นายกฯ เผย การประชุม ครม.นัดพิเศษ วันพรุ่งนี้ มี 2 วาระ คือ “งานราชพิธี-คืนตำแหน่งจาดุร” ตามคำสั่งศาลปกครอง หวังอยากให้รัฐบาล “ปูแดง” ทำงานเร็ว ตั้งเป้าไม่เกิน 10 ส.ค.ควรจะเห็นโฉม ครม.เบรก “กกต.” ไม่ควรปูดเรื่องปฏิวัติ ชี้ จะทหารจะกลายเป็นแพะต้องมานั่งชี้แจง ห่วงสื่อถูกแทรกซึมหลัง “ประสงค์” ถูกเลิกจ้าง เพราะเขียนพาดพิงรัฐบาลชุดใหม่ แนะ “มติชน” แจงเหตุผลให้สังคมเข้าใจ ชี้ กองทัพทำหน้าที่ดีแล้ว การเมืองไม่ควรแทรกแซง
วันนี้ (31 ก.ค.) ที่สมาคมส่งเสริมชาวคลองเตย ตลาดคลองเตย ถนนพระราม 4 วันที่ 31 ก.ค.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีรับมอบตำแหน่งนายกฯสมาคมส่งเสริมชาวคลองเตยสมัยที่ 19 ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันจันทร์ที่ 1 สิงหาคมนี้ ว่า น่าจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของรัฐบาลนี้ ซึ่งเดิมไม่ได้คิดต้องมีการประชุมอีก แต่การจัดงานพระราชพิธีให้สมพระเกียรติเป็นงานที่สำคัญมาก ตนเองได้ให้หน่วยงานต่างๆ ได้รวบรวม เพื่อเตรียมพร้อมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คิดว่า คงจะมีเรื่องพิจารณาเพียงเรื่องเดียว หากจะมีอีกคงเป็นเรื่องการคืนตำแหน่งให้ นายจาดุร อภิชาตบุตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ให้กลับไปดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีตามเดิม ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด เพราะหากไม่ทำในวันจันทร์นี้อาจจะไม่ทันตามเงื่อนเวลาที่ศาลปกครองกำหนดไว้ ซึ่งทาง ก.พ.ได้คุยกันแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ เพราะจะผูกพันกับรัฐบาลชุดใหม่จะมีผลอะไรในทางกฎหมายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เข้าใจว่า เป็นการดำเนินการตามกฎหมาย หลังจากที่ศาลปกครองวินิจฉัยให้คืนตำแหน่งและ กพ.ได้กำหนดอัตรารองรับไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่เรื่องของนโยบาย ส่วนเรื่องอื่อก็ต้องดูมีประเด็นไรหรือไม่ เราจะทำเท่าที่จำเป็นเป็น เมื่อถามว่า หลังประชุม ครม.จะยังเข้าทำงานที่ทำเนียบอีกรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังมีหน้าที่อยู่ตามรัฐธรรมนูญจนกว่าคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้าถวายสัตย์ ฉะนั้นมีงานอะไรก็ต้องทำ ซึ่งความจริงงานเอกสารก็มีอยู่ทุกวัน
เมื่อถามว่า เดือนสิงหาคมจะมีงานราชพิธีที่สำคัญในวันที่ 12 จะเป็นรอยต่อที่ทำให้นายกฯคนใหม่ได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนั้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังพยายามที่จะให้การดำเนินการในทุกขั้นตอนเร็วที่สุด สภาฯนัดประชุมเลือกประธานสภาฯในวันอังคารที่ 2 สิงหาคม ตนเองหวังอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้และอยากให้รัฐบาลชุดใหม่เดินหน้าหรือเข้ารับตำแหน่งและทำหน้าที่ได้เร็วที่สุด เพราะยิ่งช่วงเวลารอยต่อเนิ่นนานเท่าไรจะมีผลกระทบต่อการแก้ปัญหาต่างๆ
เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับการที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ วางในทางการเมือง 15 สิงหาคมนี้ น่าจะได้ ครม.ชุดใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ที่จริงใจตนเองอยากให้เร็วกว่านั้น เพราะคิดว่าเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีแล้วน่าจะพร้อมที่จะทูลเกล้าฯคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เลยและจะได้มีการดำเนินการเพื่อเข้าถวายสัตย์ปฎิญาณตนและได้เข้ารับหน้าที่ ใจตนอยากให้ทุกอย่างเสร็จก่อนวันที่ 10 ส.ค.นี้
เมื่อถามว่า คิดว่า ครม.ชุดใหม่หน้าตาควรจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรีท่านใหม่มีหน้าที่ทำให้ดีที่สุด เพื่อให้เข้ามาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส เมื่อถามว่า รายชื่อที่มีการเปิดมาตอนนี้เป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครทราบข้อเท็จจริง เมื่อวานยังพบปะกับนักการเมืองอาวุโสหลายท่าน ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในรัฐบาลก็บอกว่ายังไม่มีความชัดเจน เมื่อถามว่า การจัด ครม.ในขณะที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจะมีความง่ายมากขึ้นในเรื่องการวางตัวบุคคลหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ควรจะง่าย เพราะเมื่อมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่งก็ต้องถือว่ามีอำนาจที่ค่อนข้างเบ็ดเสร็จในการที่จะสรรหาบุคคลต่างๆและจัดตำแหน่งต่างๆ ได้ค่อยข้างอิสระ
เมื่อถามว่า ถ้าทุกอย่างต้องเคาะจากดูไบคนที่เข้ามาจะมีความหมายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบต้องไปต้องไปถามกระบวนการของเขา เมื่อย้ำถามว่า คนที่ข้ามาจะมีความหายหรือไม่ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตตรี ยังชักใยอยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ ขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐมนตรีทุกท่าน รวมทั้งนายกรัฐมนตรีด้วย เมื่อเข้ามารับตำแหน่งแล้ว ความรับผิดชอบทุกอย่างอยูที่ท่าน การตัดสินใจทำอะไร การบริหารราชการ การที่จะอนุมัติหรือไม่อนุมัติทั้งหลายมันไม่สามารถที่จะไปบอกว่าคนนั้นคนนี้บอกให้ทำ การตัดสินใจเป็นของตัวท่าเอง ฉะนั้นท่านต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจทุกเรื่อง นี่คือ เรื่องที่ต้องชัดเจนในความรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ผ่านมา เหตุการณืก่อนรัฐประหาร ซึ่งรัฐบาลขณะนั้นทุบโต๊ะโดยนายกฯ จะเกิดปัญหาซ้ำรอยในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า การเมืองไทยผ่านอะไรมามากในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา หวังว่านักการเมืองทุกฝ่ายเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา อยากจะให้ทุกฝ่ายนำบ้านเมืองก้าวพ้นจากสภาพปัญหา 10 ปีที่ผ่านมา
เมื่อถามว่า ดูเหมือน กกต.ก็ยังก้าวไม่พ้น บอกว่า หากขู่ กกต.มากทหารอาจจะออกมาปฏิวัติเพื่อไทย แล้วจะไม่ได้เป็นรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากให้ กกต.ทุกท่านระมัดระวังคำพูด เพราะเวลาท่านพูดอะไรแบบนี้มันกระเทือน กองทัพซึ่งเขาไม่ได้รู้เรื่องไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย เขาก็ต้องมานั่งตอบคำถามในเรื่องการรัฐประหาร ซึ่งมันเป็นเรื่องที่เขาไม่ได้เกี่ยวข้องทั้งสิ้นในยุคนี้แล้ว แล้วมันจะส่งผลกระทบไปตอกย้ำความเชื่อของประชาชน ซึ่งมีความคิดที่หลากหลายไปอีกว่าบ้านเมืองเราทำไมยังมีปัญหาเหล่านี้ สิ่งที่ทางกกต.ต้องพยายามทำให้เห็นก็คือว่าท่านทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง ใครใช้วิธีการไม่ถูกต้องในการข่มขู่คุกคามกดดัน คิดจะใช้ความรุนแรงท่านต้องตอบโต้ด้วยเรื่องกฎหมาย มากกว่าที่จะมาบอกว่าเดี๋ยวการเมืองจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องแยกกันให้ออก ก็ย้ำมาหลายครั้งว่าปัญหาของประเทศไทยคือเรามักจะแยกกันไม่ออกว่าอะไรเป็นกระบวนการทางการเมืองอะไรเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ถ้าเราแยกให้ออกตรงนี้แบ่งหน้าที่ให้ชัด ทุกอย่างก็จะชัดเจน จะไม่สร้างความสับสน และจะไม่สร้างปัญหาใหม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสมดุลทางการเมืองที่ควรกลับมาพร้อมกับการมีรัฐบาลชุดใหม่ แล้วจะทำให้ประเทศเดินหน้าไป คิดว่า ควรเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากย้ำว่าหวังให้ทุกอย่างกลับเข้ามาสู่ระบบของสภามากยิ่งขึ้น การเมืองที่ใช้ลักษณะของมวลชนกดดันเรียกร้อง แสดงพลัง หวังว่าจะลดลงไป โดยให้สภาทำหน้าที่ตรงนี้ให้ดีที่สุด ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีภาระหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาของประชาชน แก้ดีไม่ดีสภาฯก็ตรวจสอบ และประชาชนจะดูแล แต่อะไรซึ่งเป็นเรื่องการทำผิดกฎหมายไม่ถูกต้อง ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าคนมีอำนาจหรือคนมีผู้สนับสนุนมากแล้วสามารถที่จะทำอะไรผิดได้
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ที่รัฐบาลมีเสียงเบ็ดเสร็จในสภามากเกินไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก คนเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารต้องมีเสียงข้างมาก ไม่เช่นนั้นเขาก็บริหารไม่ได้ เขาต้องผ่านกฎหมายได้ สามารถผลักดันนโยบายได้ และจะเป็นเรื่องที่ดี เพียงแต่การใช้อำนาจนั้นต้องอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชน ถ้าทำทุจริตผิดกฎหมายก็ต้องใช้กระบวนการตรวจสอบ ซึ่งเรามีกลไกในสภา และองค์กรอิสระทั้งหลายที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง รวมทั้งสื่อมวลชน อยากย้ำว่าภาคส่วนต่างๆ ในสังคมไม่ว่าจะเป็นสื่อมวลชน องค์กรประชาชนก็ต้องทำหน้าที่ของตนเองอย่างเข้มแข็ง
“ผมไม่ค่อยสบายใจกับข่าวที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ กับสื่อบางค่ายที่กลายเป็นว่าใครเขียนกระทบกับคนที่กำลังจะมามีอำนาจแล้ว ไม่สามารถทำหน้าที่ต่อได้ ผมว่าอย่างนี้เป็นการสูญเสียความเป็นวิชาชีพ ผมคิดว่าน่าจะมีการชี้แจงเหมือนกัน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า การแทรกซึมแทรกซื้อแทรกสื่อ จะกลับมาในวงการสื่อมวลชนอีกรอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าเวลานี้ข่าวคราวที่ออกมาหนังสือพิมพ์ค่ายนั้นน่าจะต้องชี้แจง ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อความมั่นใจที่สังคมจะมีได้ ต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในภาพรวม ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ต้องอธิบายกันให้ชัด
เมื่อถามว่า แนวปรองดองที่นายกรัฐมนตรีวางไว้ในการตั้งคณะกรรมการไว้ คิดว่า รัฐบาลใหม่ควรจะมาสานต่ออย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นความแสดงออกของการยอมรับคณะกรรมการของ นายคณิต ณ นคร แต่ขณะเดียวกัน ก็ยังไม่ชัดเจนว่าขอบเขตการทำงานและจะมีการสร้างกลไกใหม่ขึ้นมาซ้อนหรือไม่ เช่นเดียวกันตนต้องบอกว่าปฏิกิริยาของกลุ่มคนเสื้อแดง และสื่อบางส่วนบ้างที่พูดถึงงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่เสร็จสิ้น ก็เป็นเรื่องที่แปลก ถ้าบอกว่าตั้งธงว่าการสอบจะต้องออกมาอย่างที่ตนเองคิด อันนั้นจะไม่ได้รับความเชื่อถือเช่นเดียวกัน ตนทำหน้าที่เป็นรัฐบาลมาไม่เคยเข้าไปแทรกแซงการทำหน้าที่ในการตรวจสอบขององค์กร อย่างเช่น คณะกรรมการสิทธิฯ แม้กระทั่งคณะกรรมการอิสระ ซึ่งได้ตั้งขึ้นมา ตนอยากเห็นสังคม และรัฐบาลชุดใหม่ปฏิบัติเช่นเดียวกัน เราต้องเอาความจริงไม่ใช่ว่าเราไปมีความเชื่อ ปลุกระดมคนให้เชื่อและเราบอกว่าผลสอบข้อเท็จจริงจะออกมาเป็นอย่างนั้น ถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่ได้รับความเชื่อถือ ถ้าไม่ได้รับความเชื่อถือก็ไม่ได้รับความจริงด้วย เมื่อไม่ได้รับความจริงก็ไม่ได้รับความยุติธรรมด้วย
เมื่อถามว่า รัฐบาลยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีปัญหากับสังคมมากในเรื่องการไม่ยอมรับการตรวจสอบ คิดว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะใช้เรื่องนี้เป็นบทเรียนอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นี่เป็นบทเรียนหนึ่งในรอบ 10 ปี ที่ตนอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่จะเข้ามาได้ตะหนักด้วย เมื่อถามว่า อาจมีการใช้คนเสื้อแดงเป็นกำลัง ที่จะมาทานการตรวจสอบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากย้ำว่า หากเป็นอยากนั้น การเมืองจะมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น
เมื่อถามว่า บทบาททางทหารในอนาคต ควรจะเป็นหน่วยงานอิสระหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่ากองทัพที่ผ่านมาไม่ได้เป็นหน่วยงานอิสระ ทำงานมาสองปีมีนโยบายหลายเรื่องที่ตนไปเปลี่ยนแปลงแนววิธีการทำงาน เช่น ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาต่างๆ ตอนช่วงแรกที่เข้ามามีเรื่องโรนินญา รวมไปถึงปัญหาอื่นๆ กองทัพเขาก็ทำหน้าที่ในการสนองนโยบายของรัฐบาลและบทบาทหน้าที่ของเขาก็ถูกกำหนดชัดในรัฐธรรมนูญ ในกฎหมาย และตนคิดว่าเขาก็อยากทำหน้าที่ตรงนั้นให้ดีที่สุด การเมืองอย่าไปแทรกแซง
เมื่อถามว่า สมัยรัฐบาลพลังประชาชน ผู้บัญชาการทหารบก เคยปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ เพราะว่าตนเคยสอบถามเรื่องนี้ ตนเคยสอบถามพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ท่านได้บอกว่า ในเรื่องของคำสั่งต่างๆ ที่เป็นคำสั่งตามกฎหมาย ก็ได้ปฏิบัติตามทุกอย่าง แต่ถ้ามีอะไรนอกเหนือกฎหมาย ก็ทำไม่ได้ เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีปัญหาการพยายามจะเอาประชาชนมาเผชิญหน้ากัน รัฐบาลในการตรวจสอบคราวนี้ ควรจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ควรจะมี ตนว่าต้องจบไม่งั้นแล้วจะมีปัญหาใหม่ตามมาอีกเยอะ ตนคิดว่าพรรคเพื่อไทยได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนให้มาแก้ไขปัญหาของประเทศ ต้องการให้หลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ แม้จะด้วยแนวคิดอะไรก็ตาม เมื่อเข้ามาแล้วก็ทำหน้าที่ตรงนี้เสีย ส่วนเรื่องของการพยายามเอารัดเอาเปรียบทางการเมืองโดยใช้รูปแบบของมวลชนเข้ากดดันต้องหยุดได้แล้ว