ASTVผู้จัดการรายวัน - 3สมาคมอาสใงหาฯ ชี้มาตรการบ้านหลังแรกไม่ชัดเจน ปัจจัยลบลุมเล้า ฉุดยอดซื้อ-ขอสินเชื่องานมหกรรมบ้านและคอนโด แจงคนชมงานลดลดวูบกว่า 18% ขณะยอดขอสินเชื่อสถาบันการเงินหายไปกว่า20% หลังผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อรอมาตรการรัฐ แจงความต้องการบ้าน1-2ล้านบาทยังครองแชร์มากสุด 51.2% เชื่อแนวโน้มความต้องการที่อยุ่อาศัยแนวราบกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นขณะดีมานด์คอนโดสวนทาง
นายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีจำนวนผู้เข้าชมงานลดลง18% จากครั้งที่แล้ว ขณะที่ยอดขายจากการตอบแบบสอบถามผู้ร่วมออกบูธอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ไม่นับยอดขายหลังงานอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนยอดการขอสินเชื่อภายในงานลดลง 20 % ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูล น่าจะเป็นผลมาจากช่วงระยะเวลาในการจัดงาน มีปัจจัยหลายลบเข้ามากระทบทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป เช่น ความไม่ชัดเจนของนโยบายภาครัฐทางด้านภาษีและดอกเบี้ย ในโครงการบ้านหลังแรก ปัญหาอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะวิกฤตการเงินโลกในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ เชื่อได้ว่าหากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจน ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กำลังตัดสินซื้อบ้านมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าหลังจากจบงานมหกรรมครั้งที่ 25 ภายในระยะเวลา1-2เดือน ตลาดรซื้อ-ขาย จะกลับมาคึกคัก ทำให้แต่ละโครงการสามารถสร้างยอดขายตามเป้าหมาย รวมยอดจองภายในงาน และหลังจากจบงานไม่น่าจะน้อยกว่า 2-3 พันล้านบาท
“ภายในงานได้มีการรวบรวมกว่า 150 บริษัท รวมแล้วกว่า 600 โครงการมาไว้ในงาน นอกจากนี้ สถาบันการเงินที่ มาร่วมออกบูธมากกว่า 10 สถาบัน ต่างก็แข่งขันกันจัดแคมเปญด้านสินเชื่อคงที่อัตราดอกเบี้ยในอัตราพิเศษสุด โดยผู้ประกอบการได้นำโครงการประเภทต่างๆ มาแสดงภายในงาน ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 51.0% คอนโดมิเนียม 25.2% ทาวน์เฮ้าส์ 14.4% และที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีระดับราคาอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท 51.2% 2-3 ล้านบาท 8.6% 3-5 ล้านบาท 10.5% 5-8 ล้านบาท 2.8% 15 ล้านบาทขึ้นไป 0.7%โดยยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในงาน พบว่าสถาบันการเงินต่างๆ มียอดการขอสินเชื่อรวมประมาณ10,000ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก”
นายสุกิจ กล่าวว่า ด้านผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานพบว่าผู้บริโภคมีความต้องซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว 32.0% คอนโดมิเนียม 22.5% ทาวน์เฮ้าส์ 19.8% ในวงเงินงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทสามารถแบ่งออกได้เป็น ความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 39.5% 2-3 ล้านบาท 25.9% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 10.1% 3-4 ล้านบาท 13.2% และ 4-6 ล้านบาท 8.1% ขณะที่ตัวเลขจากผลสำรวจนี้บ่งชี้ว่า โครงการแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ มีแนวโน้มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ขณะที่คอนโดมิเนียมความต้องการลดลงจากปีที่แล้ว ในสัดส่วน 22.5%
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้จากการลงทะเบียนผู้เข้าชมงาน พบว่ากลุ่มผู้เข้าชมงาน 56% เป็นกลุ่มที่ติดตามชมงานดังกล่าวมาโดยตลอด และอีก 44% เป็นผู้เข้าชมงานเป็นครั้งแรก ซึ่งกว่า 55.8% เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และเจ้าของกิจการ 9.8% ส่วนที่เหลือเป็นราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และอาชีพอิสระ ขระที่รายได้ของครอบครัวต่อเดือน พบว่า ส่วนใหญ่ 27% มีรายได้ 3 0,000 – 50,000บาท 16.7% มีรายได้ไม่เกิน 30,000บาท นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ประมาณ 58.4% มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร รองลงมา คือ นนทบุรี ประมาณ 14.9% หากรวมกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑลจะมีประมาณ 90.6% โดยลักษณะที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่ 32.0% เป็นบ้านเดี่ยว 22.5% เป็นคอนโดมิเนียม และ 19.8% เป็นทาวน์เฮ้าส์
นายสุกิจ ตรัยวนพงศ์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 25 กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้มีจำนวนผู้เข้าชมงานลดลง18% จากครั้งที่แล้ว ขณะที่ยอดขายจากการตอบแบบสอบถามผู้ร่วมออกบูธอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ไม่นับยอดขายหลังงานอีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ส่วนยอดการขอสินเชื่อภายในงานลดลง 20 % ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูล น่าจะเป็นผลมาจากช่วงระยะเวลาในการจัดงาน มีปัจจัยหลายลบเข้ามากระทบทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจซื้อออกไป เช่น ความไม่ชัดเจนของนโยบายภาครัฐทางด้านภาษีและดอกเบี้ย ในโครงการบ้านหลังแรก ปัญหาอุทกภัยและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะวิกฤตการเงินโลกในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ เชื่อได้ว่าหากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นมีการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจน ก็จะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคที่กำลังตัดสินซื้อบ้านมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าหลังจากจบงานมหกรรมครั้งที่ 25 ภายในระยะเวลา1-2เดือน ตลาดรซื้อ-ขาย จะกลับมาคึกคัก ทำให้แต่ละโครงการสามารถสร้างยอดขายตามเป้าหมาย รวมยอดจองภายในงาน และหลังจากจบงานไม่น่าจะน้อยกว่า 2-3 พันล้านบาท
“ภายในงานได้มีการรวบรวมกว่า 150 บริษัท รวมแล้วกว่า 600 โครงการมาไว้ในงาน นอกจากนี้ สถาบันการเงินที่ มาร่วมออกบูธมากกว่า 10 สถาบัน ต่างก็แข่งขันกันจัดแคมเปญด้านสินเชื่อคงที่อัตราดอกเบี้ยในอัตราพิเศษสุด โดยผู้ประกอบการได้นำโครงการประเภทต่างๆ มาแสดงภายในงาน ประกอบด้วย บ้านเดี่ยว 51.0% คอนโดมิเนียม 25.2% ทาวน์เฮ้าส์ 14.4% และที่อยู่อาศัยประเภทอื่นๆ อีกมากมาย โดยมีระดับราคาอยู่ที่ 1-2 ล้านบาท 51.2% 2-3 ล้านบาท 8.6% 3-5 ล้านบาท 10.5% 5-8 ล้านบาท 2.8% 15 ล้านบาทขึ้นไป 0.7%โดยยอดการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัยภายในงาน พบว่าสถาบันการเงินต่างๆ มียอดการขอสินเชื่อรวมประมาณ10,000ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าประชาชนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมาก”
นายสุกิจ กล่าวว่า ด้านผลสำรวจความต้องการที่อยู่อาศัยของผู้ลงทะเบียนเข้าชมงานพบว่าผู้บริโภคมีความต้องซื้อที่อยู่อาศัย ประเภทบ้านเดี่ยว 32.0% คอนโดมิเนียม 22.5% ทาวน์เฮ้าส์ 19.8% ในวงเงินงบประมาณในการซื้อที่อยู่อาศัยแต่ละประเภทสามารถแบ่งออกได้เป็น ความต้องการที่อยู่อาศัย ระดับราคา 1-2 ล้านบาท 39.5% 2-3 ล้านบาท 25.9% ต่ำกว่า 1 ล้านบาท 10.1% 3-4 ล้านบาท 13.2% และ 4-6 ล้านบาท 8.1% ขณะที่ตัวเลขจากผลสำรวจนี้บ่งชี้ว่า โครงการแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว และทาวน์เฮ้าส์ มีแนวโน้มกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง ขณะที่คอนโดมิเนียมความต้องการลดลงจากปีที่แล้ว ในสัดส่วน 22.5%
ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ได้จากการลงทะเบียนผู้เข้าชมงาน พบว่ากลุ่มผู้เข้าชมงาน 56% เป็นกลุ่มที่ติดตามชมงานดังกล่าวมาโดยตลอด และอีก 44% เป็นผู้เข้าชมงานเป็นครั้งแรก ซึ่งกว่า 55.8% เป็นพนักงานบริษัทเอกชน และเจ้าของกิจการ 9.8% ส่วนที่เหลือเป็นราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และอาชีพอิสระ ขระที่รายได้ของครอบครัวต่อเดือน พบว่า ส่วนใหญ่ 27% มีรายได้ 3 0,000 – 50,000บาท 16.7% มีรายได้ไม่เกิน 30,000บาท นอกจากนี้ ผู้เข้าชมงานส่วนใหญ่ประมาณ 58.4% มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานคร รองลงมา คือ นนทบุรี ประมาณ 14.9% หากรวมกรุงเทพฯ และ 5 จังหวัดปริมณฑลจะมีประมาณ 90.6% โดยลักษณะที่อยู่อาศัยในปัจจุบันของผู้เข้าชมงาน ส่วนใหญ่ 32.0% เป็นบ้านเดี่ยว 22.5% เป็นคอนโดมิเนียม และ 19.8% เป็นทาวน์เฮ้าส์