ตั้งแต่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศมาเดือนกว่า ข่าวรัฐประหารจากปากของ ส.ส.พรรคเพื่อไทยและจากสื่อมวลชนบางแห่งก็มีขึ้นบ่อยครั้ง รวมทั้งการออกมาเคลื่อนไหวของนักกฎหมายที่เรียกตัวเองว่า นิติราษฎร์ พร้อมๆ กันนั้นก็กระพือฮือโหมให้เห็นว่า การรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน2549 นั้นสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติจนทุกวันนี้
การกระพือฮือโหมดังกล่าวนั้น ก็เพื่อที่จะประคับประคองรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้ให้รอดพ้นจากการรัฐประหาร ไม่ว่าเธอจะไม่ประสีประสาทางการเมือง ไม่ประสีประสาในการบริหารประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลของเธอจะรังแกข้าราชการประจำ แต่งตั้งพรรคพวกวงศาคณาญาติขึ้นเป็นใหญ่ หรืออย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางหนึ่งโยกย้ายข้าราชการเพื่อกระชับอำนาจ เตรียมแก้ไขกฎหมายเพื่อที่จะล้วงลูกในการโยกย้ายทหาร ทางหนึ่งหาทางช่วย ทักษิณ ชินวัตร ผู้พี่ชาย ผู้บันดาลให้เธอได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลา 40 กว่าวัน
เพราะถ้าหากไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเสียแล้ว รัฐบาลนี้ก็จะอยู่อย่างมั่นคง นอนตาหลับไปได้อย่างน้อย 4 ปีก็ค่อยมาว่ากันใหม่
การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จะทำให้ประเทศถอยหลัง หรือจะสร้างความเสียหายอย่างไรก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลที่พูดถึงประชาธิปไตยอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ไม่เคยให้เกียรติรัฐสภา ทักษิณ ชินวัตร เข้าประชุมสภานับครั้งได้ ตอบกระทู้นับครั้งได้ เพราะสามารถใช้เงินซื้อ ส.ส.ซื้อนักการเมือง เข้าคอกไทยรักไทยได้ ก็สามารถใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแสวงหาประโยชน์นับแสนล้านบาท ออกหวย 2 ตัว 3 ตัว โดยที่ไม่เอาเงินเข้าคลัง ให้เงินพม่ากู้โดยที่เงินกู้นั้นวกกลับมาซื้อสินค้าจากชินวัตร ปราบปรามยาเสพติดโดยที่ผู้บริสุทธิ์ตายไปกว่า 2,000 ศพ
ถ้าหากไม่มีการยึดอำนาจวันที่ 19 กันยายน 2549 ทักษิณ ชินวัตร จะปู้ยี่ปู้ยำประเทศยิ่งกว่านี้ขนาดไหน จะรอให้ล้มทักษิณ หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทักษิณด้วยวิธีประชาธิปไตย ด้วยวิธีการเลือกตั้งหรือ?
ก็ขนาดหนีคุกหัวซุกหัวซุนอยู่ต่างประเทศยังสามารถบันดาลให้น้องสาวผู้ไม่ประสีทางการเมืองมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ปี 2552 ปี 2553 ยังป่วนบ้านป่วนเมือง ยังเผาราชประสงค์ เผาศาลากลางจังหวัดวอดไปหลายจังหวัด และทำท่าว่าคนผิด คนเผาจะไม่ผิดเสียแล้วในวันนี้ ทำไมสื่อบางฉบับ ทีวีหลายต่อหลายช่องไม่มองบ้าง ทำไมนักวิชาการส่วนหนึ่งมองไม่เห็นบ้าง
ประเทศไทยผ่านการยึดอำนาจที่เรียกกันว่าปฏิวัติบ้าง รัฐประหารบ้าง กบฏบ้างมาก็หลายครั้งหลายคราว ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งก็ด้วยรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ขณะนั้นทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างขนาดหนักชนิดที่เรียกว่าตะกละตะกลาม และทำท่าว่าจะสืบทอดอำนาจอย่างยาวนาน และก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลชั่วนั้นได้ด้วยวิธีปกติธรรมดา เช่น การเลือกตั้ง
ถ้าหากไม่มีวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ป่านนี้ตระกูลของถนอม/ประภาส ก็อาจจะยังครองอำนาจอยู่ หรือถ้าหากไม่มีวันที่ 19 กันยายน 2549 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็อาจจะเป็นพานทองแท้ หรือพิณทองทา ก็ได้ ใครจะไปรู้ ทักษิณก็อาจจะยังเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะร่ำรวยมหาศาลเป็นล้านล้านบาทแล้วก็ได้ ประชาชนคนไทยก็คงจะต้องแบกหนี้กันครอบครัวละหลายแสนบาท ตามที่ทักษิณเคยแนะว่า อยากรวยก็ต้องกล้าก่อหนี้
แถลงการณ์ของ 23 คณาจารย์ตั้งคำถามแย้งนิติราษฎร์ ที่บอกว่า รูปแบบในการปกครองในโลกนี้มีหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย สังคมนิยม ฯลฯ ตลอดจนเผด็จการเบ็ดเสร็จโดยผู้มีอำนาจหรือโดยกลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมือง การที่ประเทศใดควรที่จะยึดถือรูปแบบการปกครองใด ย่อมขึ้นอยู่กับค่านิยมอุดมการณ์ทางการเมืองของคนในชาตินั้นๆ รวมทั้งประวัติศาสตร์ บทเรียน และบริบททางสังคมที่เป็นจริงในประเทศนั้นเป็นสำคัญ
เป็นเรื่องที่น่าคิดน่าพิจารณาอย่างยิ่ง
เมื่อสงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ทักษิณนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย มาทำสงครามไพร่ โค่นอำมาตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา
วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาไปแล้ว เลือกตั้งใหม่แล้ว ได้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีพรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา มีพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้าร่วม มันแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วตรงไหน มันเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาอีกสักกี่กระเบียด มันจะไม่คอร์รัปชัน มันจะทำเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประเทศชาติอย่างที่ท่องจนติดปากกระนั้นหรือ?
ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่า ปฏิวัติ รัฐประหาร หรือโดยนักศึกษาประชาชนจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ถ้าหากรัฐบาลลุแก่อำนาจ แต่งตั้งพวกพ้องบริษัทบริวารขึ้นเป็นใหญ่ โดยไม่เป็นธรรม เอาเปรียบข้าราชการคนอื่น เอาเปรียบประชาชนโดยแต่งตั้งเพื่อเป็นการตอบแทน แต่มาเอาเงินภาษีของประชาชนไปเป็นเงินเดือนให้ คอร์รัปชันแสวงหาประโยชน์จากโครงการขนาดเล็กขนาดกลางขนาดใหญ่ จนกระทั่งอภิมหาโปรเจกต์ หรือบริหารประเทศโดยที่ไม่มีสติปัญญา สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ โอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่ไม่ใช่วิธีของประชาธิปไตยก็อาจจะเกิดขึ้นได้
มองย้อนประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่า ถึงเวลาไม่มีใคร งอมืองอเท้าทนมองเห็นประเทศเสียหายยับเยิน อับจนได้หรอกครับ แม้จะรักหวงแหนประชาธิปไตยแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องมองหาวิธีอื่นกันทั้งนั้นแหละครับ
การกระพือฮือโหมดังกล่าวนั้น ก็เพื่อที่จะประคับประคองรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เอาไว้ให้รอดพ้นจากการรัฐประหาร ไม่ว่าเธอจะไม่ประสีประสาทางการเมือง ไม่ประสีประสาในการบริหารประเทศ ไม่ว่ารัฐบาลของเธอจะรังแกข้าราชการประจำ แต่งตั้งพรรคพวกวงศาคณาญาติขึ้นเป็นใหญ่ หรืออย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทางหนึ่งโยกย้ายข้าราชการเพื่อกระชับอำนาจ เตรียมแก้ไขกฎหมายเพื่อที่จะล้วงลูกในการโยกย้ายทหาร ทางหนึ่งหาทางช่วย ทักษิณ ชินวัตร ผู้พี่ชาย ผู้บันดาลให้เธอได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในช่วงเวลา 40 กว่าวัน
เพราะถ้าหากไม่มีการปฏิวัติรัฐประหารเสียแล้ว รัฐบาลนี้ก็จะอยู่อย่างมั่นคง นอนตาหลับไปได้อย่างน้อย 4 ปีก็ค่อยมาว่ากันใหม่
การยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จะทำให้ประเทศถอยหลัง หรือจะสร้างความเสียหายอย่างไรก็ยังมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่ล้มรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลที่พูดถึงประชาธิปไตยอย่างเต็มปากเต็มคำ แต่ไม่เคยให้เกียรติรัฐสภา ทักษิณ ชินวัตร เข้าประชุมสภานับครั้งได้ ตอบกระทู้นับครั้งได้ เพราะสามารถใช้เงินซื้อ ส.ส.ซื้อนักการเมือง เข้าคอกไทยรักไทยได้ ก็สามารถใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีแสวงหาประโยชน์นับแสนล้านบาท ออกหวย 2 ตัว 3 ตัว โดยที่ไม่เอาเงินเข้าคลัง ให้เงินพม่ากู้โดยที่เงินกู้นั้นวกกลับมาซื้อสินค้าจากชินวัตร ปราบปรามยาเสพติดโดยที่ผู้บริสุทธิ์ตายไปกว่า 2,000 ศพ
ถ้าหากไม่มีการยึดอำนาจวันที่ 19 กันยายน 2549 ทักษิณ ชินวัตร จะปู้ยี่ปู้ยำประเทศยิ่งกว่านี้ขนาดไหน จะรอให้ล้มทักษิณ หรือเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทักษิณด้วยวิธีประชาธิปไตย ด้วยวิธีการเลือกตั้งหรือ?
ก็ขนาดหนีคุกหัวซุกหัวซุนอยู่ต่างประเทศยังสามารถบันดาลให้น้องสาวผู้ไม่ประสีทางการเมืองมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ปี 2552 ปี 2553 ยังป่วนบ้านป่วนเมือง ยังเผาราชประสงค์ เผาศาลากลางจังหวัดวอดไปหลายจังหวัด และทำท่าว่าคนผิด คนเผาจะไม่ผิดเสียแล้วในวันนี้ ทำไมสื่อบางฉบับ ทีวีหลายต่อหลายช่องไม่มองบ้าง ทำไมนักวิชาการส่วนหนึ่งมองไม่เห็นบ้าง
ประเทศไทยผ่านการยึดอำนาจที่เรียกกันว่าปฏิวัติบ้าง รัฐประหารบ้าง กบฏบ้างมาก็หลายครั้งหลายคราว ที่เกิดขึ้นแต่ละครั้งก็ด้วยรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ขณะนั้นทุจริต ประพฤติมิชอบอย่างขนาดหนักชนิดที่เรียกว่าตะกละตะกลาม และทำท่าว่าจะสืบทอดอำนาจอย่างยาวนาน และก็ไม่สามารถล้มรัฐบาลชั่วนั้นได้ด้วยวิธีปกติธรรมดา เช่น การเลือกตั้ง
ถ้าหากไม่มีวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ป่านนี้ตระกูลของถนอม/ประภาส ก็อาจจะยังครองอำนาจอยู่ หรือถ้าหากไม่มีวันที่ 19 กันยายน 2549 รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็อาจจะเป็นพานทองแท้ หรือพิณทองทา ก็ได้ ใครจะไปรู้ ทักษิณก็อาจจะยังเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะร่ำรวยมหาศาลเป็นล้านล้านบาทแล้วก็ได้ ประชาชนคนไทยก็คงจะต้องแบกหนี้กันครอบครัวละหลายแสนบาท ตามที่ทักษิณเคยแนะว่า อยากรวยก็ต้องกล้าก่อหนี้
แถลงการณ์ของ 23 คณาจารย์ตั้งคำถามแย้งนิติราษฎร์ ที่บอกว่า รูปแบบในการปกครองในโลกนี้มีหลายรูปแบบ เช่น รูปแบบเสรีนิยมประชาธิปไตย สังคมนิยม ฯลฯ ตลอดจนเผด็จการเบ็ดเสร็จโดยผู้มีอำนาจหรือโดยกลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมือง การที่ประเทศใดควรที่จะยึดถือรูปแบบการปกครองใด ย่อมขึ้นอยู่กับค่านิยมอุดมการณ์ทางการเมืองของคนในชาตินั้นๆ รวมทั้งประวัติศาสตร์ บทเรียน และบริบททางสังคมที่เป็นจริงในประเทศนั้นเป็นสำคัญ
เป็นเรื่องที่น่าคิดน่าพิจารณาอย่างยิ่ง
เมื่อสงกรานต์ปี 2552 และปี 2553 ทักษิณนำพรรคเพื่อไทย และคนเสื้อแดงมาเรียกร้องประชาธิปไตย มาทำสงครามไพร่ โค่นอำมาตย์ เรียกร้องให้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา
วันนี้รัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภาไปแล้ว เลือกตั้งใหม่แล้ว ได้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีพรรคชาติไทยของนายบรรหาร ศิลปอาชา มีพรรคชาติพัฒนาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เข้าร่วม มันแตกต่างจากรัฐบาลที่แล้วตรงไหน มันเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาอีกสักกี่กระเบียด มันจะไม่คอร์รัปชัน มันจะทำเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประเทศชาติอย่างที่ท่องจนติดปากกระนั้นหรือ?
ไม่มีใครบอกได้หรอกครับว่า ปฏิวัติ รัฐประหาร หรือโดยนักศึกษาประชาชนจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ถ้าหากรัฐบาลลุแก่อำนาจ แต่งตั้งพวกพ้องบริษัทบริวารขึ้นเป็นใหญ่ โดยไม่เป็นธรรม เอาเปรียบข้าราชการคนอื่น เอาเปรียบประชาชนโดยแต่งตั้งเพื่อเป็นการตอบแทน แต่มาเอาเงินภาษีของประชาชนไปเป็นเงินเดือนให้ คอร์รัปชันแสวงหาประโยชน์จากโครงการขนาดเล็กขนาดกลางขนาดใหญ่ จนกระทั่งอภิมหาโปรเจกต์ หรือบริหารประเทศโดยที่ไม่มีสติปัญญา สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ โอกาสที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งที่ไม่ใช่วิธีของประชาธิปไตยก็อาจจะเกิดขึ้นได้
มองย้อนประวัติศาสตร์ก็จะเห็นว่า ถึงเวลาไม่มีใคร งอมืองอเท้าทนมองเห็นประเทศเสียหายยับเยิน อับจนได้หรอกครับ แม้จะรักหวงแหนประชาธิปไตยแค่ไหนก็ตาม ก็ต้องมองหาวิธีอื่นกันทั้งนั้นแหละครับ