xs
xsm
sm
md
lg

มาร์คเปิดประตูให้แม้วกลับประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


เหตุบ้านการเมืองที่คนไทยต้องจับตา และติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด นับจากนี้ไปเกิดจากการออกมาจุดกระแสของ ส.ส.แกนนำคนเสื้อแดง จตุพร พรหมพันธุ์ ที่ออกมาพูดซ้ำๆ ว่า “ประมาณเดือนธันวาคมเป็นต้นไป กลุ่มบุคคลที่ต้องการล้มล้างรัฐบาล จะเริ่มขยับตัว...”  ซึ่งสอดคล้องกับการออกมาร้องเตือนของนายอรรถพร พลบุตร รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้ระวังวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่ กำลังจะเกิดขึ้นภายใน 6 เดือนข้างหน้า โดยมีสาเหตุมาจากรัฐบาลเพื่อไทยใช้อำนาจอย่างเกินขอบเขตเพื่อประโยชน์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนเกินกว่าสังคมจะรับได้

ดูตามพฤติกรรมต่างๆ ของรัฐบาลนี้ ก็ดูเหมือนจะเร่งร้อน ทำในสิ่งที่จะเอื้อประโยชน์ให้ ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นมลทินความผิดทั้งปวง เพื่อกลับประเทศไทยได้ในเร็ววันจริงๆ

งานจำเป็นเร่งด่วนเฉพาะหน้า ที่ต้องเยียวยาช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติน้ำท่วม ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ ภาคอีสาน เกือบทั่วประเทศที่เป็นวิกฤตรุนแรง ประชาชนผู้ประสบภัยเดือดร้อนแสนสาหัส กลับกลายเป็นงานรอง ไม่เอาจริงเอาจัง เหมือนเรื่อง ฎีกาแดงขอพระราชทานอภัยโทษ ที่กระทรวงยุติธรรมถือเป็นงานใหญ่ ทั้งการโยกย้ายอธิบดีกรมราชทัณฑ์มารองรับหน้าที่ ทั้งการตั้งคณะทำงานตรวจพิจารณาฎีกา ล้วนแล้วแต่ตั้งบุคคลที่เป็นเครือข่ายใกล้ชิดพร้อมที่จะดำเนินการทุกอย่างให้เป็นคุณแก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร อย่างไม่แยแสความถูกต้องชอบธรรม

แต่ก็อีกนั่นแหละ ว่ากันเฉพาะเรื่องฎีกาคนเสื้อแดง ก็ต้องโทษรัฐบาลดีแต่พูดอีกตามเคย เพราะเป็นหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ควรจะใช้อำนาจระงับยับยั้งยุติฎีกาที่ไม่ชอบด้วยหลักเกณฑ์ และหลักกฎหมายที่ว่าด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษ ตามระเบียบแบบแผนที่ถือปฏิบัติกันมาช้านาน รัฐบาลดีแต่พูดกลับปล่อยให้กรมราชทัณฑ์ตรวจรายชื่อผู้ยื่นฎีกายาวนานเกือบสองปี จนหมดวาระรัฐบาล เรื่องยังค้างอยู่ที่กระทรวงยุติธรรม และมาเข้าทางแม้วเหมือนเรื่องอื่นอีกหลายเรื่อง ที่ดีแต่พูดแต่ไม่ทำ

นอกจากนั้น ที่นับเป็นเรื่องใหญ่เรื่องสำคัญที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สร้างคุณูปการให้แก่ นช.ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ การตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2553 ที่ดันไปแก้ไขหลักการสำคัญ ในมาตรา 6 (2) ง จากเดิมที่มีการตราไว้ก่อนหน้านั้น 4 ฉบับ (พ.ศ. 2542, 2547, 2549 และ 2550) ซึ่งมีเนื้อหาตรงกันว่า  นักโทษที่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการพระราชทานอภัยโทษ คือ

“เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่อยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับไม่น้อยกว่าห้าปี หรือไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ตามกำหนดโทษ”

โดยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์แก้ไขเป็น

“เป็นคนมีอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปีบริบูรณ์ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับตามที่ปรากฏในทะเบียนบ้านตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรหรือทะเบียนรายตัวของเรือนจำในกรณีไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และไม่ว่าในกรณีความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี ต้องเหลือโทษจำคุกไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ หรือเป็นคนมีอายุตั้งแต่เจ็ดสิบปีขึ้นไป”

พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2553 ฉบับที่ตราในยุคคุณอภิสทธิ์จึงเข้าทางแม้วอย่างเต็มประตู เพราะ นช.ทักษิณ ชินวัตร อายุ 62 ปี และเหลือโทษจำคุก 2 ปี จึงเข้าข่ายอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับอภัยโทษ โดยเพียงแต่ยอมมารับโทษติดคุกไม่กี่วัน ก่อนที่พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2554 จะมีผลบังคับใช้

หลายวันก่อน โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จึงออกมาดักคออย่างรู้ทันว่า เป้าหมายที่แท้จริงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่จะช่วยพี่ชายได้แน่ๆ คือ การตราพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2554 โดยเพียงแต่ลอกตามฉบับ พ.ศ. 2553 ของรัฐบาลประชาธิปัตย์เท่านั้นเอง ส่วนเรื่องฎีกาแดงหรือการออกข่าวนิรโทษกรรมอื่นๆ เป็นแค่เป้าลวงให้ผู้คนหลงเป้าหลงทาง

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็ออกมาใช้ลวดลายด้วยการแจกสำเนาพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ พ.ศ. 2550 เป็นการเบี่ยงเบนหลอกนักข่าวว่ากรณีอภัยโทษทักษิณ ไม่เข้าตามหลักเกณฑ์ เพื่อให้นักข่าวหลงทาง รวมทั้งการพูดหลอกล่อให้มุ่งประเด็นไปที่ฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า       

1. ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดห้ามผู้หลบหนีตามคำพิพากษาศาลยื่นถวายฎีกา 2. ไม่มีบทบัญญัติกฎหมายใดกำหนดเงื่อนไขว่าจะต้องถูกจำคุกจริงๆ นานเท่าใดจึงจะถวายฎีกาได้ 3. การพระราชทานอภัยโทษเป็นพระราชอำนาจเฉพาะพระองค์ ไม่มีกฎหมายบัญญัติกรอบอำนาจพระมหากษัตริย์ว่าจะอภัยโทษในกรณีใดบ้าง คดีประเภทใดอภัยโทษได้ คดีประเภทใดอภัยโทษไม่ได้ หรือการอภัยโทษจะต้องมีเงื่อนไขใดบ้าง ต้องจำคุกมาแล้วนานเท่าใด 4. เมื่อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการอภัยโทษมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น การแปลกฎหมายว่า “ผู้หลบหนีจะต้องมามอบตัวและรับโทษจำคุกเสียก่อน จึงขออภัยโทษได้” นั้น เป็นการแปลกฎหมายตามความคิดเห็นส่วนตัว หรือเป็นการเข้าใจเอาเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้

แท้ที่จริง ทั้งสิ้นทั้งปวง คงเพราะเห็นช่องทางที่จะกลับมารับโทษไม่กี่วัน แล้วได้รับพระราชทานอภัยโทษ ตามเงื่อนไขพระราชกฤษฎีกาที่กำลังเตรียมยกร่าง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2554 ทำให้ทักษิณ เคยเผลอกล่าวกับคนเสื้อแดงอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะกลับมางานแต่งงานลูกสาวในเดือนธันวาคม ปีนี้แน่นอน

และทั้งสิ้นทั้งปวงนี่เอง ที่อาจจะก่อให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองรอบใหม่ อย่างที่รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์แถลง หรือเกิดการขยับตัวของกลุ่มบุคคลที่ต้องการล้มล้างรัฐบาลอย่างที่ จตุพร พรหมพันธุ์ ออกมาคาดการณ์ล่วงหน้า

อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ในบ้านเมืองอันพิลึกกึกกือนี้ ประเทศไทยโชคร้ายที่เคยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ ทักษิณ ชินวัตร และประเทศไทยก็โชคไม่ดี ที่เคยมีนายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ตอนนี้มีนายกรัฐมนตรีหญิงชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ติดตามตอนต่อไปว่า ประเทศไทยจะโชคร้ายหรือโชคไม่ดี (ฮา...)
กำลังโหลดความคิดเห็น