xs
xsm
sm
md
lg

ตลบหลังเข้ากรุง ห่วงฝั่งธนฯ-เตือนน้ำนครปฐม ศปภ.หวั่น 4 พันล้านลบ.ม.จ่อทะลัก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - "สุขุมพันธุ์"หวั่นน้ำจากจ.นครปฐมจะตลบเข้ากรุงเทพฯซ้ำ ยิ่งทำให้พื้นที่ฝั่งธนบุรีวิกฤตหนัก ปริมาณน้ำยิ่งเพิ่มสูงขึ้น พร้อมสั่งแขวงบางไผ่ เขตบางแคอพยพด่วน เหตุน้ำท่วมสูงอย่างมาก ด้านศปภ.เตือนคนฝั่งธนฯรับมือท่วมหนัก สถานการณ์น้ำบริเวณวิภาวดีได้เอ่อและแผ่ขยายไปพื้นที่ข้างเคียง ขณะที่พนักกั้นน้ำพระโขนงพังไหลเข้าท่วมสุขุมวิท 50

สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ยังไม่มีแนวโน้มจะคลี่คลายลง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันตกในหลายพื้นเข้าขั้นวิกฤต หลังจากน้ำที่เอ่อจากคลองทวีวัฒนา ยังคงไหลท่วมถนนสายๆหลัในฝั่งธนบุรี ขณะที่ฝั่งตะวันออก การจัดการน้ำยังไม่เป็นไปตามเป้าที่รัฐบาลวางไว้ ซ้ำร้ายปริมาณน้ำบริเวณถนนวิภาวดีได้แผ่ไปยังพื้นที่ใกล้เคียงจนไปถึงถนนประชาชื่น

**ห่วงน้ำจากนครปฐมตลบหลังเข้ากทม.**

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ว่า ที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้ ก็คือ ระดับน้ำในพื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ ที่สูงขึ้น ส่วนบางเขนก็สูงขึ้นและขยายพื้นที่มากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ตนเป็นห่วงมากที่สุด ในวันนี้ก็คือ ฝั่งธนบุรี ที่ปริมาณน้ำเยอะจริงๆ ทั้งในบางพลัด ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน ซึ่งรอติดตามสถานการณ์ ในหลายๆ เขต โดยเฉพาะเขตบางแคอย่างใกล้ชิด ว่าจะมีปัญหามากน้อยเพียงใด และที่เป็นห่วงอีกอย่างก็คือ น้ำจากจังหวัดนครปฐมจะตลบเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ฝั่งธนฯ มีปัญหามากขึ้น โดยตอนนี้ถนนสายหลัก เช่น กาญจนาภิเษก บรมราชชนนี สวนผักจรัญ พุทธมณฑลสาย 1 และ 3 ที่ไม่สามารถใช้การได้

**เร่งผันน้ำไปทางแม่น้ำท่าจีน**

“อยากบอกให้ทราบว่า ผมเป็นคนที่น่าเบื่อหน่ายมาก คนอื่นบอกว่าถึงขั้นวิกฤตแล้ว ผมก็ยังไม่อยากบอก บางคนก็บอกว่าผ่านพ้นสถานการณ์เลวร้ายแล้ว แต่ผมก็ไม่อยากพูดอย่างนั้น ไม่อยากพูดว่าเราไอ้ผ่านพ้นปัญหาไปแล้ว เพราะขณะนี้ประชาชนในพื้นที่ดอนเมือง หลักสี่ สายไหม บางพลัด ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน ยังประสบปัญหาน้ำท่วม ดังนั้นจึงขอให้อดทนกับความน่าเบื่อหน่ายของผมต่อไป เพราะว่าท่านไม่มีทางเลือก”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมฝั่งธนฯ อย่างไร ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวว่า ได้ประสานไปยัง ศปภ. และศปภ.ก็ได้ยอมรับให้กรมชลประทาน และกรมทรัพยากรน้ำ ผันน้ำไปทางแม่น้ำท่าจีน

**ชาวตลิ่งชันยังห่วงทรัพย์สิน**

อย่างไรก็ตาม ภายหลังคณะของผู้ว่าฯกทม.พร้อมคณะผู้บริหารกทม.ลงพื้นที่ภายถนนทุ่งมังกร หรือทางลัดบางกรวยจงขนอมจนถึงสถานีสูบน้ำคลองศาลเจ้า รวมระยะทางประมาณ 8 กม.ระดับน้ำมีความสูงที่ 50-70 ซม.ตลอดเส้นทาง ส่วนใหญ่พื้นที่ดังกล่าวเป็นบ้านเรือประชาชนรวมถึงร้านค้าที่ได้รับความเสียหายหลายหลังคาเรือน โดยประชาชนส่วนใหญ่ได้เดินทางออกไปอาศัยที่ต่างจังหวัด เนื่องจากมีน้ำท่วมขังมา 3-4 วันแล้ว และคาดว่าปริมาณน้ำจะสูงขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ขณะที่น้ำก็เริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าอย่างไรก็ตามยังมี ประชาชนส่วนหนึ่ง ยังไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ แม้ว่ากทม.ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนอพยพมาก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากเป็นห่วงบ้านเรือนและทรัพย์สินจึงไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ สำหรับพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่รับน้ำมาจากคลองบัวซึ่งเชื่อมต่อกับคลองมหาสวัสดิ์ ซึ่งขณะนี้ทั้งสองคลองมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆจนทำให้พื้นที่ในเขตตลิ่งชันเกือบทั้งหมดได้รับผลกระทบ

**ประกาศเฝ้าระวังบางแคพิเศษ **

นอกจากนี้ คณะของผู้ว่าฯกทม.ลงพื้นที่ตรวจระดับน้ำพร้อมให้กำลังใจประชาชนแขวงบางแวก เขตบางแค ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่เอ่อล้นจากคลองบางแวก โดยคลองดังกล่าวรับน้ำมาจากอำเภอสามพราน จ.นครปฐม ไหลผ่านคลองมหาสวัสดิ์ ทวีวัฒนาและมาถึงพื้นที่ดังกล่าว ทำให้พื้นที่นี้มีปริมาณน้ำท่วมสูงประมาณ 50-70 ซม. ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ชุมชนต่างๆที่ได้รับความเดือดร้อน ขณะที่ทางสำนักงานเขตบางแคได้ให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากมีปริมาณน้ำที่สู ง จึงยัง ไม่สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้ ทั้งนี้ในส่วนของเขตบางแคเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ทางกรุงเทพมหานครได้ประกาศให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่เสี่ยงที่มวลน้ำจากอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม อาจจะไหลตีกลับเข้าพื้นที่ของเขตบางแคและหนองแขมได้

** สั่งอพยพเพิ่มแขวงบางไผ่ เขตบางแค**

ล่าสุดเมื่อเวลา 18.45 น ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวหลังจากลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมฝั่งธนบุรีว่า ขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมในเขตบางแคมีน้ำท่วมสูงมาก กทม.จึงตัดสินใจประกาศให้แขวงบางไผ่ เขตบางแค เป็นพื้นที่อพยพอีกแห่งหนึ่ง ทั้งนี้กทม.เกรงว่าน้ำจะเข้ามาถึงถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม ภายในคืนนี้หรือพรุ่งนี้ จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สำหรับพื้นที่ฝั่งตะวันตกมีความไม่แน่นอนสูงมาก สถานการณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซึ่งในเขตตลิ่งชันน้ำยังไม่นิ่ง หากน้ำไม่มาเพิ่มจะสามารถเข้าสู่ระบบการระบายน้ำของกทม. คาดว่าน้ำจะลดอย่างเห็นได้ชัดใน 3-4 วัน และจะแห้งภายใน 1 สัปดาห์ ซึ่งกทม.ได้รับความร่วมมือจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยเร่งระบายน้ำออกแม่น้ำท่าจีน

**'ตลาดพงษ์เพชร'น้ำท่วมสูง50ซม.**

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมบริเวณต่างๆ ในกทม. เริ่มจากการจราจรบนถนนงามวงศ์วาน ขาออก ตั้งแต่บริเวณแยกบางเขน มุ่งหน้าสี่แยกพงษ์เพชร ติดขัดเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีน้ำท่วมขังเป็นช่วงๆ ตั้งแต่บริเวณด้านหน้าเรือนจำคลองเปรม ระดับน้ำสูงประมาณ 10 เซนติเมตร แต่จะท่วมสูงขึ้นบริเวณด้านหน้าตลาดพงษ์เพชร จนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ในขณะที่รถโดยสารประจำทาง ก็ไม่สามารถจอดรับผู้โดยสารบริเวณช่องซ้ายสุดได้เช่นกัน เนื่องจาก ระดับน้ำที่ท่วมสูงประมาณ 50 เซนติเมตร โดยผู้ที่จะสัญจรผ่านบริเวณสี่แยกพงษ์เพชรสามารถใช้สะพานข้ามแยก อย่างไรก็ตาม การจราจรไม่คล่องตัวเนืองจากมีปริมาณรถมาก อีกทั้งมีรถของประชาชนที่นำมาจอดหนีน้ำตลอดแนวสะพาน ด้วย

**ข่าวดีระดับน้ำทะเลหนุนต่ำว่าที่คาด**

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวถึงการติดตามระดับน้ำทะเลหนุนสูงสุุดวานนี้(31ต.ค.)ว่า พอจะมีข่าวดีให้ประชาชนทราบอยู่บ้างว่า ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาหนุนสูงสุดอยู่ที่ 2.44 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.50 จากระดับทะเลปานกลาง และต่ำกว่าเมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) ที่ขึ้นสูงสุด 2.53 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ดังนั้น พอจะคาดหวังได้ว่า ช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุดได้ผ่านไปแล้ว แต่จะมีหนุนสูงสุดอีกครั้ง ประมาณช่วงกลางเดือน พ.ย. นี้ ซึ่งจากที่น้ำหนนุนในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ และเขตดุสิต ได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก แต่ทั้งนึ้ ปัญหาที่เกิดขึ้น อยู่ในขอบเขตค่อนข้างจำกัด

**สร้างคันดินบนถนนพหลโยธินตัดรังสิต**

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์น้ำเหนือนิ่งแล้ว คลองสองคงที่ ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยวัดได้ 2.88 เมตร ซึ่งเช่นเดียวกับคลองส่วนใหญ่ในฝั่งพระนคร ที่สำคัญระดับน้ำในคลองรังสิตลดลง ซึ่งตนหวังว่าจะลดลงไปเรื่อยๆ และน่าจะทำให้สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาได้อย่างจริงจัง เพราะปัญหาสำคัญที่ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากน้ำในคลองรังสิตสูงมาก และไหลเข้ามาในพื้นที่ กทม. จากนี้ไป กทม.จะเข้าไปสร้างคันดินกั้นน้ำบริเวณถนนพหลโยธิน ตัดคลองรังสิต ได้สะดวกยิ่งขึ้น

**น้ำเริ่มไหลเข้าศูนย์ราชการฯ**

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำจากถนนวิภาวดี เขตดอนเมืองที่ทะลักเข้าท่วมเขตหลักสี่และถนนแจ้งวัฒนะ เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากช่วงเช้าที่น้ำท่วมอยู่ในระดับขอบทางเดินเท้า เพิ่มสูงขึ้นเป็น 70 ซ.ม. และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอาคารบริษัททีโอที จำกัด มหาชน และบริษัทกสท.โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เจ้าหน้าที่เร่งสูบน้ำที่ไหลเข้าท่วม ส่วนทางเข้าศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะและกรมสอบสวนคดีพิเศษ น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมลานจอดรถยนต์แล้ว ซึ่งภายหลังน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมลานจอดรถยนต์ของดีเอสไอ เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังหม้อแปลงไฟฟ้าแรงสูงซึ่งติดตั้งอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ส่วนกระทรวงยุติธรรมที่ตั้งอยู่ในศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะนั้น เจ้าหน้าที่สำนักเทคโนโลยีได้ปิดระบบอินเตอร์เน็ตของกระทรวงเพื่อป้องกันเซิรฟ์เวอร์เสียหาย หากน้ำเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ยังพบว่า เจ้าหน้าที่ได้นำป้ายมาติดประกาศ พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงแจ้งเตือนไม่ให้รถยนต์ทุกชนิดข้ามสะพานข้ามแยกคลองประปาเข้าไปยังถนนแจ้งวัฒนะ เนื่องจากน้ำท่วมสูงกว่า 70 ซ.ม. ประชาชนที่สัญจรไปมาต้องรอรถ ขสมก.หรือรถบริการของทหารเท่านั้น

**เสริมคันริมคลองประปาฝั่งนนท์**

ขณะที่บริเวณคลองประปาแยกศรีสมาน เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบ็กโฮมาขุดดินเพื่อเสริมแนวคันกั้นน้ำริมคลองประปาฝั่งจังหวัดนนทบุรีให้สูงขึ้นอีกประมาณ 1.50 เมตร ส่วนคันกั้นน้ำในฝั่งดอนเมืองยังเป็นแนวคันกั้นน้ำที่ต่ำมาก แม้จะมีความพยายามเข้าไปเสริมคันกั้นน้ำ แต่ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งประมาณ 5-7 คน ยังคงรื้อแนวคันกั้นน้ำย่านวัดสีกัน ส่วนบริเวณถนนสรงประภา-ดอนเมือง ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเมื่อวันที่ 30 ต.ค.

ส่วนรถบบรรทุกสิบล้อของอาสาสมัครที่ออกมาให้บริการรับส่งประชาชนเสริมรถบริการของทหารที่มีจำนวนน้อย เมื่อถอยกลับลงไปในถนนสรงประภาเครื่องยนต์ได้ดับลงเนื่องจากระดับน้ำสูงเกือบถึงกระจังหน้ารถบรรทุก ชาวบ้านส่วนใหญ่เริ่มนำเรือพายและเรือติดเครื่องยนต์ออกมาเป็นยานพาหนะ ส่วนบริเวณถนนวัดเวฬุวนารามหรือวัดไผ่เขียว ระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแล้ว

**เขตลาดพร้าวขน3เครื่องสูบน้ำสู้**

นายบพิตร แสงแก้ว ผู้อำนวยการเขตลาดพร้าว กล่าวว่า สถานการณ์ในเขตลาดพร้าวขณะนี้ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะมีน้ำไหลทะลักเข้ามาท่วมในพื้นที่ โดยได้มีการซ่อมเสริมแนวคันกั้นน้ำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น พร้อมเตรียมเครื่องสูบน้ำไว้ 3 เครื่อง เพื่อระบายน้ำออก อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์น้ำรุนแรงคงต้องเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ อย่างเร่งด่วนนั้น ทางเขตฯได้เตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว โดยมีศูนย์พักพิงใน 6 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนวัดลาดพร้าว โรงเรียนวัดลาดปลาเค้า โรงเรียนเทพวิทยา โรงเรียนคลองทรงกระเทียม โรงเรียนเพชรถนอม และโรงเรียนลอยสายอนุสรณ์ พร้อมประสานขอความร่วมมือเพิ่มอีก 2 โรงเรียน รวมทั้งหากประชาชนจะย้ายไปยังศูนย์พักพิงต่างจังหวัด ก็ได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเตรียมความพร้อม

**น้ำท่วมถ.รามอินทรารถติดหนัก สูง30ซม.**

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพถนนรามอินทรามีน้ำท่วมผิวจราจรฝั่งขาออก ประมาณ 20-30 เซนติเมตร ทำให้บริษัท ห้างร้าน และบ้านที่อยู่อาศัยตลอดแนว ต้องเร่งระดมเสริมกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมเป็นการด่วน

ส่วนสภาพการจราจรบนถนนรามอินทราติดขัด เนื่องจากน้ำท่วมถนนตั้งแต่บริเวณแยกวงเวียนอนุสาวรีย์บางเขนถึงถนนรามอินทรา 37 แต่เมื่อเลยจากรามอินทราซอย 37 แล้ว ถนนแห้ง การจราจรคล่องตัวปกติ

ขณะที่ บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แจ้งว่า บริษัทปิดให้บริการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา รามอินทรา เป็นเวลา 1 วัน เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วม ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการเดินทาง ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าอย่างไรจะแจ้งให้ ทราบอีกครั้ง

**สุขุมวิท50อ่วมพนังกั้นนำพระโขนงพัง

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่บริเวณภายในซอยสุขุมวิท 50 ว่า ตั้งแต่ชุมชนแสนสุข เรื่อยไปตามซอยถึงชุมชนร่มไทร มีปริมาณน้ำท่วมขังที่เอ่อทะลักเข้ามาจากคลองพระโขนง เนื่องจากพนังกั้นน้ำของชุมชนเริ่มเจริญพังลง ส่งผลให้น้ำเข้าท่วมพื้นผิวจราจรภายในซอยสุขุมวิท 50 ระยะทางเกือบ 1 กม.โดยระดับน้ำภายในชุมชนเริ่มเจริญ และหมู่บ้านเปรมฤทัยท่วมสูงประมาณ 20-40 เซนติเมตรแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่จากสำนักการระบายน้ำกรุงเทพฯ กำลังเร่งซ่อมแซมพนังกั้นน้ำคลองพระโขนงที่แตกประมาณ 6 เมตร เป็นการด่วน โดยใช้แผ่นเหล็กขนาดใหญ่มาปิดทับ พร้อมกับใช้กระสอบทรายหนุนเพื่อกันน้ำที่ทะลักเข้า ในขณะที่ปริมาณเอ่อล้นไหลท่วมพื้นที่และห่างจากถนนสุขุมวิทเพียง 500 เมตร

**ผอ.เขตคลองเตยยังไม่ถึงขั้นอพยพ**

ด้าน นางวิภารัตน์ ไชยานุกิจ ผอ.เขตคลองเตย เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำล่าสุดในซอยสุขุมวิท 50 ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว ที่เป็นปัญหาในวันนี้เกิดจากพนังกั้นน้ำในชุมชนเริ่มเจริญพังลงเมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.ของวันนี้ ทำให้น้ำจากคลองพระโขนงไหล่บ่าเข้าท่วมในพื้นที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซม โดยสำนักการระบายน้ำกรุงเทพฯ ได้นำรถขุดมาช่วยด้วย ซึ่งทำให้การทำงานรวดเร็วขึ้น คาดว่า วันนี้น่าจะแล้วเสร็จ

นางวิภารัตน์ กล่าวถึงการอพยพ ว่า น้ำไม่ได้ท่วมมากถึงกับต้องอพยพ แต่จะส่งผลกระทบกับบ้านที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าพื้นถนน ก็จะได้รับผลกระทบค่อนข้างเยอะ โดยจากการลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านทุกวันก็จะไม่มีปัญหาในจุดนี้

**อ.บางเลน น้ำท่วม 90% แล้ว วอนชาวบ้านอพยพ**

นายนิมิตร จันทนวิมล รองผู้ว่าราชการจ.นครปฐม เปิดเผยสถานการณ์น้ำในอ.บางเลน จังหวัดนครปฐม ว่า ขณะนี้ไม่ต้องรอให้ถึง 48 ชั่วโมงในการอพยพแล้ว เพราะน้ำได้เข้ามาในพื้นที่กว่า 90% แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ ต.ภาษี อ.บางเลน น้ำอยู่ในระดับที่สูง จึงอยากวิงวอนชาวบ้านอพยพออกจากบ้านเรือนมาอยู่ในที่พักพิงที่จังหวัดได้เตรียมไว้ให้ เนื่องจากทางราชการจะได้ดูแลอย่างทั่วถึง จากเดิมชาวบ้านไม่ยอมออกจากบ้านเรือน เนื่องจากยังมีความเชื่อว่าน้ำจะลดลง แต่หลังจากได้ลงพื้นที่ พร้อมกับให้อาสาสมัคร ได้พยายามพูดคุยและประชาสัมพันธ์ ชาวบ้านก็เริ่มทยอยออกจากพื้นที่แล้ว

นายนิมิตร กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดนครปฐมนั้นเริ่มขยายไปในหลายอำเภททั้งอ.สามพราน นครชัยศรี พุทธมณฑล กำแพงแสนในบางส่วน โดยรวมทั้งจังหวัดน้ำท่วมเกือบเต็มพื้นที่กว่า 80% แล้ว ส่วนพื้นที่การการเกษตรเสียหายกว่า 8 แสนไร่

***“ปลอด” เตือนฝั่งธนฯ เจอน้ำท่วมหนัก

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีปริมาณน้ำจากภาคเหนือประมาณ 4,000 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ตกค้างอยู่บริเวณด้านเหนือของกรุงเทพฯ โดยคาดว่ามวลน้ำดังกล่าวจะกระจายไปด้านตะวันออกและตะวันตกของ กทม. ทั้งนี้พื้นที่ทางทิศเหนือของ กทม.คงต้องเจอกับสภาพน้ำทะลักเข้าท่วมต่อไป เนื่องจากยังคงต้องรับปริมาณน้ำที่มาจาก จ.ปทุมธานี และคลองต่างๆ ส่วนพื้นที่ฝั่งทางตะวันตกของ กทม. จะหนัก เพราะจะได้รับผลกระทบจากการระบายน้ำของ จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง ดังนั้น ปริมาณน้ำจะไหลแผ่ขยายเป็นวงกว้าง เรียกได้ว่า ประมาณ 80-90% จนเกือบเต็มพื้นที่ของฝั่งธนบุรี

“ตอนนี้มีมวลน้ำเหนือ กทม.ที่ยังตกค้างทั้งสิ้น ประมาณ 4,000 ล้าน ลบ.ม. ประกอบกับคงต้องใช้ระยะเวลา 3-4 สัปดาห์ ถึงจะระบายน้ำมวลนี้กลับเข้าสู่แม่น้ำสายหลัก จากนั้นจึงลงสู่ทะเลอ่าวไทย สุดท้าย กทม.จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ” นายปลอดประสพกล่าว

ขณะที่ กทม.ฝั่งตะวันออกปริมาณน้ำทุ่งรังสิตเริ่มคงที่ จึงสามารถตีความได้ 2 อย่าง คือ 1.ปริมาณน้ำที่ไหลมาจากภาคเหนือเริ่มหมดแล้ว 2.การผันน้ำเริ่มไปสู่ทิศตะวันออกของ กทม.มากขึ้น แสดงถึงสัญญาณที่ดี เนื่องจากหากมวลน้ำเริ่มคงที่ ไม่เพิ่มขึ้น จะทำให้แนวป้องกันต่างๆ เช่น บริเวณคลองหกวาสายล่าง คลองสอง ความกดดันจากแรงดันของน้ำจะลดลง จนแนวป้องกันสามารถต้านทานได้ มิเช่นนั้นหากยังมีปริมาณน้ำไหลมาสมทบ อาจจะทำให้แนวเขื่อนป้องกันแตกจนมีปริมาณน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมพื้นที่ของประชาชนได้

ขณะที่ นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง น่าจะรอดพ้นจากน้ำท่วม เนื่องจากปริมาณน้ำที่ไหลเข้าสู่พื้นที่ กทม.เป็นไปในลักษณะค่อยๆ ไหลซึมมาช้าๆ ไม่ใช่ไหลแบบ จ.พระนครศรีอยุธยา

***รถไฟสายใต้ทุกขบวนเริ่มต้นสถานีนครปฐม

ด้าน การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า สถานการณ์น้ำท่วมในเส้นทางสายใต้ช่วงสถานีบางซื่อ-บางบำหรุ กับ สถานีศาลายา-วัดสุวรรณ-วัดงิ้วราย ยังมีระดับน้ำท่วมสูงเหนือสันรางกว่า 51 เซนติเมตร ขบวนรถไฟไม่สามารถผ่านไปมาได้ การรถไฟฯได้ประกาศให้มีเดินขบวนรถบริการเพียง 5 ขบวน ได้แก่ ขบวนรถที่ 43, 171, 35, 37, 83 โดยให้ขบวนรถไฟสายใต้ทุกขบวนเริ่มต้นทางและปลายทางที่สถานีนครปฐม และจะดำเนินการให้ผู้โดยสารเดินทางโดยรถยนต์เพื่อรับส่งระหว่างสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) กับสถานีนครปฐมแทน และในวันที่ 1 พ.ย.การรถไฟฯจะประกาศเดินรถไฟสายเหนือจากกรุงเทพ-เชียงใหม่ เพิ่มขึ้นอีก 2 ขบวน คือ

1.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 1 กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 18.10 น.โดยจะให้ขบวนรถวิ่งอ้อมไปสถานีมักกะสัน ผ่านสถานีฉะเชิงเทรา คลองสิบเก้า แก่งคอย แล้วมาที่ชุมทางบ้านภาชี และตรงไปยังจังหวัดเชียงใหม่ต่อไป

2.ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 2 เชียงใหม่-กรุงเทพฯ กำหนดออกจากเชียงใหม่ เวลา 17.55 น.
สำหรับขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 9 (กรุงเทพฯ-เชียงใหม่) ออกจากกรุงเทพฯ เวลา 08.30 น.และขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางที่ 12 (เชียงใหม่-กรุงเทพฯ) ออกจากเชียงใหม่เวลา 08.45 น.ยังคงเดินให้บริการเช่นที่ผ่านมา

***หนังสือถึงมือผู้ว่าฯเปิดประตูคลองสามว่า

ส่วนกรณีความขัดแย้งการเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวา กทม.มีภารกิจสำคัญในการป้องกันเขตนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซึ่งเป็นพื้นที่เศรษฐกิจสำคัญมีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท ตามคำสั่งของศปภ. ดังนั้นกทม.จะไม่ยอมเปิดประตูระบายน้ำคลองสามวาเพิ่มขึ้นถึง 1 เมตร เพราะเป็นการเสี่ยงเกินไป โดยขณะนี้เปิดได้กว้างสุด 75-80 ซ.ม เท่านั้น

ล่าสุด หนังสือที่นายกฯได้ลงนามเพื่อให้กรุงเทพฯเปิดประตูคลองสามวาได้ส่งมาถึงผู้ว่าฯกทม.แล้ว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยหรือให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด.

***กปน.ยันประปาได้มาตรฐาน

นายวิกรม สุวรรณชมภู ผู้ช่วยผู้ว่าการกปน.ให้สัมภาษณ์ว่า สี-กลิ่นเปลี่ยนไปเพราะผงถ่านแต่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ มีคุณภาพตามมาตรฐาน มีสีกลิ่นเพี้ยน ที่ควบคุมได้ ปัญหาจากน้ำไหล่บ่าเข้าคลองประปา ถ้าไม่มีมีเข้ามาอีก เร็วๆนี้จะเข้าสู่ภาวะปกติ สำหรับแผนสำรองในการผลิตน้ำประปา ที่ทำได้คือ ลดการผลิตเพราะ น้ำดิบต้องใช้เวลาในการตกผลึกและการประปาสามารถเสริมส่งการผลิตกันได้ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรการประปาจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแต่ ขอความร่วมมือปชช.อย่าทำลายแนวกั้นคลองประปา และตอนนี้มั่นใจอยู่ แต่การสำรองน้ำไว้ ก็เป็นการออมไว้ ยืนยันไม่มีปัญหาในการผลิตประปา สีกลิ่นเปลี่ยนไปเพราะคุณภาพน้ำดิบ “ควรนำไปต้มก่อนบริโภคได้”

" สถานการณ์น้ำในคลองประปาโดยรวมขณะนี้ ยังสามารถควบคุมระดับน้ำได้ และได้เร่งระบายน้ำลงคลองบางเขน บางซื่อ และสามเสน อย่างต่อเนื่อง ส่วนคุณภาพน้ำ แม้ขณะนี้ปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำ (DO) จะมีค่าต่ำมาก แต่ กปน.ได้มีการเดินเครื่องเติมอากาศ และเติมผงถ่านกัมมันต์ เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำในการดูดซับสี กลิ่น ทำให้คุณภาพน้ำประปาที่ผลิตได้ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทุกประการ "
กำลังโหลดความคิดเห็น