ASTVผู้จัดการรายวัน - สารพัดม็อบแรงงานกว่าพันคน โหน"วันงานที่มีคุณค่า" แห่เยือนทำเนียบฯ ทวงสัญญานายกฯ ขึ้นค่าแรง300-ปริญญาตรี 15,000 ยึดสพานชมัยมรุเชฐ ถึงแยกมิสกวัน รถติดหนึบ ด้านปลัดกระทรวงแรงงาน เตรียมเสนอมาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม 1-2 % เข้าบอร์ด สปส. 11 ต.ค.นี้
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (7 ต.ค.) ที่บริเวณ ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายมนัส โกศล ประธานองค์การแรงงานแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อการปฏิรูปค่าจ้างที่เป็นธรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านกองรับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้รณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการได้ทันที รวมถึงนโยบายผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ทำให้ผู้ใช้แรงงานพึงพอใจกับนโยบายดังกล่าวและเทคะแนนให้
แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับลดเป้าหมายของนโยบาย เพราะแรงกดดันจากผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง และประกาศว่าจะใช้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เฉพาะ 7 จังหวัด คือ กรุงเทพฯและปริมณฑล และ จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศว่าจะมีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศหรือไม่
องค์การแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย 6 สภาและ 1 สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ขอแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ และสนับสนุนผลักดันให้ดำเนินการนโยบายดังกล่าวจนประสบผลสำเร็จ เพื่อความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ขณะเดียวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เครือข่ายนักศึกษา 4 มหาวิทยาลัยประกอบด้วย กลุ่มสะพานสูง ม.ธรรมศาสตร์ กลุ่มเสรีนนทรี ม.เกษตรศาสตร์ กลุ่มลูกชาวบ้าน ม.บูรพา และซุ้มเหมราช ม.รามคำแหง ได้ร่วมออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องรัฐบาล เนื่องในโอกาสวันงานที่มีคุณค่า 7 ตุลาคม โดยระบุว่ารัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และการมีงานทำเมื่อจบการศึกษา
รัฐบาลต้องรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ข้อที่ 87 และ 98 บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ ที่ว่า ความสงบสุขที่ยืนยาวจะเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้ใช้แรงงานได้รับการดูแลที่ดี รัฐบาลต้องควบคุมดูแล กำหนดมาตราการต่างๆ เพื่อให้ราคาสินค้ามีความเป็นธรรม และรัฐบาลต้องปฏิรูปการศึกษาให้มีคุณภาพ และฟรี ตั้งแต่เกิดจนจบปริญญาตรี เป็นอย่างน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล มวลชนประมาณ 5,000คน ได้ทำการปิดการจราจร ตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนถึงแยกมิสกวัน เกือบทั้งหมด โดยเหลือไว้ให้รถสามารถวิ่งได้เพียง 1 ช่องทาง ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดตั้งแต่เช้า
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นตัวแทนรัฐบาลออกมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยระบุว่ารัฐบาลได้มอบหมายนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้ดูแล ซึ่งคงต้องให้เวลาฝ่ายนายจ้างก่อน พร้อมทั้งรอดูขั้นตอนของภาครัฐ ตนยืนยันว่า รัฐบาลต้องการยกระดับคุณภาพแรงงาน ขอให้เชื่อมั่นในความจริงใจของรัฐบาล และเชื่อว่าจะเห็นผลในเร็วๆนี้
ด้านผู้ชุมนุมเครือข่ายแรงงานฯ กว่าพันคน ได้รับฟังนายกิตติรัตน์ ชี้แจงแล้ว ค่อนข้างพอใจ และเตรียมที่จะสลายการชุมนุม โดยประกาศว่า จะติดตามการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป และในการประชุมค่าจ้างที่กระทรวงแรงงาน ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ก็จะนำมวลชนไปเฝ้ารอเพื่อฟังผลเช่นกัน
** ลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้
เตรียมเสนอมาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา ร้อยละ 1-2 ของค่าจ้าง เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงานที่ประสบอุทกภัย ขณะเดียวกันยังครอบคลุมไปถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2555 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.55 เข้าสู่การประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวมีระยะเวลา 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด สปส. ก่อน
ส่วนโครงการ "ประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย" ซึ่งผ่านความเห็นชอบที่ประชุมบอร์ด สปส. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ขยายเวลาจากเดิมที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค.54 ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 55 ซึ่งผู้ประกันสังคมที่ประสบอุทกภัย สามารถติดต่อขอกู้เงินหรือสอบถามรายละเอียดได้ ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทั้ง 5 หน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงแรงงาน เตรียมเจ้าหน้าที่หน่วยละ10 คน เพื่อเข้าไปสนับสนุนในจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้ เนื่องจากขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในหลายจังหวัดที่ประสบภัย ไม่สามารถออกมาทำงานได้
เมื่อเวลา 10.00 น.วานนี้ (7 ต.ค.) ที่บริเวณ ประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล นายมนัส โกศล ประธานองค์การแรงงานแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อการปฏิรูปค่าจ้างที่เป็นธรรม ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านกองรับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องให้พิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ ตามที่พรรคเพื่อไทยได้รณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ว่าจะดำเนินการได้ทันที รวมถึงนโยบายผู้ที่จบการศึกษาปริญญาตรี ได้รับเงินเดือน 15,000 บาท ทำให้ผู้ใช้แรงงานพึงพอใจกับนโยบายดังกล่าวและเทคะแนนให้
แต่เมื่อได้เป็นรัฐบาลกลับลดเป้าหมายของนโยบาย เพราะแรงกดดันจากผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง และประกาศว่าจะใช้นโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท เฉพาะ 7 จังหวัด คือ กรุงเทพฯและปริมณฑล และ จ.ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนให้กับผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศว่าจะมีการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศหรือไม่
องค์การแรงงานแห่งประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย 6 สภาและ 1 สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจ ขอแสดงจุดยืนเรียกร้องให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันทั่วประเทศ และสนับสนุนผลักดันให้ดำเนินการนโยบายดังกล่าวจนประสบผลสำเร็จ เพื่อความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
ขณะเดียวกันบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ เครือข่ายนักศึกษา 4 มหาวิทยาลัยประกอบด้วย กลุ่มสะพานสูง ม.ธรรมศาสตร์ กลุ่มเสรีนนทรี ม.เกษตรศาสตร์ กลุ่มลูกชาวบ้าน ม.บูรพา และซุ้มเหมราช ม.รามคำแหง ได้ร่วมออกแถลงการณ์เพื่อเรียกร้องรัฐบาล เนื่องในโอกาสวันงานที่มีคุณค่า 7 ตุลาคม โดยระบุว่ารัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายเงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท และการมีงานทำเมื่อจบการศึกษา
รัฐบาลต้องรับรองอนุสัญญาองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ข้อที่ 87 และ 98 บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ ที่ว่า ความสงบสุขที่ยืนยาวจะเกิดขึ้นได้ ถ้าผู้ใช้แรงงานได้รับการดูแลที่ดี รัฐบาลต้องควบคุมดูแล กำหนดมาตราการต่างๆ เพื่อให้ราคาสินค้ามีความเป็นธรรม และรัฐบาลต้องปฏิรูปการศึกษาให้มีคุณภาพ และฟรี ตั้งแต่เกิดจนจบปริญญาตรี เป็นอย่างน้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล มวลชนประมาณ 5,000คน ได้ทำการปิดการจราจร ตั้งแต่บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนถึงแยกมิสกวัน เกือบทั้งหมด โดยเหลือไว้ให้รถสามารถวิ่งได้เพียง 1 ช่องทาง ส่งผลให้การจราจรบริเวณดังกล่าวติดขัดตั้งแต่เช้า
ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นตัวแทนรัฐบาลออกมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว โดยระบุว่ารัฐบาลได้มอบหมายนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้ดูแล ซึ่งคงต้องให้เวลาฝ่ายนายจ้างก่อน พร้อมทั้งรอดูขั้นตอนของภาครัฐ ตนยืนยันว่า รัฐบาลต้องการยกระดับคุณภาพแรงงาน ขอให้เชื่อมั่นในความจริงใจของรัฐบาล และเชื่อว่าจะเห็นผลในเร็วๆนี้
ด้านผู้ชุมนุมเครือข่ายแรงงานฯ กว่าพันคน ได้รับฟังนายกิตติรัตน์ ชี้แจงแล้ว ค่อนข้างพอใจ และเตรียมที่จะสลายการชุมนุม โดยประกาศว่า จะติดตามการดำเนินงานของรัฐบาลต่อไป และในการประชุมค่าจ้างที่กระทรวงแรงงาน ในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ก็จะนำมวลชนไปเฝ้ารอเพื่อฟังผลเช่นกัน
** ลดเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
นายสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 ต.ค.นี้
เตรียมเสนอมาตรการลดเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอัตรา ร้อยละ 1-2 ของค่าจ้าง เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ และผู้ใช้แรงงานที่ประสบอุทกภัย ขณะเดียวกันยังครอบคลุมไปถึงมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2555 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.55 เข้าสู่การประชุมคณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ซึ่งเป็นมาตรการชั่วคราวมีระยะเวลา 1-2 ปี อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด สปส. ก่อน
ส่วนโครงการ "ประกันสังคมเคียงข้างผู้ประกันตนต้านอุทกภัย" ซึ่งผ่านความเห็นชอบที่ประชุมบอร์ด สปส. เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ให้ขยายเวลาจากเดิมที่สิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค.54 ออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 55 ซึ่งผู้ประกันสังคมที่ประสบอุทกภัย สามารถติดต่อขอกู้เงินหรือสอบถามรายละเอียดได้ ที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ใกล้บ้าน
นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้ทั้ง 5 หน่วยงาน ในสังกัดกระทรวงแรงงาน เตรียมเจ้าหน้าที่หน่วยละ10 คน เพื่อเข้าไปสนับสนุนในจังหวัดที่ประสบอุทกภัย และเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปปฏิบัติงานได้ เนื่องจากขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของกระทรวงแรงงานในหลายจังหวัดที่ประสบภัย ไม่สามารถออกมาทำงานได้
