xs
xsm
sm
md
lg

แดงเหิมหนัก!บุกเผาโลง "ประยุทธ์"ซัด"ไอ้ตู่"จินตนาเกิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"เสื้อแดง" บุกทบ. เผาโลงศพ "ประยุทธ์-ดาว์พงษ์-ไก่อู" ด่าแต่งตั้งชั่วร้าย ปูนบำเหน็จทหารฆ่าแดง ด้าน"ประยุทธ์"ปฏิเสธส่งทหารฝึกที่อิสราเอลเพื่อกลับมาปฏิวัติ จวก"จตุพร"จินตนาการมากเกินไป อัดพูดเป็นหนังการ์ตูน "มาร์ค"ค้านแก้ พ.ร.บ.กลาโหม ชี้การเมืองไม่ควรมากดดันทหาร จวกแผนตั้งอำเภอเสื้อแดง ตอกลิ่มความแตกแยก ขณะที่ครม.ประเคนเบี้ยประชุม ปคอป. คนละ 8,000-10,000 บาทต่อครั้ง

เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (4 ต.ค.) ที่บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมลเกด อัคฮาด หรือน้องเกด 1 ในเหยื่อ 6 ศพ ที่เสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 จากการสลายการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดง พร้อมกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 30 คน ได้นำรถกระบะติดรูป "น้องเกดวีรชนจิตอาสา ของคนเสื้อแดงลาดกระบัง" พร้อมเครื่องกระจายเสียง นำป้ายข้อความโจมตีทหารมาติดที่บริเวณป้ายกองทัพบก ว่า ทหารเป็นฆาตกรฆ่าประชาชน แต่กลับได้รับการปูนบำเหน็จในการแต่งตั้งโยกย้าย

นอกจากนี้ ยังได้มีการนำลังกระดาษทำเป็นโลงศพจำลอง ติดรูปของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รองผบ.ทบ. พล.อ.โปฏก บุนนาค ผู้ช่วย ผบ.ทบ. พล.ต.กัมปนาท รุดดิษฐ์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก พร้อมนำพวงหรีด และดอกไม้จันทน์ ใส่ในโลงศพกระดาษ ก่อนที่จะจุดไฟเผา

ระหว่างนั้น กลุ่มเสื้อแดงยังส่งเสียงด่าตะโกนทหารด้วยถ้อยคำหยาบคาย เพื่อขับไล่นายทหารทั้ง 5 นาย โดยทางกองทัพบกได้ปิดประตู ห้ามไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงข้ามาภายในได้ พร้อมกับบันทึกภาพ และบันทึกข้อความการกระทำของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อนำรายงานผู้บังคับบัญชาต่อไป

นางพะเยาว์ กล่าวว่า อยากให้ทหารที่เกี่ยวข้อง ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเสียก่อนจะได้เลื่อนตำแหน่ง แต่เมื่อบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประกาศออกมาแล้ว พวกตนก็ต้องทำใจ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของบรรดานายทหารเหล่านั้น หากยังคิดเองไม่ได้ ตนกับกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันที่จะต่อสู้ลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ และจะยกระดับการชุมนุม ไม่ยอมให้นายทหารเหล่านี้เสวยสุขได้

** จวก"จตุพร"โม้เป็นหนังการ์ตูน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ระบุว่า กองทัพมีการส่งทหารไปฝึกที่ประเทศอิสราเอล เพื่อกลับมาปฏิวัติว่า ไม่มี มันไม่ใช่การ์ตูน มันทำอย่างนั้นไม่ได้ ตนยังไม่เห็นมีเลย ใครไปฝึกอะไรที่ไหน ตนเป็นผบ.ทบ. ยังไม่รู้เลย และเราไม่เคยไปฝึกร่วมกับอิสราเอล ขอให้สังคมฟังเอาก็แล้วกัน ฟังเล่นๆ ไปวันๆ ไม่เป็นไร และตนไม่จำเป็นต้องไปฟ้อง เพราะเสียเวลาศาล และตนจะไม่ขอร้องนายจตุพร ปล่อยให้ท่านว่าไป

เมื่อถามว่า ทำไมมีข่าวลือการปฏิวัติเกิดขึ้นตลอด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้จะทำไปทำไม วันนี้คิดแค่เรื่องน้ำท่วมก็แย่แล้ว

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องแสดงอะไรให้สังคมมั่นใจว่า เราไม่ทำปฏิวัติ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า สังคมไม่เข้าใจตนหรอ สังคมเข้าใจตนว่า ตนทำหน้าที่ทหารอาชีพ ช่วยเหลือประชาชนตลอดเวลา เรื่องอะไรก็ตามไม่ทำให้ตนหวั่นไหว ตนพยายามทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ในการพิทักษ์ปกป้อง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และช่วยเหลือทุกข์สุข ประชาชน ส่วนกรณีที่ฝ่ายการเมืองพยายามจะแก้ไข พ.ร.บ.กลาโหมนั้น การเมืองอยากจะแก้อย่างไร ก็ว่ากันไป

**"ประวิตร"ค้านแก้พ.ร.บ.กลาโหม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรมว.กลาโหม กล่าวถึงข้อเรียกร้องให้แก้ไข พ.ร.บ.การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ว่า การจัดให้มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อต้องการให้ทหารมีเอกภาพในการสั่งการให้กำลังพลเข้ามาดูแลประเทศ ไม่มีใครที่ไม่รู้จักทหารดีเท่ากับทหารรู้จักกันเอง ดังนั้น จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้ทหารแต่งตั้งกันเอง และการดำเนินการทุกขั้นตอนเขามีหมด อีกทั้งยังเป็นกฏของกระทรวง ที่จะต้องดำเนินการเช่นนั้น ไม่ทำไม่ได้ ผิดกฎหมาย ผิดระเบียบ ไม่ใช่จะเป็นการล้วงลูกไปล้วงลูกมา แม้แต่ระดับแม่ทัพ จะสั่งลงไปในระดับกองพันก็ไม่สามารถทำได้ ต้องให้ผู้บัญชาการกองพลรับทราบก่อน

เมื่อถามว่าการเมืองพยายามที่จะเข้ามาแก้ไข เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ตนมีความเห็นแต่เรื่องพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมที่เราทำ ส่วนฝ่ายการเมืองควรจะต้องมีความใจกว้างและเข้าใจในเรื่องนี้หรือไม่ ตนไม่ขอตอบในประเด็นนี้ แต่กรรมาธิการที่ทำ มีตัวแทนจากทุกฝ่าย ไม่ใช่มีแต่ทหารที่เข้าไปทำฝ่ายเดียว ทุกฝ่ายที่ช่วยกันคิดออกมา และกว่าจะทำสำเร็จก็ใช้ระยะเวลานาน ต้องพูดจากันมากมาย

"สมัยดำรงตำแหน่งเป็น รมว.กลาโหม ผมก็ไม่เคยไปยุ่งกับเหล่าทัพ เพราะเป็นเรื่องของเหล่าทัพ หากเขาทำไม่ดี เขาผิด ผู้บังคับหน่วยเป็นคนผิด เขารู้ว่าใครมีขีดความสามารถขนาดไหน ผู้บังคับหน่วยทุกระดับเขารู้ว่า ควรจะใช้คนอย่างไร และทุกขั้นตอนเขาจะมีบอร์ด ตั้งแต่ระดับกรม กองพล กองทัพ และระดับกองทัพบก ถึงจะมาเข้ามาถึงคณะกรรมการ และเจตนาที่ทำนั้น ไม่ได้มีเจตนาเพื่อใคร แต่เจตนาให้กองทัพเป็นปึกแผ่น" พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่าหากมีการนำเรื่องเข้าที่ประชุมครม.แล้วมีมติออกมาให้มีการแก้ไข พ.ร.บ.ดังกล่าว พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็ให้เขาว่าไป เพราะส่วนใหญ่ประเทศไทยต้องการเป็นระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ชัดเจน ก็ทำตามรัฐธรรมนูญ หากทำได้ก็โอเค ถ้าคนส่วนใหญ่โอเคก็แล้วแต่
**ประเคนเบี้ยประชุมปคอป.8,000-10,000

นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการประสานและติดผลการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) ที่มีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นประธาน

ทั้งนี้ กรรมการชุดดังกล่าวมีทั้งสิ้น 20 คน โดยนอกจากนายยงยุทธ เป็นประธานแล้ว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เป็นรองประธานกรรมการ ส่วนกรรมการคนอื่นๆ พบว่า เกือบทั้งหมดเป็นหัวหน้าส่วนราชการ เช่น ปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการครม. ผู้แทนสำนักงานศาลยุติธรรม ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยมีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการ ส่วนกรรมการที่เป็นคนนอก มีนายวีระวงศ์ จิตต์มิตรภาพ ประธานและกรรมการผู้จัดการสำนักงานกฎหมายวีระวงค์, ชินวัฒน์ และ เพียงพะนอ และ คณะกรรมการในบอร์ดการบินไทย เพียงคนเดียว

ที่น่าสนใจ คือ คำสั่งดังกล่าวได้ระบุค่าตอบแทนของคณะกรรมการชุดนี้ว่า ให้ได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ในคราวที่มีการประชุมในอัตรา ประธานกรรมการ 10,000 บาท รองประธานกรรมการ 9,000 บาท และกรรมการ 8,000 บาท โดยกรรมการมี 18 คน ถ้าเข้าประชุมหมดทุกคนจะต้องมีการจ่ายเบี้ยเลี้ยงประชุมเฉพาะกรรมการทั้งสิ้น 144,000 บาท ต่อครั้ง ถ้ารวมประธานกรรมการ และรองประธานอีก เท่ากับ 163,000 บาท ทั้งนี้ ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ และการบริหารจัดการอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ หรือตามที่คณะกรรมการฯ มอบหมายให้เบิกจ่ายตามระเบียบของทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี

**"มาร์ค"อัดการเมืองใช้อำนาจเกินไป

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่แกนนำเสื้อแดง ออกมาเคลื่อนไหวให้มีการแก้ไขพ.ร.บ.กลาโหม เพื่อให้อำนาจฝ่ายการเมืองโยกย้ายนายทหารได้ เพราะตนยังไม่เห็นว่ากองทัพจะไม่ปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ดังนั้น จะใช้ความไม่พอใจส่วนบุคคลมาแก้ไขกฎหมาย เพิ่มอำนาจให้ฝ่ายการเมือง โดยอ้างว่าได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง มันไม่ได้ เพราะกฎหมายหลายฉบับที่ออกมาเป็นผลพวงจากที่ฝ่ายการเมืองใช้อำนาจเกินขอบเขต คือ ใช้ความไว้วางใจจากประชาชนไปสร้างกลไกที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายการเมือง แทนที่จะมุ่งทำเพื่อประชาชน จึงต้องหาความพอดี หากมีประเด็นว่ากองทัพไม่สนองนโยบายรัฐบาล ทำให้มีปัญหาในการบริหารงานก็สามารถปรับปรุงให้เกิดความพอดีได้ แต่ไม่ใช่ว่าการเมืองจะต้องเข้าไปวุ่นวายทุกเรื่อง ไม่เช่นนั้นหากรัฐบาลไม่พอใจผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ก็อาจแก้ไขกฎหมายที่ให้ภูมิคุ้มกันกับผู้ว่าธปท. ไม่ให้ถูกโยกย้ายโดยฝ่ายการเมืองก็ได้

"หากคิดเช่นนี้ก็จะมีปัญหาตามมาเป็นการทำลายระบบราชการที่ต้องมีความเป็นมืออาชีพ ดังนั้น หากคิดจะแก้พ.ร.บ.กลาโหมจริง ต้องบอกให้ชัดว่า มีปัญหาอะไร ซึ่งในสมัยที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี มีการเปลี่ยนนโยบายที่กระทบอำนาจกองทัพโดยตรงในเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ จากการทหารนำการเมือง มาเป็นการเมืองนำการทหาร ก็ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองทัพ แต่ถ้ารัฐบาลไม่พอใจ เพราะอยากให้ฝ่ายการเมืองตั้งคนได้ตามใจชอบ ก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง หากอ้างถึงเหตุการณ์ความไม่สงบที่ผ่านมาทางคอป. ก็ดำเนินการอยู่แล้ว" นายอภิสิทธิ์กล่าว

** เตือนอำเภอเสื้อแดงทำแตกแยก

นายอภิสิทธิ์ยังแสดงความกังวลกรณีคนเสื้อแดงขยายหมู่บ้านเสื้อแดงเป็นอำเภอเสื้อแดง ว่า การขยายตัวเช่นนี้จะไปจบที่ใด และนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มีความพึงพอใจกับสถานการณ์เช่นนี้หรือไม่ รัฐบาลไม่สนใจคนที่เห็นแตกต่างจากคนเสื้อแดงใช่หรือไม่ อีกทั้งการใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นสัญลักษณ์ของอำเภอเสื้อแดง ก็ต้องดูบทบาทและท่าทีที่เกิดขึ้น ซึ่งจะเป็นชนวนความจัดแย้งในอนาคต เพราะมีชาวบ้านในพื้นที่ไม่น้อยที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำดังกล่าว ยิ่งหากมีการนำงบประมาณมาเป็นเครื่องจูงใจให้ตั้งหมู่บ้าน หรืออำเภอเสื้อแดง ก็จะนำไปสู่การบริหารแบบสองมาตรฐาน เหมือนสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ แล้วบอกว่า จะดูแลผู้สนับสนุนของตัวเอง ส่วนใครที่ไม่สนับสนุนก็จะถูกทอดทิ้ง ซึ่งเป็นการทำลายระบบการเมืองที่ดี และจะเป็นปัญหาต่อความมั่นคงมากขึ้น จึงควรยุติการแบ่งแยกดังกล่าว ซึ่ง คอ.ปธ. ควรเข้ามาพิจารณาเรื่องนี้ด้วย เพราะกำลังจะเป็นสาเหตุความขัดแย้งในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น