เมื่อ “เศรษฐีไพร่” นัดต้านโผทหาร-เอาสมองซีกไหนคิด!?

อาจเป็นเพราะต้องทำมาหากินกับการชุมนุมอยู่ตลอดเวลา หากไม่มีม็อบตัวเองก็แห้งเหี่ยวด้อยค่า ลดความสำคัญลงทุกวันก็เป็นได้ เมื่อเกรงว่าจะมีชะตากรรมแบบนั้นเราจึงได้เห็นการดิ้นรนเคลื่อนไหวหาจังหวะก่อม็อบ นัดชุมนุมอยู่ตลอดเวลา เพราะเมื่อมีการเปิดเผยทรัพย์สินออกมาปรากฏว่าหลายคนแทบช็อกเมื่อบรรดา “หัวโจก” พวกนี้มีทั้งเงินสด บ้าน รถยนต์หรู มูลค่ารวมกันนับหลายสิบล้าน ทั้งที่หากย้อนกลับไปเพียงไม่กี่เดือนก่อนหน้านั้น แทบจะเรียกได้ว่าอดมื้อกินมื้อ กลายเป็นน่าสงสัยว่า “ยิ่งสู้ยิ่งรวย”

แม้จะยอมรับว่าการชุมนุมถือเป็นสิทธิที่ทำได้ตามรัฐธรรมนูญ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบ ดังที่ “หัวโจก” คนเสื้อแดงบางคน อย่าง จตุพร พรหมพันธุ์ พยายามหาเรื่องที่จะนัดชุมนุมอยู่ตลอดเวลา โดยล่าสุดบอกว่าจะนัดกันในวันที่ 1 ตุลาคม คราวนี้อ้างว่าไม่พอใจโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร เนื่องจากรู้มาว่ามีนายทหารบางคนได้รับแต่งตั้งในลักษณะเป็นการเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายทหารดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553

ประเด็นที่คนพวกนี้พุ่งเป้าไปถึงก็มี นายทหารบางคน เช่น พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก ที่คาดหมายว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก ขึ้นไลน์ “5 เสือทหารบก” จ่อเก้าอี้สูงสุดในวันหน้า หรือแม้แต่ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่คาดว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งในการโยกย้ายคราวนี้ด้วย

แม้จะอ้างสิทธิการแสดงออก เนื่องจากเห็นว่าการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารคราวนี้ไม่เหมาะสมก็ว่ากันไป แต่ขณะเดียวกันการจะทำสิ่งใดก็ต้องพิจารณาถึงความเหมาะสม รู้จักกาลเทศะ อารมณ์ความรู้สึกของสังคมด้วยเหมือนกัน ขณะเดียวกันในบรรยากาศที่พี่น้องคนไทยกำลังประสบกับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัสจากปัญหาน้ำท่วมอยู่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง และล่าสุดปริมาณน้ำกำลังไหลทะลักเข้ามาในกรุงเทพมหานคร และที่สำคัญพื้นที่ที่กำลังเดือดร้อนส่วนใหญ่ล้วนเป็นพี่น้องคนเสื้อแดง ชาวบ้านระดับรากหญ้าแทบทั้งสิ้น ทำไมไม่ระดมความคิดหาทางช่วยเหลือเยียวยากัน ไม่ดีกว่าหรือ!?

หากวกกลับมาที่การชุมนุมก็ต้องถามความรู้สึกของสังคมทั่วไปเหมือนกัน ถามว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่ผ่านมาได้สร้างความเดือดร้อนรำคาญแค่ไหน ถามว่าเป็นการชุมนุมเพื่อประชาธิปไตยหรือเพื่อ ทักษิณ ชินวัตร กันแน่ ถามว่าเป็นการชุมนุมที่ทำให้บรรดา “หัวโจก” มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็นล้านหรือไม่ ขณะเดียวกัน หากพิจารณาเน้นกันเฉพาะพื้นที่ “ราชประสงค์” ก็ต้องถามว่ามีเหตุผลอะไรที่ต้องย้ายไปปักหลักชุมนุมที่นั่น เพราะไม่เห็นมีสถานที่ราชการ มีสัญลักษณ์ศูนย์กลางอำนาจรัฐที่สำคัญอยู่เลย นอกเหนือจากเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของภาคเอกชน ดังนั้นความหมายก็คือ เพื่อบีบคั้นให้เศรษฐกิจพินาศ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนฉิบหาย กดดันให้รัฐบาลในขณะนั้นถอดใจลาออกหรือยุบสภาตามที่ต้องการใช่หรือไม่

หลังจากก่อนหน้านี้มีกองกำลังติดอาวุธชุดดำที่เคลื่อนไหวปะปนกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ล่าสังหารทหาร และ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม (ยศขณะนั้น) เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 ก่อนหน้านี้ยังไม่สามารถกดดันให้อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกหรือยุบสภาตามที่ต้องการได้สำเร็จใช่หรือไม่

หากพิจารณากันเรื่องความไม่พอใจก็ต้องถามคนอื่นในสังคมเช่นเดียวกันว่ารู้สึก “แฮปปี้” กับการตอบแทนบำเหน็จรางวัลกับหัวโจกคนเสื้อแดงหลายคนให้ได้รับตำแหน่งทางการเมือง กินเงินเดือนนับแสนนับหมื่นบาท ทั้งที่คนพวกนี้หลายคนไม่มีความรู้ความสามารถเหมาะกับสายงาน มีปัญหาถูกดำเนินคดีในข้อหาก่อการร้าย ปลุกระดมให้เผาบ้านเผาเมือง หรือแม้กระทั่งคนที่นัดก่อม็อบในวันที่ 1 ตุลาคม ที่ชื่อ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ยังถูกแจ้งความให้ดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการขึ้นเวทีชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2554 พูดจาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ถามว่าชาวบ้านมีสิทธิ์ไม่พอใจพวกคุณเช่นเดียวกันได้หรือไม่

แม้ว่านาทีนี้ยังไม่รู้ว่าการชุมนุมของ จตุพร จะเกิดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมหรือไม่ เพราะเมื่อพิจารณาถึงบรรยากาศรอบตัวแล้วไม่น่าจะเป็นผลดีต่อชาวบ้านทั่วไป นอกจากผลดีต่อ จตุพร เพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะเวลานี้กำลังสนใจจดจ่ออยู่กับปัญหาน้ำท่วมว่าจะมีความเป็นอยู่กันอย่างไร แต่ก็ถือว่าแล้วแต่ดุลพินิจความเหมาะสมของแต่ละคนในการพิจารณา

และที่สำคัญบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี เป็นผลมาจากการพิจารณาของผู้บังคับบัญชาตามลำดับ ขณะเดียวกัน ถ้าผลออกมาแล้วมีคนไม่พอใจแล้วมีการชุมนุมคัดค้านให้เปลี่ยนแปลงได้ ต่อไปการแต่งตั้งโยกย้ายในหน่วยราชการอื่นๆก็ต้องมีการทบทวนด้วยหรือไม่หากมีคนโต้แย้ง!!