นายกฯ เร่งส่งแผนฟื้นฟูน้ำท่วม เตรียมให้ผู้อพยพฝึกอาชีพที่ศูนย์พักพิง รับเบี้ยเลี้ยงวันละ 120 พร้อมจัดหางานให้หลังน้ำลด สั่ง มท.สำรวจบ้านเรือนเสียหายก่อนจ่ายชดเชยหลังละ 3 หมื่น
วันที่ 1 พ.ย. นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำกับคณะกรรมการฟื้นฟู 3 คณะให้คณะกรรมการส่งแผนให้ทางสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยเร็ว ทั้งนี้ แผนที่มีระยะเวลาเกิน 1 ปี จะต้องส่งเข้าที่ประชุม ครม.ภายในสัปดาห์หน้าเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนโดยเฉพาะการป้องกันระยะยาว
นางฐิติมา กล่าวว่า ครม.ได้พิจารณามาตรการช่วยเหลือผลกระทบจากอุทกภัยเพิ่มเติม ตามความเห็นของที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหาอุทกภัยเริ่มลดลงแล้วในบางพื้นที่ แต่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑลยังมีความรุนแรงอยู่ และมีผู้ได้รับผลกระทบที่ต้องดูแลเพิ่มเติม จึงมีความเป็นเร่งด่วนในการเร่งรัดมาตรการฝืนฟูอาชีพและคุณภาพชีวิตในพื้นที่ภาวะอุทกภัยเริ่มบรรเทาลง และเพิ่มเติมในพื้นที่กทม.และปริมณฑลให้ครบถ้วนยิ่งขึ้น โดยการเตรียมการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยนั้นประกอบด้วย ด้านศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงมหาดไทย แรงงาน สภาพัฒน์ ร่วมกันปรับปรุงรูปแบบให้เป็นศูนย์พัฒนาฝีมือและคุณภาพชีวิตชั่วคราว ซึ่งจะมีการจัดบริการด้านอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค การดูแลเรื่องสุขภาพ ให้บริการทางการแพทย์ การเยียวยาจิตใจ กิจกรรมที่เหมาะกับกลุ่มวัย และการฝึกอบรมอาชีพระยะสั้น
นางฐิติมา กล่าวว่า ผู้ประสบภัยฝึกอบรมอาชีพอยู่ในศูนย์พักพิงนั้น จะได้รับเบี้ยเลี้ยง 120 บาทต่อวัน และหากมีความประสงค์จะทำงานต่อ ก็จะมีการจัดหางานให้ทำต่อในศูนย์พักพิงก็จะได้รับค่าจ้างตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งหางานอาชีพนอกศูนย์พักพิงที่มีตำแหน่งงานว่างกว่า 3 หมื่นตำแหน่ง ทั้งนี้การดูแลผู้ป่วยจะให้กระทรวงสาธารณสุขส่งผู้ป่วยไปยังพื้นที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบและให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งนำเข้ายา เวชภัณฑ์ เช่น น้ำยาล้างไตก็ให้เร่งนำเข้าจากต่างประเทศ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดูแลในเรื่องทรัพย์สินประชาชน กระทรวงพาณิชย์ดูแลเรื่องการจัดตั้งคลังอาหารสดและปรุงสำเร็จเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ กทม.และ ปริมณฑล
นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยเร่งสำรวจบ้านเรือนผู้ประสบภัยที่ได้รับความเสียหาย เพื่อจัดงบประมาณช่วยเหลือครอบครัวละไม่เกิน 30,000 บาท และประสานการช่วยเหลือในรูปแบบอื่นๆ ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งสำรวจความเสียหาย เช่น พืช พันธุ์ข้าว การประมง คุณภาพของดิน รวมถึงให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกลาโหม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จะร่วมกันแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสีย ทั้งนี้ หากประสบภัยร้ายแรงและเสียชีวิตจะมีการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และการพักชำระหนี้ 3 ปีให้กับเกษตรกร โดยกระทรวงการคลังจะเป็นผู้รับผิดชอบ
