อธิบดี กกจ.ผนึกครูแนะแนวจัดกิจกรรมแนะแนวอาชีพนักเรียน ม.ต้น-ม.ปลาย เน้นหาตำแหน่งงานว่างให้เหมาะกับความต้องการของพื้นที่ ส่วนแรงงานไทยทำงาน ตปท.เร่งพัฒนาทูตแรงงาน เน้นประสานบริษัทในประเทศต่างๆ รับคนไทยเข้าทำงาน ตัดตอนนายหน้า ลดค่าใช้จ่ายได้กว่า 3 หมื่นบ.ต่อคน
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตนมีนโยบายพัฒนาระบบการส่งเสริมการมีงานทำ เนื่องจากในแต่ละปี กกจ.จัดงานนัดพบแรงงานขึ้นในจังหวัดต่างๆ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงนักเรียน นักศึกษาเพื่อให้เข้าทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับความรู้และความถนัดของตนเองตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น กกจ.จะร่วมมือกับเครือข่ายครูแนะแนวในโรงเรียนต่างๆ เพื่อแนะแนวอาชีพให้แก่นักเรียนม.ต้นและม.ปลายโดยจัดกิจกรรมทดสอบความถนัดด้านอาชีพและวางแผนเรียนต่อให้เหมาะสมกับความรู้และถนัดของตนเองเพื่อเข้าสู่ตลาดงานได้อย่างมีคุณภาพ และจะพัฒนาการบริการจัดหางาน โดยจัดเจ้าหน้าที่ กกจ.ลงไปวิเคราะห์ความต้องการตำแหน่งงานในแต่ละพื้นที่ หลังจากนั้น จะจัดหาตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความต้องการของพื้นที่นั้นๆ โดยเปิดรับสมัครผ่านทางเวปไซต์หางานของ กกจ.และการจัดงานนัดพบแรงงาน
ในขณะเดียวกัน จะลดค่าใช้จ่ายของแรงงานไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศโดยให้ทูตแรงงานในประเทศต่างๆ ประสานกับบริษัทในประเทศนั้นๆ ในการจัดหาตำแหน่งงานในการจ้างงานคนไทย โดย กกจ.เป็นหน่วยงานกลางประสานกับแรงงานไทยที่ต้องการทำงานในต่างประเทศ ทำให้ไม่ต้องผ่านนายหน้าจัดหางาน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อคน
ทั้งนี้ หากแรงงานไทยไม่มีเงินก็สามารถกู้เงินจากโครงการให้บริการสินเชื่อเพื่อการไปทำงานต่างประเทศที่ กกจ.ร่วมกับธนาคารรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
นายประวิทย์ เคียงผล อธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ตนมีนโยบายพัฒนาระบบการส่งเสริมการมีงานทำ เนื่องจากในแต่ละปี กกจ.จัดงานนัดพบแรงงานขึ้นในจังหวัดต่างๆ แต่ยังไม่สามารถเข้าถึงนักเรียน นักศึกษาเพื่อให้เข้าทำงานในตำแหน่งงานที่เหมาะสมกับความรู้และความถนัดของตนเองตามเป้าหมายที่วางไว้ ดังนั้น กกจ.จะร่วมมือกับเครือข่ายครูแนะแนวในโรงเรียนต่างๆ เพื่อแนะแนวอาชีพให้แก่นักเรียนม.ต้นและม.ปลายโดยจัดกิจกรรมทดสอบความถนัดด้านอาชีพและวางแผนเรียนต่อให้เหมาะสมกับความรู้และถนัดของตนเองเพื่อเข้าสู่ตลาดงานได้อย่างมีคุณภาพ และจะพัฒนาการบริการจัดหางาน โดยจัดเจ้าหน้าที่ กกจ.ลงไปวิเคราะห์ความต้องการตำแหน่งงานในแต่ละพื้นที่ หลังจากนั้น จะจัดหาตำแหน่งงานให้เหมาะสมกับความต้องการของพื้นที่นั้นๆ โดยเปิดรับสมัครผ่านทางเวปไซต์หางานของ กกจ.และการจัดงานนัดพบแรงงาน
ในขณะเดียวกัน จะลดค่าใช้จ่ายของแรงงานไทยที่จะไปทำงานในต่างประเทศโดยให้ทูตแรงงานในประเทศต่างๆ ประสานกับบริษัทในประเทศนั้นๆ ในการจัดหาตำแหน่งงานในการจ้างงานคนไทย โดย กกจ.เป็นหน่วยงานกลางประสานกับแรงงานไทยที่ต้องการทำงานในต่างประเทศ ทำให้ไม่ต้องผ่านนายหน้าจัดหางาน จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางได้ประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อคน
ทั้งนี้ หากแรงงานไทยไม่มีเงินก็สามารถกู้เงินจากโครงการให้บริการสินเชื่อเพื่อการไปทำงานต่างประเทศที่ กกจ.ร่วมกับธนาคารรัฐ 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยปล่อยสินเชื่อในอัตราดอกเบี้ยต่ำ
