xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตามรอย 13 ศพ! คำสั่ง(แม้ว)จับ"อภิสิทธิ์-สุเทพ-ประยุทธ์"เข้าคุก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"เป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ ในการค้นหาความจริง กรณีช่างภาพญี่ปุ่นถูกยิงเสียชีวิต รวมทั้งคนเสื้อแดงที่เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก โดยที่ผู้สั่งการของทุกหน่วยงาน ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม จะต้องมีส่วนรับผิดชอบ"

นั่นคือคำพูดของ "ทักษิณ ชินวัตร" ที่เขาได้ขอความยุติธรรมให้กับช่างภาพญี่ปุ่นและคนเสื้อแดง ในโอกาสที่ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อประชาธิปไตยในประเทศไทย ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ ณ ประเทศญี่ปุ่น หลังพรรคเพื่อไทยยึดประเทศได้สำเร็จ

จากนั้นปมการเสียชีวิต 13 ศพ จาก 91 ศพ ในช่วงการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 จึงเป็นภารกิจสำคัญที่รัฐบาล(น้องสาว)จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของ(พี่ชาย)ผู้เป็นนักโทษหนีคดี ซึ่งขัดแย้งกับคำพูดของ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ครั้งเข้าบริหารประเทศว่า "แก้ไข ไม่คิดแก้แค้น"

การชันสูตร 13 ศพ เพื่อให้ทุกอย่างกระจ่างโดยเร็ว แบบมีนัยยะสำคัญ โดยมี "ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง" รองนายกรัฐมนตรี เป็นม้าใช้ตัวสำคัญในการขับเคลื่อน เพื่อให้คำสั่งของนายใหญ่เป็นจริง คือ การจับคนสั่งการเข้าคุก!

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 53 ก่อนที่ รัฐบาล "ปูแดง" จะเข้ามาบริหารประเทศ ครั้งนั้น บช.น.ได้ทำการชันสูตร 13 ศพ ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)เคยให้ชันสูตรเพิ่มเติม หลังจากเห็นว่าการชันสูตรยังไม่สมบูรณ์ ทาง พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น.ได้เรียกประชุมพนักงานสอบสวน เพื่อหาสาเหตุการตายว่ามาจากฝีมือใคร และเกิดจากการกระทำของฝ่ายใด โดย พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า หากไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องก็จะส่งสำนวน 13 ศพ กลับไปรวมกับคดีหลักที่ดีเอสไอดูแลอยู่ แต่ถ้ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็พร้อมส่งศาลพิจารณา

ต่อมา พล.ต.ต.อำนวย เปิดเผยผลสอบสวน 13 ศพ และเห็นต่างจาก ดีเอสไอ โดยสรุปว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนใดอ้างว่ามีการเสียชีวิต หรือรายใดเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ จากนั้นไม่กี่วันจึงส่งสำนวนกลับคืนไปดองไว้ที่ดีเอสไอ เช่นเดิมจนระยะเวลาผ่านเลยมาถึงวันที่ 20 ม.ค. 54 "ธาริต เพ็งดิษฐ์" อธิบดีดีเอสไอ แถลงความคืบหน้าการสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน 89 ศพ ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 ว่า เบื้องต้นมีข้อสรุปที่สามารถสรุปได้ 3 ส่วน คือ

1.คดีพิเศษที่มีผู้เสียชีวิต จากการสืบสวนสอบสวนมีพยานหลักฐานน่าเชื่อว่าเกิดจากการกระทำของกลุ่ม นปช.โดยผู้กระทำความผิดฐานก่อการร้ายและกลุ่มที่เกี่ยวพันกัน 8 คดี รวมผู้เสียชีวิต 12 ราย เช่น การเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ทหาร ตำรวจ และผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ห้างเซ็นทรัลเวิลด์

2.ผู้เสียชีวิต จากหลักฐานที่น่าเชื่อว่าอาจเกิดโดยเจ้าหน้าที่ 8 คดี ผู้เสียชีวิต 13 ราย

3.เป็นคดีที่มีผู้เสียชีวิตซึ่งจากการสืบสวนสอบสวนยังไม่ปรากฏตัวผู้กระทำความผิด จำนวน 18 คดี ผู้เสียชีวิต 64 ราย เช่น การตายของ "เสธ.แดง" พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล น.ส.กมลเกด อัคฮาด นายฟาบิโอ โปเลนชี นักข่าวชาวอิตาลี

17 พ.ค. 54 "จตุพร พรหมพันธุ์" แกนนำ นปช. ได้เปิดประเด็นอภิปรายกลางสภาฯโดยโหมโรงแฉแหลกงัดข้อมูลอ้างอิงซัดรัฐบาล"อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ถึงความอืดอาดไม่ดำเนินการหาคนบงการในคดี 13 ศพ ในการอภิปรายของ"จตุพร" ได้เน้นข้อมูลที่ปรากฏในสำนวนสอบสวนของดีเอสไอเกี่ยวกับการตายทั้ง 13 ศพ ที่เชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ โดย "จตุพร" ย้ำว่า การทำหน้าที่ของทหารเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ในฐานะผอ.ศอฉ. ซึ่งมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นผู้มอบหมาย "จตุพร" จึงระบุว่า ผู้รับผิดชอบตัวจริงคือ "นายสุเทพ" และ"นายอภิสิทธิ์" ในฐานะผู้สั่งการ

จากนั้นไม่นาน อำนาจการเมืองเปลี่ยนมาเป็นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ส่งผลให้แนวทางการทำงานของดีเอสไอ ต้องเปลี่ยนสีเป็นไปตามสถานการณ์ โดยเฉพาะในกรณี 13 ศพ จึงถูกปลุกผีขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง

โดย ร.ต.อ.เฉลิม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.)ได้สั่งการให้นายธาริตถอนคดี 13 ศพ ออกจากการพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ พร้อมสั่งให้ดีเอสไอ ส่งสำนวนกลับไปให้ทาง บช.น. ดำเนินการตามขั้นตอนการชันสูตรพลิกศพ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนท้องที่ที่พบศพ เพื่อสรุปสำนวนส่งให้อัยการพิจารณาส่งฟ้องต่อศาล

16 ก.ย. 54 "นายกลิ่น เทียมมิตร" อายุ 50 ปี ญาติ "นายวสันต์ ภู่ทอง" ผู้ชุมนุมที่เสียชีวิตบริเวณหน้าโรงเรียนสตรีวิทยา พร้อมญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 และ 19 พฤษภาคม 2553 ได้เดินทางยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง "พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเรียกร้องขอความเห็นธรรม และคัดค้านนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะ "พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตน์สุวรรณ" เสธ.ทบ. และ "พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด"โฆษกกองทัพบกที่ไม่ได้รับโทษทัณฑ์ แถมยังได้ดิบได้ดี

วันเดียวกัน อธิบดีดีเอสไอ สั่งให้ดีเอสไอทบทวนสำนวนคดีการเสียชีวิต 13 ศพ โดยส่งกลับให้บช.น.ในวันที่ 19 ก.ย. 54 เพื่อให้ตำรวจท้องที่เกิดเหตุไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง โดยบอกว่าภายหลังรับมอบสำนวนคืนจากบช.น. ดีเอสไอได้ประชุมร่วมกับพนักงานอัยการหลายครั้ง จนได้ข้อยุติว่า ในสำนวนการเสียชีวิต 13 ศพ มีการกล่าวอ้างของทหารว่า เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นตามขั้นตอนเมื่อมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตจะต้องส่งสำนวนกลับไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อสรุปสำนวนและส่งให้อัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนชี้ขาด

โดยผลการส่งกลับชันสูตรใหม่ทั้ง 13 ศพ แม้"เฉลิม อยู่บำรุง"จะยืนยันว่า ไม่ใช่ใบสั่งของรัฐบาล แต่กลับฟังไม่ขึ้น

เพราะถัดมาวันที่ 19 ก.ย. 54 แกนนำแดงคนสำคัญ"นพ.เหวง โตจิราการ"ผู้ที่ได้ดิบได้ดีเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมาพูด ถึงสำนวนคดี 13 ศพ ว่าจะต้องไปให้ถึง อดีตนายกฯ อดีตรองนายกฯ และอดีต ผบ.ทบ.

21 ก.ย.54 "สุเทพ เทือกสุบรรณ" อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ยืนยันไม่หวั่นไหวกับคดี 13 ศพ พร้อมกับย้ำถ้าใครจะบิดเบือนข้อเท็จจริงก็จะเป็นปัญหา ซึ่งความจริงต้องเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ และเชื่อว่าในระบบการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แม้ว่าตัวบุคคลและบางกลุ่มจะน่าระแวงอย่างไรเราก็ต้องยึดระบบไว้ พร้อมต่อสู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป

22 ก.ย."พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล" รักษาราชการแทน ผบช.น. สั่ง "พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง" รองผบช.น. ฐานะหัวหน้าคณะทำงานคดี 13 ศพ ได้ตั้งคณะทำงาน 3 ชุด ลงพื้นที่สืบสวนเชิงลึก ในเขตพื้นที่ สน.ปทุมวัน พลับพลาไชย และพญาไท พร้อมตั้งชุดทำงานอีก 2 ชุด เป็นชุดอำนวยการและชุดเทคโนโลยีไว้รองรับการทำงานสืบสวนของ 3 ชุดแรก ซึ่งคาดว่าภายในเดือน ต.ค.นี้ จะสรุปเรื่องดังกล่าวและรายงานต่อผู้บังคับบัญชาได้

วันเดียวกัน"เฉลิม"ได้แสดงบทบาทอีกครั้ง โดยย้ำว่า ดีเอสไอ ชี้ชัด 13 ศพเสื้อแดงเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่ พร้อมเตือน"นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ"อย่าโวยวายว่ารัฐบาลจะกลั่นแกล้ง เพราะงานนี้มีหนาว ๆ ร้อน ๆ แน่

หลังรับงานใหญ่ พล.ต.ต.อนุชัยในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีชันสูตร 13 ศพ ได้แต่งตั้งพนักงานสอบสวน แบ่งตามพื้นที่ สน.ที่เกิดเหตุครอบคลุมใน 3 กองบังคับการ แยกเป็น สน.พญาไท บก.น.1 มอบหมายให้ พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้า พื้นที่ บก.น.5 สน.พลับพลาไชย มอบให้ พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รอง ผบก.น.5 เป็นหัวหน้า และพื้นที่ บก.น.6 สน.ปทุมวัน มอบหมายให้ พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รอง ผบก.น.6 เป็นหัวหน้า โดยมีพนักงานสอบสวนในพื้นที่ต่างๆรวม 44 นาย ลุยทำคดี

มาถึงจุดไคลแมกซ์ 30 ก.ย. 54 "เฉลิม อยู่บำรุง"นั่งหัวโต๊ะประชุมเร่งรัดคดี 13 ศพ ที่นครบาล โดยเขาบอกว่า จะลงไปให้กำลังใจพนักงานสอบสวนถึงพื้นที่ แต่ขอออกตัวว่า ไม่ใช่ไปกดดัน แต่ไปขอให้ทำสำนวนไปตามพยานหลักฐานที่พบ ส่วนใครจะเชื่อคำพูดของอดีต"สารวัตรเหลิม"หรือไม่ อยู่ที่ดุลพินิจของแต่ละคน

ประกอบกับพบว่า...ความเดิมหลักฐานสำคัญของคดี ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องเก่าที่ถูกนำมาแฉโดย "นายจตุพร" กรณีเอกสารคำสั่งลับของ ศูนย์อำนวยแก้ไขสถานการร์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)อนุญาตใช้อาวุธหนัก พร้อมกล่าวหาว่า ผู้มีอำนาจบางคน มีคำสั่งผ่านทาง ศอฉ.อนุญาตให้ทหารใช้อาวุธปืน และกระสุนจริง เพื่อจัดการกลุ่มผู้ชุมนุม แม้ในคำสั่งจะระบุให้ทหารใช้"ปืนลูกซอง" และให้ยิงต่ำกว่า หัวเข่า แต่ข้อเท็จจริงจากศพผู้เสียชีวิต และภาพข่าวก็ชัดเจนว่าทหารใช้ปืนเอ็ม 16 กับปืนสไนเปอร์เป็นอาวุธหลัก ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ถูกยิงที่หน้าอกก็ศีรษะ โดยนักแม่นปืน โดยที่หลักฐานลับของนายจตุพร ที่ออกมาแฉในครั้งนั้น นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เคยออกมาปฏิเสธแล้วว่าไม่มีมูลความจริงแน่ เพราะ ศอฉ.คงไม่ทำเอกสารแบบนั้นไว้

ดังนั้น...นับจากนี้ไป ผลชันสูตร 13 ศพ จะพบหลักฐานใหม่เพิ่ม หรือ มีแต่เรื่องเก่าที่นำมาใส่แฟ้มคดีใหม่ ภายใต้โจทย์คำสั่งของนายใหญ่ คือ ต้องจับ"อภิสิทธิ์-สุเทพ-ประยุทธ์"ในฐานะผู้สั่งการฆ่าคนเสื้อแดงเข้าคุกให้จงได้!
กำลังโหลดความคิดเห็น