“เอสซี แอสเสท” โต้ข้อกล่าวหา ปชป.ได้ประโยชน์จากบ้านหลังแรก ยันไม่เป็นเรื่องจริง

ผู้บริหาร “เอสซี แอสเสท” แถลงการณ์ตอบโต้ “ปชป.” กล่าวหา “บ้านหลังแรก” เอื้อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ยืนยันไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และทำให้เกิดความเข้าใจผิด พร้อมชี้แจง การขายบ้านเน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางขึ้นไป เป็นสัดส่วนหลัก 90% โดยมีเพียง 10% ที่ต่ำกว่า 5 ล้าน ส่วนใหญ่ขายไปหมดแล้ว และไม่ใช่บ้านหลังแรก “ปู” ลั่นได้รับประโยชน์น้อยมาก จึงไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีก เชื่อว่า หาก ปชช.ทราบในรายละเอียด ข้อเท็จจริง ก็จะรับทราบว่าเป็นอย่างไร

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เผยแพร่เอกสารชี้แจงสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นมาตรการบ้านหลังแรก ที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ว่า มีการเอื้อประโยชน์จากการเพิ่มวงเงิน 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาท ยืนยันว่า เอสซี แอสเสท เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดำเนินธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โดยแบ่งเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย โดยการพัฒนาจะเน้นโครงการแนวราบและทำโครงการบ้านเดี่ยวเป็นหลักมากกว่าโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียม และเน้นการขายในลูกค้ากลุ่มราคาระดับกลางขึ้นไป

ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ได้รับผลกระทบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพด้วยความสร้างสรรค์และใส่ใจในความต้องการของผู้บริโภคโดยทีมบริหารมืออาชีพที่มีประสบการณ์และยึดมั่นในการบริหารงานภายใต้หลักธรรมาภิบาลมาโดยตลอด บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและการสร้างความเชื่อมั่นผ่านผลการดำเนินงานที่เกิดขึ้นจริง และมั่นใจว่า บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย ข้อกำหนด และกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกับผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำทุกราย

ในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจการแข่งขันเสรี ที่มีผู้ประกอบการมากราย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะพัฒนาโครงการในทุกระดับราคาโดยขึ้นกับนโยบายของแต่ละบริษัท แต่ในส่วนของบริษัทฯ จะเน้นทำตลาดราคาระดับกลางขึ้นไปมากกว่า โดยมีสัดส่วนประมาณ 90% ของโครงการทั้งหมดที่มีราคาขายสูงกว่า 5 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและทาวน์โฮม ทั้งนี้ โครงการคอนโดมิเนียมจะมีราคาขายตั้งแต่ 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปซึ่งลูกค้าที่ซื้อจะไม่ใช่กลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรก

หากพิจารณาโครงการของบริษัท ที่อยู่ในเกณฑ์ อาทิ โครงการวิสต้า วันเอทโอ รัชวิภา ปัจจุบันเหลือบ้านขายเพียง 30 หลังมูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท โครงการเซ็นทริคซีน รัชวิภา (696 ยูนิต) ปัจจุบันมีการโอนห้องชุดไปแล้วเกือบ 100% จึงจะมีโครงการเซ็นทริค รัชดา-สุทธิสาร(270 ยูนิต) ที่มียอดขายแล้วกว่า 70% และโครงการเดอะเครสท์ พหลโยธิน 11 (163 ยูนิต) ที่จะทยอยโอนในปลายปี 2555 ซึ่งห้องชุดมีราคาขาย 80,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไป ลูกค้าส่วนใหญ่ในระดับราคานี้จึงไม่ใช่กลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก

กล่าวโดยสรุป “ข้อกล่าวหาที่ทางพรรคประชาธิปปัตย์ (ปชป.) พยายามระบุว่า นโยบายบ้านหลังแรกเอื้อประโยชน์ให้กับ เอสซี แอสเสท นั้น ไม่อยู่บนข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และทำให้เกิดการเข้าใจผิดกับทางบริษัท ทั้งนี้ อยากให้มองเห็นว่า นโยบายของรัฐบาลต้องการช่วยเหลือประชาชนให้มีบ้านหลังแรก และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม”

ด้าน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่พรรค ปชป.ยื่นร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีที่นายกรัฐมนตรี มีหุ้นอยู่ใน เอสซี แอสเสท ซึ่งอาจได้รับประโยชน์จากโครงการบ้านหลังแรก ยืนยันว่า นโยบายบ้านหลังแรกของรัฐบาลเป็นการคืนประโยชน์ด้านภาษีให้กับประชาชนผู้ซื้อบ้านหลังแรก โดยไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ เอสซี แอสเสท ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้น้อยมาก จึงไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีก เชื่อว่า หากประชาชนทราบในรายละเอียดข้อเท็จจริงจะรับทราบว่าเป็นอย่างไร