xs
xsm
sm
md
lg

โผทหารลงตัวยึดมติ1ก.ย. "เสถียร"ปลัดกห.-"ดาว์พงษ์"รองผบ.ทบ.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (22 ก.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้เรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหารระดับ นายพลตามพ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม 2551 โดยมี พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) หลังจากที่รัฐบาลไม่เปิดตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม จนทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตีกลับโผทหารมายังรมว.กลาโหม โดยการหารือของคณะกรรมการปรับ ย้ายครั้งนี้ จะเป็นการหารือครั้งสุดท้ายก่อนจะนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ในวัน ที่ 23 ก.ย. เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการหารือว่า เป็นการประชุมสภากลาโหมตามปกติ แต่มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำให้เสร็จ คือการปรับแผนการโยกย้ายทหารประจำปีที่มีปัญหาอยู่ 1 ตำแหน่ง คือ ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ซึ่งทางคณะรัฐมนตรี (ครม.)ไม่ได้เปิดตำแหน่งดังกล่าวให้ จึงต้องมีการหารือกับ คณะกรรมการทั้ง 6 ท่าน ว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร ซึ่งคงจะใช้ระยะเวลาไม่นาน เพราะการโยกย้ายในครั้งนี้จะมองในภาพของระดับสูงเท่านั้น ส่วนระดับล่างได้ผ่านการพิจารณาไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงการกลั่นกรองของกองทัพ คงจะไม่ใช้เวลาไปแก้ไขให้เป็นเรื่องยุ่งยาก
ส่วนจะให้ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม นั่งอยู่ในตำแหน่งเดิมหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ และหากพูดไปก็ไม่ถูกต้อง เพราะยังไม่ได้มีประชุมหารือกัน และเมื่อเสร็จจากการประชุมแล้ว ก็จะเป็นที่รับทราบของคณะกรรมการทั้งหมด ทั้งนี้ถ้าไม่ย้ายอัตรานี้ ก็จะต้องเปิดอยู่เหมือนเดิม แต่ถ้าย้ายก็จะต้องปิดอัตราทันที ตามนโยบายของรัฐบาล ก็ขอให้รอดูก่อน
ต่อมาเวลา 12.00 น. ที่ กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุม คณะกรรมการพิจารณาปรับย้ายนายทหารว่า การประชุมคณะกรรมการตาม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2551 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีข้อขัดแย้ง ท่าทีและสีหน้าของ ผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพ ยิ้มแย้มแจ่มใส โดยในการประชุมเป็นการทบทวนข้อมูลการปรับย้ายจากที่มีการเสนอเข้ามา ซึ่งที่ประชุมยังยืนยันตามมติเดิม ที่มีการประชุมเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
ส่วนตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม คือ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ให้คงตำแหน่งนี้ไว้ตามเดิม และไม่ขอเปิดอัตราดังกล่าว ทำให้ พล.อ.คณิต ยังคงดำรงตำแหน่งนี้อยู่ต่อไป
ขั้นตอนต่อจากนี้ไป กระทรวงกลาโหม จะประสานงานโดยตรงกับสำนักนายกรัฐมนตรี คาดว่าจะทันตามกรอบกำหนดเวลาในปลายเดือนก.ย.นี้ ซึ่งจากนี้กรมเสมียนตราจะเข้ามาปรับแก้ในรายละเอียด เพื่อนำส่งให้นายกฯ ต่อไป
"ยืนยันว่า รมว.กลาโหมแฮปปี้ รวมถึงผบ.สส. และผบ.เหล่าทัพ ก็รู้สึกสบายใจ และไม่มีข้อขัดแย้งแต่อย่างใด ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายกรัฐมนตรีจะมีการแก้ไขโผทหารหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีมีอำนาจในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดในการบริหารประเทศจึง มีอำนาจสิทธิในการตรวจสอบข้อมูล รายละเอียดต่างๆ ให้เกิดความเหมาะสม แต่ที่ผ่านมากระทรวงกลาโหม มีคณะกรรมการพิจารณาอยู่แล้ว ดังนั้นนายกรัฐมนตรีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า จะเข้ามาล้วงลูกหรือจะปรับเปลี่ยน เพราะการพิจารณาขึ้นอยู่กับคณะกรรมการ 6 ท่าน ซึ่งปัญหาที่มีการส่งกลับ คือ ตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมเท่านั้น ส่วนตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม เรียบร้อย และ สามารถพูดคุยตกลงกันได้ ไม่มีความขัดแย้งแต่อย่างใด ไม่มีการล้วงลูก หรือทำอะไรให้เกิดผลกระทบต่อการพิจารณา และไม่มีการยกมือโหวตเหมือนในสภา" พ.อ.ธนาธิป กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพล ได้มีการหารือถึงปัญหากรณีที่รัฐบาลไม่อนุมัติอัตราจอมพล ตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหม ซึ่งที่ประชุมเห็นตรงกันว่า ต้องคงตำแหน่งนี้ไว้ก่อนเพื่อไม่ให้มีผลกระทบในตำแหน่งอื่นในวงกว้าง จึงให้ พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมต่อไป
ทั้งนี้ ในที่ประชุม ยังได้พูดคุยถึงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่ง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้เปิดโอกาสให้ พล.อ.กิตติพงษ์ เกษโกวิท ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นผู้เสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหมคนใหม่ ซึ่งพล.อ.กิตติพงษ์ ได้เสนอชื่อ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ประธานคณะที่ปรึกษา บก.ทท. ตามโผเดิมที่เคยเสนอในที่ประชุม คณะกรรมการปรับย้ายฯ เมื่อวันที่ 1 ก.ย. แต่ในครั้งนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้ขอใช้อำนาจรมว.กลาโหม เสนอชื่อ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม ขึ้นเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งที่ประชุมไม่มีการลงมติฯ เพราะถือว่าเป็นอำนาจของปลัดกลาโหมฯ คนที่จะเกษียณ เป็นคนเสนอ
สำหรับ พล.อ.เสถียร ได้รับการผลักดันจากพรรคเพื่อไทย และพล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. ให้มาดำรงตำแหน่ง ปลัดกระทรวงกลาโหม เนื่องจากพล.อ.ทรงกิตติ ไม่ต้องการให้มีผลกระทบต่อตำแหน่ง ผบ.สส. ที่ได้เลือก พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร เสธ.ทหาร ขึ้นเป็น ผบ.สส.ไว้แล้ว จึงดัน พล.อ.เสถียร มาชิงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม ในขณะที่ พรรคเพื่อไทย ก็สนับสนุน พล.อ.เสถียร เนื่องจากภริยาเป็นผู้สนับสนุนในพื้นที่เลือกตั้ง จ.อุบลราชธานี ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้รับการเลือกตั้งเข้ามาถึง 7 ที่นั่ง
สำหรับบัญชีรายชื่อโยกย้ายทหารที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการประกอบด้วย พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ (ตท.11) ประธานคณะที่ปรึกษากองบัญชาการกองทัพไทย เป็น ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ( ตท.11) รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชาตรี ทัตติ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกระทรวงกลาโหม เป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ร.อ. อภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษทร. เป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.ไมตรี โอรสหงส์ (ตท.11) รองเสธ.ทหาร เป็นรองปลัดกลาโหม พล.อ.ภุชงค์ รัตนวรรณ (ตท.10) ผบ.สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ (ผบ.สปท.) เป็นจเรทหารทั่วไป
กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร (ตท.12) เสนาธิการทหาร (เสธ.ทหาร) เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.ท.สกนธ์ สัจจานิตย์ (ตท.12) เจ้ากรมเสมียนตรา เป็น รองผบ.สส. พล.ร.อ.ยุทธนา ฟักผลงาม (ตท.12 ) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็น รองผบ.สส. พล.อ.อ.บุญยฤทธิ์ เกิดสุข (ตท.11) ผช.ผบ.ทอ.เป็น รอง ผบ.สส. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร (ตท.12) รองเสธ.ทหาร เป็น เสธ.ทหาร พล.อ.อ.สุปรีชา กมลศาสน์ (ตท.10) หน.ฝสธ.ผบ.สส. เป็นประธานคณะที่ปรึกษา บก.ทท.
กองทัพบก (ทบ.) พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ ( ตท.12) เสธ.ทบ.เป็น รอง ผบ.ทบ. พล.อ.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน (ตท.11) ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ. เป็น ผช.ผบ.ทบ พล.อ.โปฎก บุญนาค(ตท.12) ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ เป็น ผช.ผบ.ทบ. พล.ท.ศิริชัย ดิษฐกุล (ตท.13) รองเสธ.ทบ.เป็น เสธ.ทบ. พล.อ.ยุทธศิลป์ โดยชื่นงาม(ตท.11) ผช.ผบ.ทบ. เป็นประธานคณะที่ปรึกษา ทบ. พล.ท.ชลวิชญ์ เพิ่มทรัพย์ (ตท 12)ปลัดบัญชีทหารบก(ปช.ทบ.) เป็น หัวหน้าฝ่ายเสธ.ประจำ ผบช. พล.ท.สิงห์ศึก สิงห์ไพร (ตท.12) เจ้ากรมยุทธศึกษาทหารบก (จก.ยศ.)เป็น ที่ปรึกษาพิเศษทบ. (อัตราพลเอก) เป็น พล.ท.ยุวณัฐ สุริยกุล ณ อยุธยา(ตท.12) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ. เป็นที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก (อัตราพลเอก) พล.ท.อรุณ สมตน (ตท.14 )ผช.เสธ.ทบ. ฝขว. เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.(อัตราพลเอก)
พล.ท.ฉัตรชัย สาริกัลยะ (ตท.12)ผช.เสธ.ทบ.ฝกบ.เป็น รองเสธ.ทบ. พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ (ตท.12 ) ผช.เสธ.ทบ.ฝกร. เป็นรองเสธ.ท บ. พล.ต.ศุภรัตน์ พัฒนาวิสุทธิ์ (ตท.12 )รอง ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (รองผบ.นสศ.)เป็น ผบ.นสศ. พล.ต.อุทิศ สุนทร (ตท.14) รองแม่ทัพภาคที่ 1 เป็น แม่ทัพน้อยที่ 1 พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผบ.พล.ร.2 รอ.เป็น ผบ.พล.1 รอ. พล.ต.ภาณุวัชร์ นาควงษม์ ผบ.มทบ.11เป็น ผบ.พล.ร.9 พ.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ รอง ผบ.พล.ร.2 รอ. เป็น ผบ.พล.ร.2 รอ.
กองทัพเรือ (ทร.) พล.ร.อ.สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ (ตท.13 )ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. ขึ้นเป็น ผบ.ทร. พล.ร.อ.ดำรงศักดิ์ ห้าวเจริญ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. เป็น รองผบ.ทร. พล.ร.อ.วีรพล กิจสมบัติ หน.คณะฝสธ.ประจำ ผบช. เป็น ประธานคณะที่ปรึกษา ทร.(อัตราจอมพล) พล.ร.อ.อมรเทพ ณ บางช้าง ผู้ทรงวุฒิพิเศษ เป็น ผช.ผบ.ทร. พล.ร.ท.พลวัฒน์ สิโรดม รอง เสธ.ทร. เป็น เสธ.ทร. พล.ร.ท.ฆนัท ทองพูล ผบ.กองทัพเรือภาค1 เป็น ผบ.กองเรือยุทธการ
กองทัพอากาศ(ทอ.) พล.อ.อ.ศรีเชาวน์ จันทร์เรือง (ตท.12)ผช.ผบ.ทอ. เป็น รอง ผบ.ทอ. พล.อ.อ. ประจิน จั่นตอง (ตท.13)เสธ.ทอ. เป็น ผช.ผบ.ทอ. พล.อ.ท.วินัย เปล่งวิทยา (ตท.12) ผบ.ควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ(คปอ.) เป็น ผช.ผบ.ทอ. และ พล.อ.ท.เพิ่มเกียรติ ลวณะมาลย์ (ตท.13)รองเสธ.ทอ. เป็น เสธ.ทอ

**“โกวิท”ยันย้าย “ถวิล” สมเหตุสมผล

นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กระทู้ถามสดถาม พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการอย่างไม่เป็นธรรม ว่า การโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ส่งผลกระทบต่อขวัญและกำลังใจต่อข้าราชการ ส่อไปในทางใช้อำนาจขัดหลักธรรมาภิบาล ซึ่งการโยกย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ( สมช. ) ที่ส่งผลต่อในการทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล และความเชื่อถือในการเข้าบริหารราชการแผ่นดิน ถูกมองว่าไม่ใส่ใจปัญหาประชาชน หมกหมุ่นในเรื่องการโยกย้าย และนายถวิล ก็ถูกมองว่าเป็นเหยื่อทางการเมือง เพราะการย้ายนายถวิลถือว่าไม่มีความผิด
"การโยกย้ายครั้งนี้อาจเป็นครั้งแรกในสมช. ที่นายถวิลซึ่งถือเป็นลูกหม้อของสมช. ถูกย้ายออกจากหน่วย แต่ละองค์กรมีวัฒนธรรมไม่เหมือนกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เองก็บอกว่าไม่มีความผิด แต่ทำไมนายถวิล ต้องร้องขอความเป็นธรรมด้วยการยื่นหนังสือไปที่คณะกรรมการพัฒนาระบบคุณธรรม (กพค.)" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า นายถวิล ระบุว่าการพ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องกับความรู้ความสามารถ หรือบกพร่องต่อหน้าที่ เพียงแต่เสียใจที่นายกฯไม่ได้ปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชา และนายถวิล เองก็ยืนยันว่าไม่เคยทำงานให้พรรคการเมืองใด ทั้งนี้ ไม่อยากเห็นองค์กรความมั่นคงของชาติถูกแทรกแซง เพราะเป็นหน่วยงานด้านนโยบายสูงสุดที่เราต้องสร้างหลักธรรมาภิบาลในการบริหารราชการแผ่นดิน
ดังนั้น จึงอยากถามว่ารัฐบาลมีเหตุผลใดในการโยกย้ายนายถวิลไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ และใครที่เป็นคนสั่งย้าย เพราะไม่อยากเห็นเขมรโมเดล ที่มีนายกฯ 2- 3 คน และอยากถามว่าการแต่งตั้งเลขาฯ สมช. คนต่อไปจะเป็นคนใน หรือคนนอก หรือจะคืนตำแหน่งนี้ให้นายถวิล
ด้าน พล.ต.อ.โกวิท กล่าวว่า ข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ระเบียบข้าราชการพลเรือนปี 2551 มาตรา 57 ระบุถึงอำนาจหน้าที่ และขั้นตอนการแต่งตั้งโยกย้ายไว้อย่างชัดเจน ซึ่งตนก็ยินยอมให้โยกย้าย เพราะตำแหน่งเลขาฯ สมช. ต้องเป็นผู้ประสานการปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จ และสถานการณ์ด้านความมั่นคงได้เปลี่ยนไปจากเดิมมาก
ดังนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวต้องเข้าใจนโยบาย และต้องเป็นคนที่รัฐบาลไว้ใจที่จะมอบภารกิจสำคัญ ซึ่งตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ ก็เป็นสายงานเดิม ยังได้รับเงินเดือน เงินประจำตำแหน่งเหมือนที่สังกัดเดิมทุกอย่าง และลักษณะงานที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำระดับสูงนั้น ก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษา เสนอแนะนโยบายด้านความมั่นคงและประสานงานกับภาครัฐ และเอกชนเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความมั่นคงของรัฐบาล
เรื่องการโยกย้ายเป็นอำนาจของรัฐบาล และผู้ที่เกี่ยวข้องในการโยกย้าย เพื่อเป็นประโยชน์ และประสิทธิภาพในการบริหารราชการตามที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และยืนยันว่าได้ทำอย่างรอบคอบ ซึ่งทุกอย่างดำเนินการไปตามกฎหมาย และคำนึงถึงความรู้ความสามารถสูงสุดทางราชการ ส่วนที่ห่วงเรื่องคุณธรรมนั้น ถือเป็นเรื่องนามธรรมไม่มีรูปธรรม ต่างคนก็มีความรู้สึกในเรื่องนี้ไม่ตรงกัน มองคุณธรรมคนละอย่าง แต่ยืนยันว่าเราจะดำเนินไปตามกฎหมาย ซึ่งถือว่ามีคุณธรรม เป็นการโยกย้ายที่สมเหตุสมผล และตรงไปตรงมา

**"วิเชียร"รายงานตัวเข้าทำเนียบฯ
วันเดียวกันเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงมหาดไทย ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานตัวหลังจากที่นายกฯ มีคำสั่งให้มาช่วยราชการสำนักนายกฯ
จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯ มอบหมายให้ทำงานและดูแลเรื่องการแก้ไขปัญหาจัดการน้ำ โดยจะตั้งสำนักงานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขึ้นมาใหม่ เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ดี มีประสิทธิภาพ และมีงานให้ทำอีกหลายอย่าง หากได้ทำแล้วเกิดผลสำเร็จมันก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจ และหลังจากนี้ ตนก็จะหารือกับทีมงานเพื่อกำหนดกรอบแนวทางในการทำงาน เพื่อขับเคลื่อนงานในภาพรวมอย่างที่นายกฯ ต้องการ ขณะนี้ถือว่าตนเข้ามาทำงานที่ทำเนียบฯเต็มตัวแล้ว โดยจะนั่งทำงานที่ห้องทหาร ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ชั่วคราวก่อน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี นายชวรัตน์ ชาญวีระกูล อดีต รมว.มหาดไทย ออกมาติงว่าการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ไม่เหมาะสม และไม่เป็นธรรม นายวิเชียร กล่าวว่า นายชวรัตน์ คงจะเป็นห่วงตน ซึ่งก็ไม่ได้มีผู้ใหญ่ในพรรคภูมิใจไทยโทรศัพท์มาพูดคุยกับตนเรื่องนี้ แต่อย่างที่ตนเคยบอกแล้วว่า เราเป็นข้าราชการ หน้าที่คือทำงานให้ประสบความสำเร็จภายใต้นโยบายรัฐบาล ใครจะมาเป็นรัฐบาล เราก็จะต้องทำ ไม่ใช่ว่าพอรัฐบาลนี้มาเห็นฝีมือเราเต็มที่ พออีกรัฐบาลหนึ่งเรากลับไม่ทำงาน อย่างนั้นไม่ใช่หน้าที่ของราชการ แต่ตนก็ยอมรับว่าตำแหน่งปลัดกระทรวง เป็นตำแหน่งที่เปราะบาง และ มีโอกาสที่ทำให้เกิดความไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจได้ หากทำงานตรงนั้นไม่เหมาะแล้วมาทำตรงนี้แล้วเกิดผลลัพธ์ที่ดี ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

**ยันไม่สัญญาใจกลับมหาดไทย

เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะกลับไปนั่งตำแหน่งเดิมหรือไม่ เพราะยังเหลืออายุราชการอีก 4 ปี นายวิเชียร กล่าวว่า ตนไม่ได้คาดหวังอย่างนั้น และเพื่อนข้าราชการก็ให้กำลังใจ และบอกว่าความสามารถเป็นเรื่องสำคัญ พิสูจน์กันที่ผลงาน และฝ่ายการเมืองทั้งนายกรัฐมนตรี และ ท่านรมว.มหาดไทยเอง ก็ไม่ได้มีการตกลงเงื่อนไขพิเศษ หรือให้สัญญาอะไรว่าจะให้กลับไปตำแหน่งเดิม แต่นายกฯได้ให้กำลังใจว่า ถ้าทำงานพิสูจน์ผลงานได้ก็มีโอกาสความก้าวหน้า แต่ไม่ได้รับปากว่าทำแล้วจะได้กลับไปเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย ถ้าเป็นอย่างนั้น ก็จะกลายเป็นการแลกเปลี่ยน ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขอะไรในการโยกย้ายครั้งนี้
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ติดใจและไม่ไปร้องทุกข์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) นายวิเชียร กล่าวว่า อยู่ที่ว่าเรามีโอกาสได้ทำงานหรือไม่ และตนได้ตัดสินใจมาทำงานตรงนี้แล้ว
เมื่อถามอีกว่าจนถึงขณะนี้ ยังน้อยใจหรือคับข้องใจอยู่หรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า ก็เราเป็นมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดา มันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะมาบั่นทอนกำลังใจ ตนเหลืออายุราชการอีกตั้ง 4 ปี จะมายืนหรือนั่งเฉยๆ กินเงินเดือนคงไม่เหมาะ

** ยันเติบโตด้วยฝีมือไม่ใช่เด็กเนวิน

เมื่อถามว่า 4 ปีที่เหลือ จะทำงานล้างภาพการเป็นเด็กสายตรงของนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทยได้หรือไม่ นายวิเชียร กล่าวว่า ถ้าใครไปดูประวัติตน ก็จะรู้ว่าตนเติบโตมาจากการทำงาน และเป็นเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง พิสูจน์ฝีมือด้วยการทำงาน ไม่ใช่พิสูจน์ฝีมือด้วยการเป็นเด็กใคร คนที่เติบโตมาจากกระทรวงมหาดไทย ความใกล้ชิดกับนักการเมืองมันมีโดยธรรมชาติ คนที่เป็น ผวจ.แล้วไม่รู้จักนักการเมือง เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อใกล้ชิดทำงานร่วมกันก็ต้องเข้าใจกลไก อย่างตนเรียนรัฐศาสตร์มาก็เข้าใจกลไกแห่งอำนาจ ถ้าอยากทำงานการเมืองก็ต้องไปสมัครรับเลือกตั้ง แต่ถ้าเป็นข้าราชการ เรามีหน้าที่ทำงานให้สำเร็จ ซึ่งตนไม่กล้าพูดถึงขนาดว่าถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน
กำลังโหลดความคิดเห็น