xs
xsm
sm
md
lg

จี้ล้มโรงไฟฟ้าถ่านหิน-นิวเคลียร์ ชูศักยภาพพลังงานน้ำแทน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เวทีเสวนาเรื่อง วิกฤตพลังงานชาติ!! นครศรีธรรมราชจะเอาอย่างไร??มีผู้เข้าร่วมงานแสดงความเห็นเรื่องการผลิตไฟฟ้าอย่างหลากหลาย โดยส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - นักวิชาการรั้ว มอ. แนะทางออก “วิกฤตพลังงานชาติ!! นครศรีธรรมราชจะเอาอย่างไร??” ในเวทีเวิร์คชอปที่ มรภ.นครศรีธรรมราช หนุนศักยภาพโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำชุมชนขนาดเล็ก 215 แห่ง ซึ่งอาศัยแหล่งน้ำที่มาจากเขาหลวงในการผลิตไฟฟ้า ทำให้ประชาชนหวนมารักษาป่าได้อีกทาง เพื่อเป็นทางออกของการพึ่งพิงพลังงานไฟฟ้าที่ยังอิงอยู่กับก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน ด้านชาวบ้าน มั่นใจแผนจังหวัดหนุนพลังงานทดแทน จวก กฟผ.เลิกทู่ซี้
ดันโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์เสียที

วานนี้(13 ก.ย.) ณ หอประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช สำนักงานพลังงานจังหวัดนครศรีธรรมราช กระทรวงพลังงาน จัดเวทีสัมมนาเชิงปฏิบัติการสถานการณ์พลังงาน..ประเทศ..นครศรีธรรมราช เรื่อง “วิกฤตพลังงานชาติ!! นครศรีธรรมราชจะเอาอย่างไร??” เพื่อระดมการมีส่วนร่วมในการจัดการด้านพลังงานให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดด้านพลังงานอย่างต่อเนื่องในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม เน้นส่งเสริมประสิทธิภาพและส่งเสริมพลังงานทดแทนด้วยการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 500 คน

นายเมตตา บันเทิงสุข รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงวิกฤตพลังงานของประเทศไทยที่มีความต้องการใช้ทั้ง น้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติ เพิ่มขึ้น แต่แหล่งพลังงานฟอสซิลมีน้อยจนต้องมีการสั่งซื้อจากต่างประเทศมาใช้ และสำรองอย่างเพียงพอ ขณะเดียวกันต้องวางแผนด้านพลังงานภายในประเทศและหาแนวทางดูแลสิ่งแวดล้อมในการผลิตพลังงานนั้นด้วย จึงมีความจำเป็นที่จะต้องส่งเสริมการผลิตพลังงานทดแทน ทำให้มีการจัดเวทีครั้งนี้ขึ้นเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริง ความคิดเห็นภาคสังคมในการสร้างความเข้าใจแนวทางบริหารจัดการด้านพลังงานที่เหมาะสม และพึงพอใจระหว่างทุกฝ่าย

ขณะที่การเสวนาเรื่อง “วิกฤตพลังงานชาติ!! นครศรีธรรมราชจะเอาอย่างไร??” ที่มีนายประพันธ์ สุวรรณ เป็นผู้ดำเนินการเสวนา พร้อมกับมีนักวิชาการหลายท่านร่วมแสดงทัศนะมากมาย ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นอย่างมาก

ดร.ศราวุธ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักประสานการมีส่วนร่วมภาคประชาชน กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤตพลังงาน ต้องนำเข้าน้ำมัน 85% ส่วนพลังงานไฟฟ้ากว่า 70% ผลิตมาจากก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและสหภาพพม่า แต่เชื้อเพลิงในการผลิตนั้นสำรองไม่ยากไม่เหมือนถ่านหิน อีกทั้งทางเลือกในการแก้ไขปัญหานี้ยังมีอยู่อย่างจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้าด้วยแสงอาทิตย์ หรือลม

ด้าน ผศ.พยอม รัตนมณี อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงหลักการเลือกพลังงานที่จะมาทดแทนการนำเข้าว่า ต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชนนครศรีธรรมราช ไม่ยุ่งยากซับซ้อน และมีผลตอบแทนทางการเงินที่อยู่ได้ในระยะยาว สอดคล้องกับแผนพัฒนาพลังงานของประเทศ และจากการศึกษาพบว่าพลังน้ำมีความเป็นไปได้ เนื่องจาก จ.นครศรีธรรมราชมีเขาหลวงเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญ มีน้ำตกกว่า 80 แห่ง ซึ่งสามารถนำมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ด้วยโรงไฟฟ้าพลังน้ำชุมชนจำนวน 215 แห่ง เช่นเดียวกับทุกจังหวัดในภาคใต้ล้วนแต่มีน้ำตกกระจัดกระจาย โดยมีจุดเด่นคือกระบวนการผลิตง่ายที่สุด ราคาถูกที่สุด มีต้นทุนต่อหน่วย 0.87 สตางค์ มีผลกระทบน้อยแต่มีความยั่งยืนตราบเท่าที่ป่ายังอยู่

ด้านนายประยงค์ รณรงค์ เจ้าของรางวัลแมกไซไซ สาขาผู้นำชุมชน กล่าวเสริมว่า การใช้พลังงานน้ำจะส่งผลดีให้ประชาชนหวนไปรักษาป่ามากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องหันมาใช้พลังงานทดแทนอื่นควบคู่กันด้วย เช่น พลังไฟฟ้าชีวมวล ซึ่งมาจากเศษของเหลือใช้ต่างๆ ที่เป็นขยะในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ทุกคนพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเชื่อว่าหากมีการเริ่มต้นแล้ว คนอื่นๆ ที่เห็นชอบด้วยก็จะนำไปทำต่อตามพฤติกรรมเลียนแบบ

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เข้าร่วมประชุมได้ร่วมแสดงความคิดเห็นว่า ในเมื่อแผนพัฒนาจังหวัดมีความชัดเจนว่าจะสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก จึงควรที่จะให้กระทรวงพลังงานเป็นเจ้าภาพในการสนับสนุนการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และขอให้ยุติความเคลื่อนไหวโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินและนิวเคลียร์ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เพราะนอกจากประชาชนไม่ต้องการแล้ว ยังไม่สอดคล้องกับแผนพัฒนาจังหวัดอีกด้วย

ด้านกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งร่วมเคลื่อนไหวต่อต้านโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและการพัฒนาภาคใต้รองรับอุตสาหกรรมเฟส 4 ต่อจากมาบตาพุด กล่าวว่า ในกรณีของโรงไฟฟ้าถ่านหินใน จ.นครศรีธรรมราช กลุ่มฯ มองว่าไม่เพียงแต่จะทำลายสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นเท่านั้น แต่เป็นการทำลายแหล่งทรัพยากรอาหารที่สำคัญของประเทศด้วย ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงก็จะมีปัญหามลพิษ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ ตามมาอีก

แม้ จ.นครศรีธรรมราช มีทรัพยากรอื่นๆ ที่สามารถนำมาผลิตไฟฟ้าได้ เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ แต่ภาครัฐไม่ได้สนับสนุนอย่างจริงจัง กลับคิดแต่จะนำโรงไฟฟ้าถ่านหินมายัดเยียดให้ประชาชน ซึ่งถ่านหินนั้นไม่ใช่ทรัพยากรที่ จ.นครศรีธรรมราช มี จะต้องนำเข้ามาจากพื้นที่อื่นอีกต่อหนึ่ง

ส่วนนายสวาท เอียดตน อายุ 59 ปี และนางสาคร กลับ อายุ 58 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ 8 ต.เกาะเพชร อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นพื้นที่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เล็งที่จะเดินหน้าก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินโรงแรกขึ้นให้ได้ภายในเร็ววันนี้ เปิดเผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใน อ.หัวไทร เนื่องจากเห็นตัวอย่างปัญหาผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่มาบตาพุด และรอบๆ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง แล้ว ว่าจะมีปัญหาสุขภาพ ปัญหาสิ่งแวดล้อมตามมามากมาย

ทั้งนี้ ชาวบ้านไม่ได้ต่อต้านคัดค้านการหาแหล่งผลิตไฟฟ้าเพิ่มแต่อย่างใด เนื่องจากเข้าใจดีว่าอัตราประชากรของประเทศไทยก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้พลังงานก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย แต่อยากให้ภาครัฐพัฒนาการใช้พลังงานทดแทนชนิดอื่นมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ามากกว่าการใช้ถ่านหิน และข้อมูลความเป็นจริงนั้นภาคครัวเรือนใช้ไฟน้อยมาก ทำให้ชาวบ้านแทบจะไม่ได้รับผลประโยชน์ เพราะการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินขึ้นในพื้นที่ก็ย่อมเป็นไปเพื่อเอื้อต่อโครงการอุตสาหกรรมหนักต่างๆ ในภาคใต้ ซึ่งเชื่อมโยงกับท่าเรือน้ำลึกสงขลา-สตูล และโครงการอื่นๆ มากกว่าคิดถึงผลประโยชน์ของชาวบ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น