ASTVผู้จัดการรายวัน-ครม.ไฟเขียวบ้านหลังแรกเพิ่มเติม คิดดอกเบี้ย 0% 3 ปี กดราคาบ้านต่ำกว่า 1 ล้านบาท ให้ธอส. ปล่อยกู้วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท หมดแล้วหมดเลย บ้านเอื้ออาทร บ้านราคาถูก บ้านมือสอง เฮ! บิ๊กพฤกษาฯ จี้รัฐหยุดออกนโยบายเพิ่ม ชมหาทางลงจนได้ ด้านผู้ตรวจการแผ่นดินพบ"มาร์ค" รับลูกสอบ "ปู" เอื้อ SC
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (4ต.ค.) มีมติเห็นชอบโครงการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในวงเงินปล่อยกู้ 20,000 ล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยในระยะเวลา 3 ปีแรก เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมาก่อนให้สามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้
ทั้งนี้ มีเงื่อนไข คือ 1.ผู้ที่ขอสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวจะต้องไม่เคยเป็นเจ้าของบ้านมาก่อน และต้องย้ายชื่อเข้ามาเป็นเจ้าบ้านและอยู่อาศัยจริงตามโครงการนี้ 2.ผู้ขอสินเชื่อต้องไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง 3.บ้านต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยรวมราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างไว้แล้ว ทั้งนี้ จะครอบคลุมบ้านมือสองที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของธอส. 4.วงเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมินที่ดิน พร้อมอาคาร หรือห้องชุด 5.ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี 6.ผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี 7.ผู้กู้สามารถติดต่อขอกู้เงินได้ตั้งแต่ 7 วันนับแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2555 โดยต้องทำนิติกรรมกับ ธอส.ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 และ8.ทางธอส.จะสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หาก ธอส.ให้สินเชื่อเต็มวงเงินในโครงการแล้ว
***กคช.คาดบ้านเอื้อฯได้ประโยชน์
นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อโครงการของกคช. ทั้งในส่วนของบ้านเอื้ออาทร และโครงการ by NHA (โครงการเชิงพาณิชย์) จะรับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เนื่องจากระดับราคาของที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่ 4 แสนกว่าบาทจนไปถึงหลายล้านบาท ขณะที่โครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น ราคาต่ำกว่าล้านบาท ทำให้ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนน่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาระด้านดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ทั้งนี้ ตามปกติ สถาบันการเงินทั่วไป ช่วง 3 ปี จะคิดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้ที่ต่ำไม่เกิน 5% และหากคิดในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทแล้ว จะทำให้ลูกหนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่า 50,000 บาท รวม 3 ปี อยู่ที่ไม่เกิน 150,000 บาท เป็นต้น
"ตัวเลขการโอนของผู้ที่ซื้อบ้านเอื้อฯ ในปีนี้ ยังอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขให้ถูกต้อง ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่า ลูกค้าเก่าที่เคยยื่นขอกู้กับธอส.ในวงเงิน 20,000 ล้านบาทไปก่อนหน้านี้ จะหันมาใช้วงเงินใหม่มากน้อยเพียงใด"นายวิฑูรย์กล่าว
***บสก.ชี้ลูกค้ามีกำลังใจมากขึ้น
นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือบสก. กล่าวว่า มาตรการที่ครม.อนุมัติ จะช่วยลูกค้าบสก. ได้แน่นนอน ทำให้ลูกค้ามีกำลังใจมากขึ้น บางส่วนที่อยู่ในโครงการเช่าซื้อกับบสก.นั้น อาจจะตัดสินใจโยกเข้าไปอยู่ในโครงการ 0% เป็นระยะเวลา 3 ปีก็ได้ แต่ทางบสก.คงไม่ไปกระตุ้นอะไรมากนัก เพราะไม่ต้องการกดดันลูกค้า โดยจะให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจเลือก เพราะตามโปรแกรมเช่าซื้อที่บสก.ให้บริการแก่ลูกค้าจะเป็น MLR ลบ 3% ผ่อนตลอดระยะเวลา 10 ปี ในส่วนของทรัพย์สินรอการขายในพอร์ตของบสก. ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่ากระจายทั่วประเทศ สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท มี แต่ไม่มากนัก
***เอกชนจวกรัฐแก้ผ้าเอาหน้ารอด
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าววิงวอนไปยังรัฐบาลว่า ควรหยุดนำเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีก หลังจากได้ความชัดเจนเกี่ยวกับมาตราการบ้านหลังแรกในส่วนของอัตราดอกเบี้ย 0% 3 ปีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งแนวทางดังกล่าว ไม่ได้ช่วยกระตุุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจเกิดการขับเคลื่อนได้เท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนที่น้อยในระบบ โดยครึ่งปีแรกในตลาดมีซัพพลายอยู่ในตลาดประมาณ 54,703 หน่วย มูลค่าประมาณ 150,000 ล้านบาท โดยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีเพียง 18% ประมาณ 9,800 หน่วย มีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% แสดงให้เห็นว่า มาตรการดังกล่าวกระตุ้นตลาดได้น้อยมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของพฤกษาฯ คาดว่าสิ้นปีจะมีการโอนประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าในกลุ่มที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทจะคิดเป็น 13% ของยอดโอน หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท แต่กระนั้น หากย้อนไปมาตรการของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ ระดับราคาค่อนข้างครอบคุลมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยระดับ 1-2 ล้านบาท มีมาตรการเสริมเรื่องค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ดอกเบี้ยที่จูงใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มาตรการที่ครม.อนุมัติ ถือว่ามีดีตรงที่ชัดเจน ตรงนี้พอใจ ดีใจ และขอรัฐบาลหยุดออกนโยบายออกมาอีก อย่าทำ อะไรอีกดีกว่า เพราะผู้ประกอบการเจ็บปวดมามากแล้ว โดยหลังการเลือกตั้ง ลูกค้ารอมาตรการอสังหาฯ แต่ความคลุมเคลือ การพูดย้ำ บ่อย ทำให้ลูกค้าชะลอการโอนเป็นจำนวนมาก คิดว่าตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของตลาดรวม ถูกกระทบ ชะลอไปหมด แต่ก็นับถือว่า รัฐบาลสามารถหาทางลงได้
***SIRIปรับโครงการเพิ่มเข้าบ้านหลังแรก
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า มีแผนจะปรับโครงการบ้านแนวราบในแบรนด์เศรษฐสิริ บางส่วน รวมทั้งแบรนด์ สราญสิริ และ ฮาบิเทีย ลงมาเพื่อรองรับกับโครงการมาตรการบ้านหลังแรกของภาครัฐที่กำหนดราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีสินค้าในสต็อกและอยู่ระหว่างก่อสร้างเพิ่มอีกประมาณ 1,000 ยูนิตที่จะได้รับสิทธิตามมาตรการบ้านหลังแรก
ทั้งนี้ คาดว่า ในปีหน้าจะเห็นการทยอยปรับขึ้นราคาบ้านกว่า 4% เนื่องจากต้นุทนค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท
**ผู้ตรวจการแผ่นดินรับสอบ“ปู”เอื้อSC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนางผานิต นิติทัณฑ์ประภาส นายศรีราชา ปรีชาพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เดินทางมาพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อแนะนำตัว และหารือแนวทางการสร้างจิตสำนึกและจริยธรรมทางการเมือง ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามนโยบายผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการรับเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไปร้องเรียนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในโครงการบ้านหลังแรก ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ระบุว่า เมื่อทำเสร็จจะแจ้งให้ทราบ หากสอบแล้วพบว่าเป็นจริงตามที่ร้องเรียน ก็จะดำเนินการไปถอดถอนให้ด้วย
น.ส.อนุตตมา อมรวิวัฒน์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (4ต.ค.) มีมติเห็นชอบโครงการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ในวงเงินปล่อยกู้ 20,000 ล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ยในระยะเวลา 3 ปีแรก เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองมาก่อนให้สามารถซื้อบ้านเป็นของตนเองได้
ทั้งนี้ มีเงื่อนไข คือ 1.ผู้ที่ขอสินเชื่อตามโครงการดังกล่าวจะต้องไม่เคยเป็นเจ้าของบ้านมาก่อน และต้องย้ายชื่อเข้ามาเป็นเจ้าบ้านและอยู่อาศัยจริงตามโครงการนี้ 2.ผู้ขอสินเชื่อต้องไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง 3.บ้านต้องมีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยรวมราคาที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างไว้แล้ว ทั้งนี้ จะครอบคลุมบ้านมือสองที่อยู่ในกรรมสิทธิ์ของธอส. 4.วงเงินกู้ไม่เกิน 100% ของราคาประเมินที่ดิน พร้อมอาคาร หรือห้องชุด 5.ระยะเวลาการกู้ไม่เกิน 30 ปี 6.ผู้กู้ต้องมีอายุไม่เกิน 65 ปี 7.ผู้กู้สามารถติดต่อขอกู้เงินได้ตั้งแต่ 7 วันนับแต่วันที่ ครม.มีมติอนุมัติ จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2555 โดยต้องทำนิติกรรมกับ ธอส.ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 31 ธ.ค.2555 และ8.ทางธอส.จะสงวนสิทธิ์ในการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หาก ธอส.ให้สินเชื่อเต็มวงเงินในโครงการแล้ว
***กคช.คาดบ้านเอื้อฯได้ประโยชน์
นายวิฑูรย์ เจียสกุล ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อโครงการของกคช. ทั้งในส่วนของบ้านเอื้ออาทร และโครงการ by NHA (โครงการเชิงพาณิชย์) จะรับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐ เนื่องจากระดับราคาของที่อยู่อาศัยมีตั้งแต่ 4 แสนกว่าบาทจนไปถึงหลายล้านบาท ขณะที่โครงการบ้านเอื้ออาทรนั้น ราคาต่ำกว่าล้านบาท ทำให้ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการโอนน่าจะได้รับสิทธิประโยชน์ในการประหยัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับภาระด้านดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรก ทั้งนี้ ตามปกติ สถาบันการเงินทั่วไป ช่วง 3 ปี จะคิดอัตราดอกเบี้ยกับลูกหนี้ที่ต่ำไม่เกิน 5% และหากคิดในระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาทแล้ว จะทำให้ลูกหนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยต่ำกว่า 50,000 บาท รวม 3 ปี อยู่ที่ไม่เกิน 150,000 บาท เป็นต้น
"ตัวเลขการโอนของผู้ที่ซื้อบ้านเอื้อฯ ในปีนี้ ยังอยู่ระหว่างประเมินตัวเลขให้ถูกต้อง ซึ่งก็ยังไม่แน่ชัดว่า ลูกค้าเก่าที่เคยยื่นขอกู้กับธอส.ในวงเงิน 20,000 ล้านบาทไปก่อนหน้านี้ จะหันมาใช้วงเงินใหม่มากน้อยเพียงใด"นายวิฑูรย์กล่าว
***บสก.ชี้ลูกค้ามีกำลังใจมากขึ้น
นายสุเมธ มณีวัฒนา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือบสก. กล่าวว่า มาตรการที่ครม.อนุมัติ จะช่วยลูกค้าบสก. ได้แน่นนอน ทำให้ลูกค้ามีกำลังใจมากขึ้น บางส่วนที่อยู่ในโครงการเช่าซื้อกับบสก.นั้น อาจจะตัดสินใจโยกเข้าไปอยู่ในโครงการ 0% เป็นระยะเวลา 3 ปีก็ได้ แต่ทางบสก.คงไม่ไปกระตุ้นอะไรมากนัก เพราะไม่ต้องการกดดันลูกค้า โดยจะให้ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจเลือก เพราะตามโปรแกรมเช่าซื้อที่บสก.ให้บริการแก่ลูกค้าจะเป็น MLR ลบ 3% ผ่อนตลอดระยะเวลา 10 ปี ในส่วนของทรัพย์สินรอการขายในพอร์ตของบสก. ส่วนใหญ่จะเป็นที่ดินเปล่ากระจายทั่วประเทศ สำหรับที่อยู่อาศัยในระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท มี แต่ไม่มากนัก
***เอกชนจวกรัฐแก้ผ้าเอาหน้ารอด
นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PS กล่าววิงวอนไปยังรัฐบาลว่า ควรหยุดนำเสนอมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์อีก หลังจากได้ความชัดเจนเกี่ยวกับมาตราการบ้านหลังแรกในส่วนของอัตราดอกเบี้ย 0% 3 ปีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งแนวทางดังกล่าว ไม่ได้ช่วยกระตุุ้นให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์และเศรษฐกิจเกิดการขับเคลื่อนได้เท่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 1 ล้านบาท มีสัดส่วนที่น้อยในระบบ โดยครึ่งปีแรกในตลาดมีซัพพลายอยู่ในตลาดประมาณ 54,703 หน่วย มูลค่าประมาณ 150,000 ล้านบาท โดยราคาต่ำกว่า 1 ล้านบาทมีเพียง 18% ประมาณ 9,800 หน่วย มีมูลค่าคิดเป็นสัดส่วนเพียง 5% แสดงให้เห็นว่า มาตรการดังกล่าวกระตุ้นตลาดได้น้อยมาก
ทั้งนี้ ในส่วนของพฤกษาฯ คาดว่าสิ้นปีจะมีการโอนประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งลูกค้าในกลุ่มที่ต่ำกว่า 1 ล้านบาทจะคิดเป็น 13% ของยอดโอน หรือประมาณ 2,500 ล้านบาท แต่กระนั้น หากย้อนไปมาตรการของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ ระดับราคาค่อนข้างครอบคุลมกลุ่มผู้มีรายได้น้อยระดับ 1-2 ล้านบาท มีมาตรการเสริมเรื่องค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ดอกเบี้ยที่จูงใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า มาตรการที่ครม.อนุมัติ ถือว่ามีดีตรงที่ชัดเจน ตรงนี้พอใจ ดีใจ และขอรัฐบาลหยุดออกนโยบายออกมาอีก อย่าทำ อะไรอีกดีกว่า เพราะผู้ประกอบการเจ็บปวดมามากแล้ว โดยหลังการเลือกตั้ง ลูกค้ารอมาตรการอสังหาฯ แต่ความคลุมเคลือ การพูดย้ำ บ่อย ทำให้ลูกค้าชะลอการโอนเป็นจำนวนมาก คิดว่าตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของตลาดรวม ถูกกระทบ ชะลอไปหมด แต่ก็นับถือว่า รัฐบาลสามารถหาทางลงได้
***SIRIปรับโครงการเพิ่มเข้าบ้านหลังแรก
นายเมธา อังวัฒนพานิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจและพัฒนาโครงการแนวราบ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI กล่าวว่า มีแผนจะปรับโครงการบ้านแนวราบในแบรนด์เศรษฐสิริ บางส่วน รวมทั้งแบรนด์ สราญสิริ และ ฮาบิเทีย ลงมาเพื่อรองรับกับโครงการมาตรการบ้านหลังแรกของภาครัฐที่กำหนดราคาบ้านไม่เกิน 5 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีสินค้าในสต็อกและอยู่ระหว่างก่อสร้างเพิ่มอีกประมาณ 1,000 ยูนิตที่จะได้รับสิทธิตามมาตรการบ้านหลังแรก
ทั้งนี้ คาดว่า ในปีหน้าจะเห็นการทยอยปรับขึ้นราคาบ้านกว่า 4% เนื่องจากต้นุทนค่าวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และการปรับขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท
**ผู้ตรวจการแผ่นดินรับสอบ“ปู”เอื้อSC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปราโมทย์ โชติมงคล ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน พร้อมด้วยนางผานิต นิติทัณฑ์ประภาส นายศรีราชา ปรีชาพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้เดินทางมาพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อแนะนำตัว และหารือแนวทางการสร้างจิตสำนึกและจริยธรรมทางการเมือง ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามนโยบายผู้ตรวจการแผ่นดิน
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ฝากให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โดยเฉพาะการรับเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์ไปร้องเรียนกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีผลประโยชน์ทับซ้อน ในโครงการบ้านหลังแรก ซึ่งทางผู้ตรวจการแผ่นดินได้ระบุว่า เมื่อทำเสร็จจะแจ้งให้ทราบ หากสอบแล้วพบว่าเป็นจริงตามที่ร้องเรียน ก็จะดำเนินการไปถอดถอนให้ด้วย