xs
xsm
sm
md
lg

น้ำท่วมฉุดจีดีพีต่ำ3%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ผู้ว่าการธปท.เล็งลดประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ต่ำกว่า 3% จากเดิม 4.1% พิษน้ำท่วม-ศก.โลก ระบุหากเกิดเหตุจำเป็นพร้อมประชุมกนง.นัดพิเศษ เพื่อประเมินสถานการณ์ แนะทบทวนงบประมาณปี 55 ใหม่แทนการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินกู้เงิน "เวิลด์แบงก์"ฟันธงจีดีพีQ4ติดลบ

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ยอมรับว่าในขณะนี้เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากขึ้นทั้งจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นและภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาจากสหรัฐและยุโรป ธปท.คาดว่าอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้น่าจะปรับลดลงประมาณ 1% และมีโอกาสให้วันที่ 28 ต.ค.นี้ ธปท.จะมีการปรับประมาณการอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยของปีนี้ใหม่ ซึ่งมีโอกาสต่ำกว่า 3% จากปัจจุบันประเมินไว้ที่ 4.1%

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นมีโอกาสที่การขยายตัวเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 ติดลบ เพราะภาคการผลิตลดลงค่อนข้างมากและมีผลเสียหายไปแล้วประมาณ 1 แสนล้านบาท และความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีผลต่อเนื่องไปยังไตรมาสแรกของปีหน้าได้ แต่ปัญหาน้ำขังเชื่อว่าไม่น่าจะใช้เวลาเกิน 2-3 เดือนข้างหน้า คาดว่าในปี 55 ภาวะเศรษฐกิจไทยจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติและขยายตัวได้ในระดับ 4.2%

สำหรับการประกาศหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ผ่านมา เพื่อติดตามดูสถานการณ์ต่างๆ ที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจ และหากในอนาคตมีเหตุจำเป็นก็พร้อมจะประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)นัดพิเศษ เพื่อประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจให้เหมาะสม

"บทบาทนโยบายการคลังจะมีผลเร็วกว่า ขณะที่บทบาทนโยบายการเงินจะให้น้ำหนักการดูแลดุลยภาพหรือความสมดุลของระบบเศรษฐกิจ โดยขณะนี้ปัญหาน้ำท่วมได้กระทบศักยภาพการผลิตให้ลดลง ทำให้ช่องว่างระหว่างธุรกรรมทางเศรษฐกิจและศักยภาพไม่เปิดกว้างนัก หากเราเร่งหรือผ่อนคลายนโยบายมากๆ ก็อาจเป็นการสร้างแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อได้ ซึ่งปัจจุบันแรงกดดันด้านนี้ก็ยังมีอยู่"

**แนะปรับงบฯแทนออกพ.ร.ก.**

ผู้ว่าการธปท.กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลจะออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อกู้เงินพิเศษหลายแสนล้านบาทมาใช้ฟื้นฟูและแก้ปัญหาภัยพิบัติทั้งระบบว่า การออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นการให้อำนาจฝ่ายบริหารในยามเกิดเหตุจำเป็นและเมื่อติดขัดเรื่องสภาฯ ไม่เปิดหรือกฎหมายงบประมาณยังไม่ได้ผ่านสภาฯ แต่ขณะนี้งบประมาณปี 55 ยังไม่ผ่านสภาฯ จึงเป็นช่วงจังหวะที่อาจจะปรับงบส่วนนี้ได้ ซึ่งเท่าที่ดูยังสามารถขยับตัวเลขขาดดุลงบประมาณได้อยู่ โดยการทบทวนและลำดับความสำคัญของโครงการต่างๆ ใหม่

"ในเวลานี้มีความจำเป็นต้องใช้เงินการลงทุนค่อนข้างมาก แต่ควรแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าไทยมีวินัยทางการเงินและการคลังที่ดี โดยหากกู้เงินจำนวนมากก็ต้องมีข้อบังคับชัดเจนว่าจะกู้เงินมาใช้ลงทุนอะไรหรือป้องกันน้ำท่วมในอนาคตอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดการรั่วไหลของการใช้งบประมาณ แต่ขณะนี้มองว่าในส่วนของงบประมาณปี 55 ยังไม่ผ่านสภาฯ ก็สามารถนำมาทบทวนใหม่ได้"

**ทิศทางบาทแข็งจากเงินไหลเข้า**

นายประสาร กล่าวว่าดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงในช่วงนี้เกิดจากปัจจัยผสมกันทั้งจากน้ำท่วมและปัจจัยต่างประเทศ โดยขณะนี้ในตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ 7.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันต่างชาติขายหุ้นออกไปแล้วประมาณ 1-2 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ไม่ได้กังวล เพราะในปีนี้สุทธิยังไหลเข้าอยู่และมองว่าทิศทางค่าเงินบาทยังมีแข็งค่าอยู่จากเงินทุนไหลเข้าไทยและภูมิภาคเอเชีย เห็นได้จากผลตอบแทนจากการลงทุนในเอเชียยังสูง ขณะที่ผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐ อายุ 10 ปี แค่ 1.7% เช่นเดียวกับยุโรปที่มีผลตอบแทนค่อนข้างต่ำ

สำหรับกรณีที่นักลงทุนต่างชาติขู่จะย้ายฐานการผลิต เพราะไม่พอใจในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมของรัฐบาล หลังจากนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งเสียหายนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ในส่วนนี้ก็มีความเป็นห่วงเช่นกันและเป็นเรื่องยากในการสร้างความมั่นใจช่วงระยะสั้นๆ ซึ่งหากรัฐสามารถจำกัดความเสียหายได้และอธิบายได้ว่าในประเทศไทยยังมีพื้นที่ฐานการผลิตอื่นๆ ที่ไม่ประสบปัญหาก็สามารถแนะนำการลงทุนได้

**เวิลด์แบงก์ชี้จีดีพีQ4ติดลบ**

น.ส.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาอุทกภัยในหลายจังหวัดของประเทศไทยในครั้งนี้ ธนาคารโลกได้ประเมินความเสียหายเอาไว้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และจะส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายอยู่ในระดับติดลบ ในทางกลับกัน การลงทุนเพื่อฟื้นฟูความเสียหายจะส่งผลให้เศรษฐกิจในปีหน้าเติบโตได้สูงกว่าระดับ 4.4 % ซึ่งเป็นระดับที่ธนาคารโลกได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้า

ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี ธนาคารโลกได้ปรับลดตัวเลขประมาณการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ที่ 3.6% จากปัจจัยความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น เมื่อรวมความเสียหายจากน้ำท่วมล่าสุดเข้าไปด้วยจะทำให้การเติบโตลดต่ำลงอีก รวมถึงส่งผลโดยตรงให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น จากผลผลิตที่หายไป 6-7 ล้านตัน
กำลังโหลดความคิดเห็น