xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"งอน!งดตอบสื่อ ครม.ยกยอเป็นหญิงเก่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ปู"ชิ่งหนีนักข่าว ปัดตอบคำถามตั้งแต่เช้ายันบ่าย คนใกล้ชิดอ้างงอน หลังถูกสื่อทำหน้าเครียดตอนถาม ส่วนครม. ยกยอกันใหญ่ ปรบมือให้ บอกเข้มแข็งเกินหญิง ก่อนมอบ "เหลิม"ดูเรื่องความมั่นคงและแก้ปัญหาจราจร ส่วนแผนฟื้นฟูน้ำท่วม ยังไม่ชัด แต่เฉพาะหน้า ฝึกอาชีพให้ผู้พักพิงได้เบี้ยเลี้ยงวันละ 120 บ้านน้ำท่วมได้ชดเชยครัวเรือนละ 3 หมื่น "ประชา"แถได้อีก ของบริจาคลอยน้ำ เป็นภาพเก่า ทหารบี้รัฐแบ่งการทำงานให้ชัด เหตุดูแลไม่ทั่วถึง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 8.30 น. วานนี้ (1พ.ย.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อาคารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยก่อนเข้าร่วมประชุมนายกรัฐมนตรีได้รับมอบน้ำดื่มจำนวน 1 ล้านขวด จากบริษัท ที.ซี.ฟาร์มาซิติคอล อุตสาหกรรม จำกัด (กระทิงแดง) เพื่อนำไปแจกจ่ายบรรเทาความเดือดร้อนผู้ประสบภัยน้ำท่วม

ทั้งนี้ หลังจากรับมอบน้ำดื่มแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เดินเลี่ยงสื่อมวลชน ขึ้นห้องประชุมครม.ทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด

จากนั้นเวลา 11.10 น. นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปยังอาคารเอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ กระทรวงพลังงาน ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์บัญชาการ ศปภ. โดยมีผู้สื่อข่าวดักรอสัมภาษณ์จำนวนมาก ปรากฏว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินเลี่ยงกลุ่มสื่อมวลชนไปอย่างเร่งรีบ พร้อมกับรอยยิ้มเชิดใส่เล็กน้อย ก่อนขึ้นลิฟต์ไปยังชั้น 15 ทันที

**อ้างสื่อถามคาดคั้น ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ภายหลังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้รับเงินบริจาคจากหลายหน่วยงาน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 33,270,000 บาท จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจาก ศปภ.อย่างรีบร้อน โดยระหว่างเดินออกมา สื่อมวลชนถามว่า นายกรัฐมนตรีจะไปภารกิจที่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังคงนิ่งเงียบไม่ตอบคำถามใดๆ ขณะที่คนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี แจ้งกับสื่อมวลชนว่า นายกฯ จะไปประชุมร่วมกับรัฐมนตรีบางส่วน แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าประชุมที่ไหน เรื่องอะไร และขอไม่ให้สี่อมวลชนติดตาม และจะไม่กลับมาที่ ศปภ. แล้ว

พร้อมกันนี้คนใกล้ชิดนายกฯ ได้เปิดเผยว่า การที่นายกฯไม่ให้สัมภาษณ์สื่อไม่ได้เป็นเพราะงอน ที่ถูกสื่อจี้ถามหลายๆ คำถาม แต่นายกฯบอกว่า สื่อมวลชนบางคนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส จึงทำให้รู้สึกถูกคาดคั้น ซึ่งนายกฯ พร้อมตอบทุกคำถาม ไม่ว่าจะบวกหรือลบ แต่ขอเวลาสื่อถาม ขอให้ช่วยปรับใบหน้าให้ยิ้มแย้มด้วย

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดยอดบริจาคกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ล่าสุดจำนวน 830,285,326.82 บาท

** ครม.ปรบมือให้กำลังใจยิ่งลักษณ์

นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.ปรบมือให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เข้มแข็งในการแก้ปัญหา โดยพูดกันว่าหากพ้นสัปดาห์นี้ สถานการณ์จะดีขึ้น นายกฯ ไม่มีความกังวล และขอบคุณครม.ที่ให้กำลังใจและคอยช่วยเหลือ ทั้งนี้ นายกฯ ได้มอบหมายให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ สาธารณสุข ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาดไทย รวมทั้งมหาวิทยาลัยต่างๆ ไปบำบัดน้ำเสียในพื้นที่ต่างๆ ด้วย ส่วนแนวทางฟื้นฟูนิคมอุตสหากรรม มอบให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ รับไปดำเนินการ ขณะที่แนวคิด นิวไทยแลนด์ ยังไม่มีการพูดกัน แต่คิดว่าแนวคิดนี้น่าจะคุยกันในครม.เศรษฐกิจ สัปดาห์หน้า

**มอบ"เหลิม"ดูความมั่นคง-จราจร

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.ว่า ครม.มีมติมอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะทำงานด้านความมั่นคง ความปลอดภัย และการจรจาจร ซึ่งได้สั่งการให้ผบ.ตร.และผู้เกี่ยวข้องเตรียมแผนงานไว้แล้ว โดยจะไปเปิดที่ทำการโดยใช้สถานที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และจะบูรณาการตำรวจจากทุกภาค ตั้งเป็นศูนย์ปฎิบัติการจัดทำแผนผังแผนที่จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วมหนัก และจะนำกำลังตำรวจฝ่ายอำนวยการในจังหวัดที่น้ำไม่ท่วมจำนวนร้อยละ 5 มาประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการ และร่วมกันตรวจตรา

นอกจากนี้ ได้สั่งการกับตำรวจนครบาลว่า ไม่ว่าจะเป็นตำรวจนครบาลหรือตำรวจภูธร ต้องร่วมมือกัน เพราะเมื่อมาเชื่อมกันแล้ว ก็ต้องร่วมกันทำงาน รวมถึงตำรวจทางหลวง ตำรวจกองปราบปราม และหน่วยงานจากทุกภาคส่วนมาช่วยกันทำงาน

"เราจะใช้เรือหางยาง สปีดโบ้ท รถโฟว์วิล เฮลิคอปเตอร์ คอยตรวจตราในเวลากลางคืน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ประชาชนผู้สุจริต และได้รับผลกระทบ ส่วนในแม่น้ำเจ้าพระยา จะใช้กำลังตชด. ทั้งจากภาค 1 และภาค 4 มาตรวจตรา ขอให้ประชาชนสบายใจได้ ส่วนเส้นทางจราจรหลักยังไม่สามารถกู้ได้ 100% แต่ก็สามารถคลี่คลายให้การจราจรติดขัดน้อยลง เพราะเราไม่สามารถไปห้ามประชาชนให้ไปจอดรถได้ แต่เราก็ต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เสียพื้นผิวการจราจรไป เพื่อเร่งระบายรถไม่ให้ติดขัด ขณะนี้สิ่งที่ต้องทำคือการแก้ไขปัญหาจราจร การเฝ้าระวังทรัพย์สิน และการตรวจตราเพื่อป้องกัน ส่วนการดูแลพนังกั้นน้ำ ไม่ให้ประชาชนมาทำลาย ก็ได้กำชับว่า ห้ามใช้กำลังโดยเด็ดขาด ประชาชนไม่ได้เป็นอาชญากร แต่ที่เป็นแบบนั้นเพราะเขาเครียด เพราะเขาเชื่อว่าคันกั้นน้ำทำให้เขาเดือดร้อน เราจึงต้องเจรจาทำความเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษ ใช้ใจถึงใจ ทุกอย่างก็เรียบร้อย" ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

**แผนฟื้นฟูยังไม่มีรายละเอียด

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวว่า ครม.ได้เห็นชอบตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอมาตราการในการที่จะช่วยเหลือประชาชน และเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องด้วยกัน แต่ยังไม่ได้ลงในรายละเอียด และจำนวนงบประมาณที่จะนำมาใช้ เพราะวันนี้ ต้องมองในเรื่องเฉพาะหน้าระยะสั้นเท่านั้น

** มหาดไทยแม่งานเรื่องฟื้นฟูเยียวยา

นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยจะเป็นแม่งานหลักเรื่องการฟื้นฟู เยียวยา และทำแผนระยะยาวร่วมกับพล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบเรื่องสังคม นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ที่รับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีคณะกรรมการเยียวยาหนึ่งชุด คณะกรรมการแก้ปัญหาถาวรอีกหนึ่งชุด หลังจากนี้ ก็ต้องรอผลมติครม.ในสัปดาห์หน้า ในเรื่องของบทบาทกระทรวงมหาดไทย ที่จะมีมาอีกเยอะ สำหรับช่วงแรกเป็นช่วงที่ต้องเผชิญหน้าน้ำท่วม พอเริ่มเบาบางลง เรื่องฟื้นฟูเยียวยากับการแก้ไขปัญหาถาวรก็จะตามมา

***ให้สภาพัฒน์รวบรวมรายละเอียดอีกที

นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯ ได้สั่งสภาพัฒน์ เป็นผู้รวมรวมข้อมูลต่างๆ ที่เป็นข้อมูลช่วยเหลือเยียวยา ที่ผ่านความเห็นชอบจากครม.แล้ว จากทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน โดยให้ส่งมาให้สภาพัฒน์ภายใน 24 ชั่วโมง และจะรวบรวมใน 3 วัน ส่งให้นายกฯ อนุมัติต่อไป เช่น กระทรวงมหาดไทย บ้านเรือนเสียหายเท่าไร จะต้องได้อะไรบ้าง หรือผู้เสียชีวิต รัฐบาลจะให้เงินช่วยเหลืออย่างไร กระทรวงเกษตรฯ ข้าว พืชสวน ปศุสัตว์ เสียหายเท่าไร มีหลักเกณฑ์ชดเชยอย่างไร เป็นต้น และเมื่อนายกฯ อนุมัติก็จะจัดทำเป็นแผ่นพับให้พี่น้องปะชาชนทราบและประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ ต่อไป

**แย้มบ้านน้ำท่วมได้ครัวเรือนละ3หมื่น

นางฐิติมากล่าวว่า ส่วนการเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยเฉพาะหน้า ด้านศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย แรงงาน สภาพัฒน์ ร่วมกันปรับปรุงรูปแบบให้เป็นศูนย์พัฒนาฝีมือและคุณภาพชีวิตชั่วคราว ซึ่งจะมีการจัดบริการด้านอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค การดูแลเรื่องสุขภาพ ให้บริการทางการแพทย์ การเยียวยาจิตใจ กิจกรรมที่เหมาะกับกลุ่มวัย และการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น ทั้งนี้ ผู้ประสบภัยฝึกอบรมอาชีพอยู่ในศูนย์พักพิงนั้น จะได้รับเบี้ยเลี้ยง 120 บาทต่อวัน และหากมีความประสงค์จะทำงานต่อ ก็จะมีการจัดหางานให้ทำต่อในศูนย์พักพิงก็จะได้รับค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งหางานอาชีพนอกศูนย์พักพิงที่มีตำแหน่งงานว่างกว่า 3 หมื่นตำแหน่ง

ส่วนการดูแลผู้ป่วยจะให้กระทรวงสาธารณสุข ส่งผู้ป่วยไปยังพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบ และให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเข้ายา เวชภัณฑ์ เช่น น้ำยาล้างไต และได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย เร่งสำรวจเรื่องบ้านผู้ประสบภัย ที่ได้รับความเสียหาย เพื่อจัดงบประมาณช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 30,000 บาท และประสานการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ พร้อมทั้งให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจความเสียหาย เช่น พืช พันธุ์ข้าว การประมง คุณภาพของดิน รวมถึงให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จะร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ทั้งนี้ หากประสบภัยร้ายแรง และชีวิต จะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการพักชำระหนี้ 3 ปี ให้กับเกษตรกร โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบ

***"ประชา"อ้างคลิปของบริจาคภาพเก่า

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะผอ.ศปภ. กล่าวถึงการเผยแพร่คลิปที่มีภาพของการขนย้ายข้าวของบริจาค ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ต่อที่ประชุมครม.ว่า เป็นภาพเก่าตั้งแต่ก่อนวันที่ 29 ต.ค. ซึ่งขณะนั้นกำลังย้ายศูนย์อยู่ จึงมีของบริจาคมากมาย แต่ขณะนี้อาจมีขวดน้ำที่แตกจากแพ็ค หรือส้วมที่เสียหาย ดังนั้น ศปภ.ยืนยันว่า จะดูแลเป็นอย่างดี เพื่อให้ของบริจาคถึงมือประชาชน

** ทหารขอเบี้ยเลี้ยงเพิ่มวันละ120 บาท

เมื่อเวลา14.00 น.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้รับมอบสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอาทิ เรือ 30 ลำ เสื้อชูชีพ 187 ชุด เวชภัณฑ์ 1,000 ชุด จาก นายอิตซ์ฮัก โซฮัม เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย จากนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้กล่าวว่า ตามปกติทหารจะได้เบี้ยงเลี้ยงวันละ 75 บาท พร้อมเบี้ยงเลี้ยงปฏิบัติหน้าที่นอกหน่วยอีก 19 บาทต่อวันในสถานการณ์ปกติ แต่ในยามวิกฤติขณะนี้และออกมาทำงานเพื่อประเทศชาติกรณีพิเศษ ซึ่งทาง ผบ.ทบ.ได้ทำเรื่องประสานกับกระทรวงการคลัง ขอเพิ่มเบี้ยเลี้ยงให้อีก 120 บาทต่อวัน ซึ่งกำลังประสานงานอยู่ ส่วนจะได้หรือไม่ ยังไม่ทราบ

** อยากให้แบ่งงานรับผิดชอบให้ชัดเจน

เมื่อถามว่า หน่วยราชการบางหน่วยงานยังเกียร์ว่าง และไม่ประสานงานกับกองทัพทำให้กองทัพต้องทำงานอยู่ฝ่ายเดียว พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่อย่างนั้น ขณะนี้พื้นที่ในการทำงานกว้างขึ้น น้ำมากขึ้น และพื้นที่ที่เป็นอาณาเขตในการทำงานมากกว่าจำนวนทหารที่มีเท่าเดิม ดังนั้น การทำงานในพื้นที่ที่กว้างขึ้น และในจุดต่างๆ ที่เข้าไปดูแลมากขึ้น จะทำให้ไม่เรียบร้อย และไม่เป็นไปตามความมุ่งหมายที่เคยทำไว้เดิม ถ้ามีการแบ่งมอบงาน หรือให้หน่วยบางหน่วยเข้าไปทำงานในบางจุด และการแบ่งมอบพื้นที่ แล้วทางกองทัพได้นำทหารไปสนับสนุนในบางส่วน มันก็จะได้ผลเต็มพื้นที่ นี่ไม่ใช่การบ่น หรือโต้แย้งอะไร

**รับสมัครทหารปลดประจำการอยู่ต่อ

พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กรณีที่ทหารประจำการที่จะปลดในวันที่ 31 ต.ค.2554 ทาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ได้สอบถามว่า ใครที่อยากสมัครใจช่วยงานกองทัพก็สามารถอยู่ต่อได้ โดยมีทหารสมัครใจแล้ว 415 คน จากหน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศกองทัพบก (นปอ.) ซึ่งจะได้รับสิทธิของทางข้าราชการอย่างครบถ้วนต่อไปอีก 1 เดือน
กำลังโหลดความคิดเห็น