xs
xsm
sm
md
lg

BBLAMแนะลง"หุ้น-ทองคำ"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


บลจ.บัวหลวง แนะลงทุน “หุ้น-ทองคำ” ชี้ทองคำมีโอกาสไปแตะ 14,000 เหรียญฯ หากธนคารกลางทั่วโลกหันถือทองคำ เผยแผนออกกองหุ้นลงทุนอาเซียนโดยตรง ประเมินการรวมอาเซียนจะก่อประโยชน์ในระยะยาว ด้านทริสแจงบริษัทลูกค้าไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากปัญหาสหรัฐ-ยุโรป มองต่างหากเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ ทองคำก็ปรับตัวลงสู่ระดับปกติได้เช่นกัน

นายวศิน วัฒนวรกิจกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจกองทุนรวม บลจ.บัวหลวง กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “จะลงทุนกันอย่างไรภายใต้ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลก” ว่า ปัญหาเศรษฐกิจในสหรัฐและยุโรปมีทั้งส่วนผลบวกต่อเอเชียคือทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในเอเชียมากขึ้นซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งในเอเชียที่น่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินเหล่านั้น แต่ในทางลบการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศหลักก็อาจจะส่งผลต่อการส่งออกของไทยให้มีการเติบโตที่ชะลอตัวได้เช่นกัน แต่โดยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยเองยังถือว่าแข็งแกร่งดีอยู่ การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนในกิจการหากกิจการยังมีแนวโน้มที่ดีอยู่ปัจจัยพื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลงก็สามารถที่จะลงทุนได้ ในบางครั้งตลาดอาจจะให้ราคาของกิจการที่ต่ำเกินไปก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าลงทุนแต่ถ้าคิดว่าพื้นฐานของกิจการเปลี่ยนหรือเลือกหุ้นมาผิดตรงนั้นก็ควรจะตัดสินใจตัดขายขาดทุนไป

“ปัจจุบันคนที่มีหุ้นถือว่าเสี่ยงก็จริง แต่คนที่ไม่มีหุ้นยิ่งเสี่ยงมากกว่า เพราะในช่วงที่ปัญหาคลี่คลายเศรษฐกิจผลิกกลับเงินทุนไหลเข้ามาอาจจะพลาดโอกาสในการลงทุนที่ดีไปได้ นอกจากหุ้นแล้วทองคำคือสินทรัพย์อีกประเภทที่ยังลงทุนได้ในระยะยาว โดยแนะนำว่าควรจะมีไว้ในพอร์ทการลงทุน โดยอาจจะแบ่งเงินลงทุนเป็น 3 ส่วน 1) ลงทุนซื้อระยะยาว 2) ทยอยซื้อ และ 3) ไว้เล่นเก็งกำไรในระยะสั้นในทองคำได้ เพราะเชื่อว่าแนวโน้มของราคาทองคำยังเป็นขาขึ้น แต่สำคัญไม่ว่าจะลงทุนในหุ้นหรือทองคำก็ตาม ถามตัวเองก่อนว่าขาดทุนได้กี่เปอร์เซ็นต์ ถ้ารับความเสี่ยงได้บ้างก็สามารถที่จะลงทุนได้ แต่ควรจะเป็นการลงทุนเพื่อระยะยาวและไม่ลงทุนเกินขีดความสามารถของตัวเองด้วย” นายวศิน กล่าว

นายพีรพงศ์ จิระเสวีจินดา รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มจัดการลงทุน บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า ปัจจุบันเงินสำรองทั่วโลกเก็บในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐประมาณ 60% ของเงินสำรองทั่วโลก แต่ความไม่มั่นใจของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่มีมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกลางประเทศต่างๆ มีการลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรสหรัฐลดลงและขยับไปลงทุนในทองคำเป็นสำรองระหว่างประเทศมากขึ้น ซึ่งหากทุกประเทศหันมาทำในลักษณะนี้ต่อเนื่องก็มีโอกาสที่จะทำให้ราคาทองคำไปได้ถึงระดับ 14,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เลยทีเดียว หรือในอีกแนวความคิดหนึ่งเนื่องจากสหรัฐเองมีทองคำเป็นสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างมาก คนที่ได้ประโยชน์จากการที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดก็คือสหรัฐ มีการคาดว่าหากราคาทองคำทะยานไปถึงระดับ 5,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เมื่อคูณกับทองคำที่สหรัฐมีอยู่จะสามารถชดเชยภาระหนี้ที่สหรัฐมีในปัจจุบันได้ทั้งหมดเลยทีเดียว ดังนั้นในช่วงที่เศรษฐกิจหลักของโลกยังมีปัญหาอยู่ทองคำก็ยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่

“ในส่วนของหุ้นไทยเองก็ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแง่ของกิจการที่อยู่ในกลุ่มอุปโภคบริโภค โมเดิร์นเทรดทั้งหลาย เพราะเชื่อว่าหลังจากที่การเมืองนิ่ง การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ลงทุนมานานในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของเมกะโปรเจ็คท์ต่างๆ ก็น่าจะมีการเดินหน้าต่อไปได้และน่าจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องในท่ามกลางภาวะความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ในส่วนของหุ้นต่างประเทศเองก็มีความน่าสนใจ ทางบริษัทมีแผนที่จะตั้งกองทุนที่ไปลงทุนโดยตรงในตลาดหุ้นอาเซียนด้วยเช่นกัน เพราะมองว่าหุ้นในอาเซียนน่าจะได้ประโยชน์จากการมีการรวมตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย” นายพีรพงศ์ กล่าว

ด้าน นายสันติ กีระนันท์ กรรมการผู้จัดการ บจ.ทริส คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่พบว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจากปัญหาสหรัฐและยุโรปที่เกิดขึ้นยังไม่ได้ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างรายได้ของบริษัทที่เป็นลูกค้าของบริษัทในปัจจุบันแต่ประการใด และปัจจุบันตลาดตราสารหนี้ผลตอบแทนเมื่อเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นอาจจะมีความน่าสนใจไม่มากนัก ดังนั้นเงินที่เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ส่วนใหญ่จะถูกใช้เป็นที่พักเงินมากกว่าประกอบกับตราสารหนี้เองไม่ได้เป็นเครื่องมือที่เหมาะกับการเก็งกำไรเท่าไรด้วย สำหรับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศหลักไม่ปกติเกิดปัญหาขึ้น แต่ทุกสิ่งทุกอย่างมีขึ้นก็คงมีลงได้เช่นกัน หากปัญหาที่เคยมีอยู่กลับเข้าสู่ภาวะปกติอีกครั้ง แล้วเงินสกุลหลักที่สำคัญกลับมาได้รับความน่าเชื่อถือ เช่น ดอลลาร์สหรัฐกลับมาแข็งค่า หรือเงินหยวนก้าวมามีบทบาทมากขึ้นในการค้าระหว่างประเทศเป็นสกุลหลักที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกขึ้นมา ราคาทองคำก็ปรับตัวลงได้เช่นกัน

“เป็นการปรับตัวลงมาสู่ภาวะปกติ จากที่คนมีความกังวลแล้วทำให้เกิดดีมานด์ส่วนเกินที่ผลักดันให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นจนผิดปกติในปัจจุบัน ถึงตอนนั้นแม้ราคาทองคำจะมีแนวโน้มขาขึ้นแต่ก็จะเป็นการปรับขึ้นอย่างปกติไม่ได้หวือหวาเหมือนในช่วงที่ผ่านมา” นายสันติ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น