“จาดุร” หนุน “ถวิล” ฟ้อง ก.พ.ค.ถูกต้องที่สุดแล้ว ชี้หากไปศาลปกครองอาจไม่รับเรื่อง อีกทั้งหาก ก.พ.ค.ให้คืนตำแหน่ง จะไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ได้รับการเยียวยาเร็วกว่า พร้อมเตือนรัฐบาลระวังข้าราชการไม่เชื่อถือในภาวะผู้นำ-ความยุติธรรม พร้อมหวั่นคนที่ควรอยู่กลับถูกโละ คนที่ควรเอาออกกลับยังอยู่ แล้วก็บริหารงานผิดพลาดกันต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”
วันที่ 7 ก.ย. นายจาดุร อภิชาตบุตร นายกสมาคมข้าราชการพลเรือน ได้โทรศัพท์เข้าในรายการ “คนเคาะข่าว” เพื่อร่วมแสดงความคิดเห็นกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ให้ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ
นายจาดุรกล่าวว่า กรณีนายถวิลไปฟ้องที่ ก.พ.ค. (คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม) ถูกต้องที่สุด เพราะมีอำนาจพิจารณากรณีที่ข้าราชการโดนคำสั่งแล้วรู้สึกว่าคับข้องใจ ดูมาตรา 122-123 ของระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 พอคับข้องใจที่เกิดจากคำสั่งก็อยากรู้เหตุผลว่าย้ายเพราะอะไร ถ้า ก.พ.ค.พิจารณาแล้วเห็นว่ามีประเด็น ก็รับคำร้องทุกข์ ก็จะมีการไต่สวน โดยต้องเชิญผู้ที่ออกคำสั่ง กรณีนายถวิลนี้ คนออกคำสั่งก็คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี โดยมอบหมายให้รองนายกฯ (ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง) ทำแทน ก็จะต้องเป็นผู้มาให้ความจริงว่า เหตุผลการย้ายเพราะอะไร ถ้ากรณีนี้ ก.พ.ค.ก็จะมีอำนาจเหมือนตุลาการ อาจจะให้ยกหรือเพิกถอนคำสั่งนั้น มีตัวอย่างให้เห็นแล้วจากกรณีของนายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พานิชย์ ที่ให้กระทรวงมหาดไทย คืนตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองให้
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ก.พ.ค.และข้อเท็จจริงจากการไต่สวน ตรงนี้นายถวิลก็จะได้รับความเป็นธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน จะเห็นว่านายกฯมีอำนาจย้ายคนนั้นคนนี้ได้ แต่คำสั่งอันนี้ทำให้เกิดความคับข้องใจ ก็ต้องไปฟ้องก.พ.ค.
อยากแนะนำว่าถ้าไปฟ้องศาลปกครองโดยตรงศาลอาจไม่รับ เพราะมีระเบียบข้าราชการพลเรือน เป็นกฎหมายรองรับอยู่แล้ว แต่ถ้าไปที่ ก.พ.ค.แล้ว เกิดการจัดการล่าช้าค่อยไปศาลปกครองอันนี้ศาลอาจจะรับ ซึ่งการฟ้องไปที่ ก.พ.ค.มีข้อดีคือ ถ้าพิจารณาว่าคำสั่งนั้นไม่ชอบ และให้ถอนคำสั่งนั้น หน่วยงานจะไม่มีสิทธิไปอุทธรณ์แล้ว อย่างนายวงศักดิ์เลยได้รับการเยียวยาก่อน ตนต้องรอถึง 3 ปี เพราะสมัยนั้นยังไม่มี ก.พ.ค. หน่วยงานเลยทำการอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด ยื้อเวลาออกไปให้ยาวขึ้น
นายจาดุรกล่าวอีกว่า ศักดิ์ศรีไม่ได้อยู่กับตัวตอนเข้ามา แต่อยู่กับตำแหน่ง ที่ให้มีหน้าที่และอำนาจทำราชการเพื่อประโยชน์ของสังคม และส่วนรวม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคนอยากเอาตำแหน่งนี้ไปใช้ในทางที่ไม่ชอบ ไปอนุมัติในสิ่งที่ไม่ควรอนุมัติ ไปเอื้อประโยชน์ ถลุงงบประมาณ ลักษณะอย่างนี้เลยต้องเอาคนที่ไม่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง เอาคนไม่มีความรู้ความสามารถ ไม่มีจรรยาบรรณที่ดี พอมาทำหน้าที่นี้ศักดิ์ศรีมันก็เลยหมดไป
รัฐบาลชุดต้องระวังให้มาก ตอนแรกตนเชียร์รัฐบาลชุดนี้เพราะมีนโยบายสร้าง และบำรุงขวัญข้าราชการ ทีนี้พอถึงเวลาถ้าทำแบบที่ไปว่าเขาไว้ก็ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ตรงนี้ก็น่าเป็นห่วง เพราะหากท่านตั้งคนมาคนนึง คนอีก 10 คน 100 คน ก็ไม่อยากทำงานกับท่าน เพราะสงสัยในความยุติธรรมที่ท่านมีว่าจริงหรือเปล่า ก็จะเกิดความไม่เชื่อถือในภาวะผู้นำ ตรงนี้ก็จะเป็นปัญหา
สมัยก่อนเส้นทางของข้าราชการเป็นสิ่งที่เปิดเผย อย่างคนสอบได้ที่ 1 ก็อยู่คิวแรก แต่สมัยนี้ถ้าอยากขึ้นสู่ตำแหน่งแค่ไปกราบบุคคลคนเดียวก็ได้เป็น ซึ่งก็มีคนยอมกราบ แต่พอได้แล้วบริหารงานได้หรือเปล่า ก็จะเกิดความเสียหาย อันนี้ไม่ถูกต้อง หวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะเข้าใจเรื่องนี้ ควรล้างคราบสกปรกในหน่วยงานที่ควรล้าง ให้ทำหน้าที่อย่างจริงจัง สิ่งที่กลัวคือคนที่ควรให้อยู่กลับถูกโละ คนที่ควรโละกลับยังอยู่ แล้วก็บริหารงานผิดพลาดต่อไป