณะนี้ศูนย์ไปหมดแล้ว เหลือแต่ผู้อพยพที่ยังอยู่ที่ศูนย์พักพิงดอนเมืองประมาณ 350 กว่าคน นายกฯก็เป็นห่วงว่าเมื่อศูนย์ปิดไปกันหมดแล้วจะเป็นการทอดทิ้งประชาชนที่อยู่ตรงนี้ ซึ่งโดยสภาพขณะนี้น้ำท่วมสูงมาก รถทหารก็เข้าไม่ได้ น้ำไฟก็ต้องตัด เพราะระบบเสียหมด และวันที่ 30 ต.ค. ก็ได้อพยพประชาชนออกไปประมาณ 100 คน เหลือประมาณ 300 กว่าคนทั้งหมดตกลงใจว่าจะขออยู่ต่อ แม้ว่าสภาพความเป็นอยู่จะลำบาก ซึ่งขณะนี้ได้แก้ปัญหาโดยทางการท่าอากาศยานฯ ได้นำเครื่องปั่นไฟมาให้ และจัดส่งอาหาร 3 มื้อ โดยจัดเรือพายมาให้ คิดว่าชีวิตความเป็นอยู่เอาตามสมควร ทุกคนก็ยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่สามารถย้ายได้เพราะเขาสมัครใจอยู่ต่อ
ส่วนของบริจาคที่ยังเหลืออยู่นั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะเข้ามาขนย้ายไปไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งเดิมจะนำไปไว้ที่สนามศุภฯ แต่สนามศุภฯ จะย้ายไปที่ จ.ชลบุรี จึงคิดว่าน่าจะไปที่จ.ชลบุรี แล้วกระจายต่อตรงจุดตรงนั้น
ส่วนที่มีการติดชื่อจองของบริจาคนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เรื่องระบบการแจกจ่าย นายกฯได้มอบผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ และที่ผ่านมาการบริหารจัดการก็มีคณะผู้บริหารจัดการอยู่ แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่ามีคนนั้นคนนี้ไปเอา ก็ต้องมีการตรวจสอบ แต่ตนไม่ทราบว่าใครรับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดคุยตลอดว่าผู้ที่รับผิดชอบต้องทำให้โปร่งใส และนายกฯก็ได้ติงหลายครั้งว่าการนำชื่อตัวเองไปใส่ไว้เป็นการไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่มีผู้นำมาบริจาคและยังเอาออกมาไม่หมดเพราะโดยสภาพน้ำและการเข้าพื้นที่ แต่หากภาคเอกชน ประชาชน อาสาต้องการเข้าไปขนเองแล้วนำไปแจกก็ทำได้ตลอดเวลา เป็นการช่วยเหลือกัน
** "วิม"อ้างตกค้างเหตุขนส่งลำบาก
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สิ่งของบริจาคที่หลงเหลืออยู่ในอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น ไม่ใช่รัฐบาลไม่นำไปแจกจ่ายให้ประชาชน แต่ที่ของบริจาคยังเหลืออยู่นั้น เป็นการล่าช้าในการขนส่งมากกว่า เนื่องจากการขนส่งเป็นไปด้วยความยากลำบากหลังจากน้ำทะลักเข้าบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนกรณีสุขาลอยน้ำที่ถูกทิ้งลอยน้ำไว้บริเวณหน้าอาคาร 2 ที่ใช้เป็นอาคารรองรับประชาชนผู้อพยพนั้น ตนต้องขอเข้าไปสำรวจอีกครั้ง เพราะภายในอาคารคลังสินค้าไม่มีสุขาลอยน้ำหลงเหลืออยู่แล้ว
**“กฤษณา” แถไม่มีของบริจาคค้าง
น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังตกค้างอยู่ที่ ศปภ.สนามบินดอนเมือง เป็นจำนวนมากนั้น ขณะนี้ย้ายไปเก็บไว้ที่สนามศุภชลาศัยเรียบร้อยแล้ว เพื่อรอการนำไปช่วยเหลือต่อไป
**ปชป.ชี้ตอกย้ำ “ปู-ศปภ.” ล้มเหลว
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกอนาถใจและเสียดายหลังจากที่ได้เห็นภาพสิ่งของที่ประชาชนบริจาคผ่าน ศปภ.จำนวนมากที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ต้องจมน้ำเสียหายที่ศปภ.ดอนเมือง เพราะยังมีผู้ประสบภัยอีกมากมายที่ยังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากการขาดแคลนเครื่องใช้อุปโภคบริโภคแต่กลับต้องมาสูญเสียสิ่งของบริจาคไปกับความอ่อนประสบการณ์และความดื้อดึงของรัฐบาลและศปภ. ตอกย้ำความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของรัฐบาลและศปภ.ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นความรีบร้อนลนลานอพยพหนีน้ำจนทิ้งของที่ประชาชนได้ร่วมใจบริจาคช่วยผู้ประสบภัยต้องเสียเปล่า การกระทำอย่างนี้ประชาชนจะไปเชื่อมั่นและไว้วางใจศปภ.ได้อย่างไร เพราะขนาดฐานที่มั่นของตัวเองแท้ๆ ยังรักษาและประเมินสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้ อย่างนี้พี่น้องประชาชนชาวไทยคงต้องได้แต่สวดมนต์ภาวนาอย่างเดียวคงจะไปหวังพึ่งรัฐบาลคงต้องรอไปชาติหน้า
นายสกลธี กล่าวว่า ถือว่ารัฐบาลยังโชคดีที่หน่วยงานภาคราชการทำหน้าที่กันอย่างหนักและเต็มที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารตอนนี้ต้องระดมพลออกมารบกับน้ำกว่า 50,000นายแล้ว แต่ตนไม่รู้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เคยออกมาปรามลูกหาบบ้างหรือไม่ให้หยุดกระเหี้ยนกระหือรือหาเรื่องกับทหารโดยการเร่งเครื่องแก่พรบ.ระเบียบราชการกลาโหม หวังกินรวบอำนาจกองทัพไว้กับตัวเพื่อช่วยเหลือคนๆ เดียว ถ้าว่างมากนักควรเอาเวลาไปหาทางหาเงินเบี้ยเลี้ยงให้ทหารและเจ้าหน้าที่ราชการต่างๆ จะดีกว่าจะทำให้ขวัญกำลังใจมีมากขึ้นเพราะทุกคนเหนื่อยและทำงานเต็มที่เกือบเต็ม 24ชม.โดยไม่ได้รับอะไรเลยแต่กลับต้องมาพะวงกับพวกสันหลังหวะที่ระแวงกองทัพ.
หลังจากได้มีผู้เผยแพร่คลิป (หมายเหตุ : ที่มาhttp://www.youtube.com/watch?v=gfeBtGZI7q4&feature=share) ที่เกี่ยวกับสิ่งของบริจาคที่ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ดอนเมือง ที่ยังไม่สามารถนำออกไปแจกจ่ายกับผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามความประสงค์ของผู้บริจาคยังเหลืออยู่อีกเป็นจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังพบมีการติดชื่อจองที่ของบริจาคเช่น ชื่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยด้วย
นอกจากนั้นในช่วงค่ำของวันที่ 29 ต.ค. สถานการณ์ภายหลังจากที่ ศปภ. ต้องย้ายที่ทำการมายังเอนเนอร์ยี่ คอมเพล็ก ปตท. สำนักงานใหญ่ ถนนวิภาวดี-รังสิต เนื่องจากน้ำทะลักจากถนนวิภาวดี-รังสิต เข้ามายังชั้นหนึ่งอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ได้มีการเริ่มตัดไฟ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อป้องสิ่งของสูญหาย
โดยบรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยข้าวของบริจาค ที่ลอยเกลื่อน เนื่องจากน้ำได้ไหลเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ทำให้การขนของไม่สามารถทำได้ นอกจากนั้น ยังพบว่า รถยนต์หลายคันต้องจมน้ำ ทั้งนี้ ยังพบว่ายังมีผู้ประสบภัย คงยังปักหลักอยู่ดอนเมืองกว่า 600 คน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นประชาชนที่อาศัยย่านดอนเมือง
**ประจาน! ศปภ.ทิ้งของบริจาค
รายงานข่าวแจ้งว่า ภายหลังคลิปดังกล่าวเผยแพร่อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งวัน มีกระแสโจมตี ศปภ.อย่างหนัก โดยเฉพสะในโซเชียลมิเชียล เช่น หากรัฐบาลหรือ ศปถ.จะเปิดรับบริจาคใหม่ ดูว่าจะมีคนจิตอาสาไปบริจาค ไปแพ็คของอีกหรือไม่
บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้บริจาคเขาตั้งใจบริจาคให้คนเดือดร้อนน้ำท่วมใช้ไม่ใช่หรือ ทำไมไม่แจก เก็บไว้ทำไม และจะย้ายไปยังที่น้ำไม่ท่วมไปทำไม ตรงที่น้ำท่วมต้องแจกให้คนใช้ และยังตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อไรท่วมอีกเดี๋ยวก็มีคนแจกให้อีก เอาของแจกไปเก็บไว้ อย่างนี้ใครจะกล้ามาแจกอีก จะอมเรือ อมแพ อมส้วมไว้ขายหรือไง จะเก็บจะย้ายทำไม บางคนเห็นว่าเมื่อคนของรัฐยิ่งออกมาแก้ตัว ก็ยิ่งเป็นการประจานตัวเองหนักเข้าไปอีก
บงคนระบุว่า เคยไปช่วยเป็นอาสาสมัครที่ดอนเมืองในช่วงแรกๆ คนไปช่วยเยอะ ยังคิดว่าคนมีน้ำใจเยอะจแต่ไม่เข้าใจหน่วยงานของรัฐบาลถึงขาดการจัดการ อย่ามาอ้างว่าขนส่งไม่ทัน รู้ทั้งรู้ว่าน้ำมันจะท่วม ทำไมไม่รีบจัดการที่ย้ายออกไปที่อื่น อำนาจมีอยู่ในมือ คนมีอยู่ในมือ คนที่ยังเดือดร้อนมีอีกมากมาย ไร้ความรับผิดชอบ เป็นต้น
**ท่วมถึงเข่าของบริจาคลอยเกลื่อน
วานนี้ (30 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากท่าอากาศยานดอนเมือง ว่า อาคารผู้โดยสารภายในประเทศที่เคยใช้เป็นที่ทำการ ศปภ. นั้น จากการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ภายในชั้นหนึ่ง มีน้ำท่วมถึงเข่า นอกจากนี้พบว่ามีเสื้อผ้าที่มีผู้บริจาคไว้ให้กับผู้ประสบภัยจมน้ำบริเวณชั้นหนึ่งเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีเสื้อผ้าอีกจำนวนหนึ่งกองอยู่บนชั้นสอง
ทั้งนี้ ยังพบสุขาลอยน้ำที่นำมาบริจาคให้ผู้อพยพใช้ก่อนหน้านี้นั้น ล้มระเนระนาดเป็นจำนวนมากเนื่องจากกระแสน้ำมีความแรง ทั้งนี้แม่บ้านก็กำลังเร่งทำความสะอาดเก็บขยะในบริเวณชั้น 1 โดยเฉพาะกล่องโฟมอาหารที่ทิ้งไว้ซึ่งเริ่มเน่าเสีย
ส่วนอาคารสอง ที่เป็นศูนย์พักพิงของผู้ประสบภัย ก่อนหน้านี้นั้นตรวจสอบพบว่า ยังมีผู้ประสบภัยอาศัยอยู่ ประมาณ 500 คน โดยเจ้าหน้าที่ของศูนย์ประชาบดี กระทรวงพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ ได้เข้ามาเร่งอพยพออกไป แต่ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ไม่ยอมออกเนื่องจากหลายคนมีบ้านพักอยู่บริเวณดอนเมืองและรังสิต อีกทั้งเกรงว่าหากย้ายไปที่ ต่างจังหวัดจะอยู่ด้วยความแออัด จึงขออยู่ที่นี่ ซึ่งมีความเข้าใจรัฐบาลว่างานเยอะและอาจทำให้ดูแลไม่ทั่วถึงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. ได้เดินทางมาเจรจา กับผู้อพยพซึ่งได้ข้อสรุปว่า จะอนุญาตให้อาศัยอยู่ต่อไป โดยรัฐบาลจะดูแลเรื่องความเป็นอยู่ ส่วนอาหารอาจจะนำมาหย่อนโดยใช้ดอนเมือง โทลล์เวย์ก็ได้ และตนจะนำเรื่องนี้กลับไปรายงานให้นายกฯรับทราบ ขณะที่ผู้อพยพก็ยินยอมที่จะอยู่ต่อไป
ขณะที่บริเวณอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล วีไอพี พบว่ามีระดับน้ำถึงเอวเนื่องจากประตูที่อยู่หน้าอาคาร ซึ่งติด กับถ.วิภาวดีรังสิต ทำให้เป็นทางน้ำทะลักเข้ามาในสนามบินกระแสน้ำไหลเชี่ยว และมี รถ ขสมก. จอดเสียอยู่สองคัน ส่วนลานจอดรถโดยรอบของดอนเมือง พบว่ารถหลายคันได้จมน้ำ จนโผล่มาเพียงหลังคารถเท่านั้น
**ซ้ำรอยดอนเมืองเรือ 200 ลำกองพะเนิน
อีกด้าน ที่อาคารเอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นที่ปฏิบัติงานแห่งใหม่ของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) จากการลงสำรวจพื้นที่โดยรอบพบว่า นอกจากมีการป้องกันน้ำท่วมโดยการตั้งถุงทราย และแผ่นเหล็กเมลทัลชีทเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอาคารจ่ายไฟฟ้าและศูนย์ควบคุมไฟฟ้าที่มีการก่อกำแพงถุงทรายสูงกว่า 2 เมตรแล้ว ยังพบว่าที่ใต้อาคารดังกล่าวมีเรือไฟเบอร์จำนวนกว่า 200 ลำ วางเรียงซ้อนกันอยู่ พร้อมด้วยเรือเหล็กติดงเครื่องยนต์อีกจำนวน 5 ลำ ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ดูแลระบุว่า เป็นเรือที่ได้จากการบริจาคจากบริษัทลูกของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) อาทิ ปตท.สผ. เชลล์ และไทยออยล์ เป็นต้น เพื่อนไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยการนำออกไปบริจาคนั้น บุคคลต้องติดต่อโดยตรงไปยังบริษัทที่นำมาบริจาค
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า บริเวณด้านข้างเรือทุกลำ นอกจากจะมีการพ่นสีเป็นชื่อของเอกชนที่มาบริจาคแล้ว ยังพ่นข้อความและตราสัญลักษณ์ของกระทรวงพลังงานด้วย โดยตลอดบริเวณได้นำเส้นพลาสติกสีขาวแดงกันโดยรอบที่วางเรือ เพื่อกันคนไม่เกี่ยวข้องหรือไม่ได้รับอนุญาตเข้าไปในพื้นที่
**ตามคาด “ปู” มามุขเดิม “หนูไม่รู้”
ช่วงบ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบเลยขอตรวจสอบก่อน เพราะบางส่วนได้มีการย้ายไปที่สนามกีฬาศุภชลาศัย ส่วนพี่น้องที่ยังอยู่ในศูนย์อพยพดอนเมืองอย่างที่บอกการดำเนินการย้ายเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะเป็นห่วงไม่อยากใช้มาตรการอะไรต่างๆ และเท่าที่ได้คุยกันประชาชนแถวนั้นยืนยันที่จะอยู่ จึงของให้พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผบ.ตร.เข้าไปดูแล ทั้งในเรื่องของน้ำไฟอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งอยู่ประมาณ 200 ครอบครัว และจะมีการเจรจาต่อไป ว่าจะทำอย่างไร ในเบื้องต้นคนเหล่านี้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อยู่ในดอนเมือง
เมื่อถามว่าของที่รับบริจาคมาได้นำไปใช้อย่างเต็มที่แล้วหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าใช้ มีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาในเรื่องการเบิกจ่ายใช้ของบริจาค ทุกอย่างไม่มีใครเก็บไว้ เพราะสิ่งเหล่านี้ต้องนำไปช่วยเหลือประชาชน และได้นำส่งไปช่วยเหลือประชาชนจริงๆ ซึ่งอาจมองว่าไปไม่ทั่วถึงเพราะตรงนี้อยู่ที่ความต้องการแต่ละพื้นที่ด้วย
เมื่อถามว่า มีรายงานแจ้งว่ามีการนำเงินบริจาคไปซื้อถุงยังชีพเพิ่มเติมข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ของบริจาคส่วนใหญ่จะเป็นอาหาร แต่ในส่วนของถุงยังชีพต้องการระดับแสน เรือระดับหมื่น ซึ่งต้องมีการจัดซื้อเพิ่ม เราพยายามที่จะใช้งบประมาณอย่าเต็มที่ คือในส่วนของเงินบริจาคและของบริจาคเราก็ใช้ แต่ส่วนไหนที่ขาดเหลือเราจะใช้งบประมาณฉุกเฉินจัดซื้อต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค. น.ส. ยิ่งลักษณ์ ระบุถึงการย้ายที่ทำการศปภ.ว่า ในส่วนของ ศปภ.ขอเป็นคนสุดท้าย ขอทำหน้าที่ของเราตรงนี้ให้เต็มที่ และวันนี้ยังมีจำนวนผู้อพยพที่เราต้องขนย้าย
**"ประชา" เต้นสอบกรณีอมของบริจาค
พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ผ่านมาตนไม่ทราบรายละเอียดเรื่องการบริหารจัดการสิ่งของบริจาค เมื่อมีการนำคลิปภาพการกักตุนถุงยังชีพในศปภ.ดอนเมือง ก็จะเรียกนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบการบริหารจัดการสิ่งของบริจาคแทนนายการุณ โหสกุล เข้ามาชี้แจงทันที เพื่อเปิดเผยข้อเท็จจริงต่อประชาชน
นายจำเริญ กล่าวอีกว่า ตนได้รับมอบหมายให้ดูแลขนย้ายของบริจาคจำพวกเสื้อผ้าเครื่องใช้และถุงยังชีพ ซึ่งกำลังเร่งขนย้ายจากดอนเมืองไปยังสนามศุภฯ ในส่วนของกองเสื้อผ้าที่มีการถ่ายคลิปวิดีโอออกเป็นเผยแพร่นั้น เป็นเสื้อผ้าเก่าสภาพไม่สมบูรณ์ อยู่ระหว่างการส่งมอบให้โรงเรียนนายร้อยจปร. นำไปซักและอบแห้งใหม่ ทั้งนี้ ตนได้จัดระบบการเบิกรับถุงยังชีพให้มีความรัดกุมขึ้น โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ประสบภัยที่โทรศัพท์เข้ามาขอความช่วยเหลือจากคอลเซ็นเตอร์ของศปภ. หมายเลข 1111 กด 5 จากนั้นจะจัดส่งความช่วยเหลือไปให้อย่างเหมาะสมตามจำนวนผู้ประสบภัยที่แท้จริง นอกจากนี้จะเน้นจ่ายสิ่งของบริจาคให้กับจังหวัด อำเภอ เขต ทหาร ตำรวจ และมูลนิธิต่างๆ เพื่อให้การช่วยเหลือไปถึงประชาชนอย่างทั่วถึง
ในส่วนของสิ่งของบริจาคที่มีขนาดใหญ่ อาทิ ห้องสุขาลอยน้ำ เรือ และแพนั้น อยู่นอกเหนือความรับผิดชอบของตน โดยศปภ.มอบหมายให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รับไปบริหารจัดการ
**"พงศพัศ"อ้างไม่รู้ใครรับผิดชอบ
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ โฆษก ศปภ. กล่าวถึงของบริจาคที่ศูนย์ ศปภ.ดอนเมืองว่า มีอยู่สองส่วน ซึ่งขณะนี้ศูนย์ไปหมดแล้ว เหลือแต่ผู้อพยพที่ยังอยู่ที่ศูนย์พักพิงดอนเมืองประมาณ 350 กว่าคน นายกฯก็เป็นห่วงว่าเมื่อศูนย์ปิดไปกันหมดแล้วจะเป็นการทอดทิ้งประชาชนที่อยู่ตรงนี้ ซึ่งโดยสภาพขณะนี้น้ำท่วมสูงมาก รถทหารก็เข้าไม่ได้ น้ำไฟก็ต้องตัด เพราะระบบเสียหมด และวันที่ 30 ต.ค. ก็ได้อพยพประชาชนออกไปประมาณ 100 คน เหลือประมาณ 300 กว่าคนทั้งหมดตกลงใจว่าจะขออยู่ต่อ แม้ว่าสภาพความเป็นอยู่จะลำบาก ซึ่งขณะนี้ได้แก้ปัญหาโดยทางการท่าอากาศยานฯ ได้นำเครื่องปั่นไฟมาให้ และจัดส่งอาหาร 3 มื้อ โดยจัดเรือพายมาให้ คิดว่าชีวิตความเป็นอยู่เอาตามสมควร ทุกคนก็ยืนยันที่จะอยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงไม่สามารถย้ายได้เพราะเขาสมัครใจอยู่ต่อ
ส่วนของบริจาคที่ยังเหลืออยู่นั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า วันนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จะเข้ามาขนย้ายไปไว้ในที่ปลอดภัย ซึ่งเดิมจะนำไปไว้ที่สนามศุภฯ แต่สนามศุภฯ จะย้ายไปที่ จ.ชลบุรี จึงคิดว่าน่าจะไปที่จ.ชลบุรี แล้วกระจายต่อตรงจุดตรงนั้น
ส่วนที่มีการติดชื่อจองของบริจาคนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เรื่องระบบการแจกจ่าย นายกฯได้มอบผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ และที่ผ่านมาการบริหารจัดการก็มีคณะผู้บริหารจัดการอยู่ แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวออกมาว่ามีคนนั้นคนนี้ไปเอา ก็ต้องมีการตรวจสอบ แต่ตนไม่ทราบว่าใครรับผิดชอบ ซึ่งเรื่องนี้ได้พูดคุยตลอดว่าผู้ที่รับผิดชอบต้องทำให้โปร่งใส และนายกฯก็ได้ติงหลายครั้งว่าการนำชื่อตัวเองไปใส่ไว้เป็นการไม่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม สิ่งของที่มีผู้นำมาบริจาคและยังเอาออกมาไม่หมดเพราะโดยสภาพน้ำและการเข้าพื้นที่ แต่หากภาคเอกชน ประชาชน อาสาต้องการเข้าไปขนเองแล้วนำไปแจกก็ทำได้ตลอดเวลา เป็นการช่วยเหลือกัน
** "วิม"อ้างตกค้างเหตุขนส่งลำบาก
นายวิม รุ่งวัฒนจินดา โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สิ่งของบริจาคที่หลงเหลืออยู่ในอาคารคลังสินค้า ท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น ไม่ใช่รัฐบาลไม่นำไปแจกจ่ายให้ประชาชน แต่ที่ของบริจาคยังเหลืออยู่นั้น เป็นการล่าช้าในการขนส่งมากกว่า เนื่องจากการขนส่งเป็นไปด้วยความยากลำบากหลังจากน้ำทะลักเข้าบริเวณท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนกรณีสุขาลอยน้ำที่ถูกทิ้งลอยน้ำไว้บริเวณหน้าอาคาร 2 ที่ใช้เป็นอาคารรองรับประชาชนผู้อพยพนั้น ตนต้องขอเข้าไปสำรวจอีกครั้ง เพราะภายในอาคารคลังสินค้าไม่มีสุขาลอยน้ำหลงเหลืออยู่แล้ว
**“กฤษณา” แถไม่มีของบริจาคค้าง
น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ของบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ยังตกค้างอยู่ที่ ศปภ.สนามบินดอนเมือง เป็นจำนวนมากนั้น ขณะนี้ย้ายไปเก็บไว้ที่สนามศุภชลาศัยเรียบร้อยแล้ว เพื่อรอการนำไปช่วยเหลือต่อไป
**ปชป.ชี้ตอกย้ำ “ปู-ศปภ.” ล้มเหลว
นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกอนาถใจและเสียดายหลังจากที่ได้เห็นภาพสิ่งของที่ประชาชนบริจาคผ่าน ศปภ.จำนวนมากที่ปรากฎในสื่อสังคมออนไลน์ต้องจมน้ำเสียหายที่ศปภ.ดอนเมือง เพราะยังมีผู้ประสบภัยอีกมากมายที่ยังเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากการขาดแคลนเครื่องใช้อุปโภคบริโภคแต่กลับต้องมาสูญเสียสิ่งของบริจาคไปกับความอ่อนประสบการณ์และความดื้อดึงของรัฐบาลและศปภ. ตอกย้ำความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าของรัฐบาลและศปภ.ภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นความรีบร้อนลนลานอพยพหนีน้ำจนทิ้งของที่ประชาชนได้ร่วมใจบริจาคช่วยผู้ประสบภัยต้องเสียเปล่า การกระทำอย่างนี้ประชาชนจะไปเชื่อมั่นและไว้วางใจศปภ.ได้อย่างไร เพราะขนาดฐานที่มั่นของตัวเองแท้ๆ ยังรักษาและประเมินสถานการณ์เอาไว้ไม่ได้ อย่างนี้พี่น้องประชาชนชาวไทยคงต้องได้แต่สวดมนต์ภาวนาอย่างเดียวคงจะไปหวังพึ่งรัฐบาลคงต้องรอไปชาติหน้า
นายสกลธี กล่าวว่า ถือว่ารัฐบาลยังโชคดีที่หน่วยงานภาคราชการทำหน้าที่กันอย่างหนักและเต็มที่ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหารตอนนี้ต้องระดมพลออกมารบกับน้ำกว่า 50,000นายแล้ว แต่ตนไม่รู้ว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เคยออกมาปรามลูกหาบบ้างหรือไม่ให้หยุดกระเหี้ยนกระหือรือหาเรื่องกับทหารโดยการเร่งเครื่องแก่พรบ.ระเบียบราชการกลาโหม หวังกินรวบอำนาจกองทัพไว้กับตัวเพื่อช่วยเหลือคนๆ เดียว ถ้าว่างมากนักควรเอาเวลาไปหาทางหาเงินเบี้ยเลี้ยงให้ทหารและเจ้าหน้าที่ราชการต่างๆ จะดีกว่าจะทำให้ขวัญกำลังใจมีมากขึ้นเพราะทุกคนเหนื่อยและทำงานเต็มที่เกือบเต็ม 24ชม.โดยไม่ได้รับอะไรเลยแต่กลับต้องมาพะวงกับพวกสันหลังหวะที่ระแวงกองทัพ.