สปสช.ร่วมกับ สธ.และ อบต./เทศบาลทั่วประเทศ ดำเนินโครงการส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุผ่านกองทุนสุขภาพตำบล 7,300 แห่ง ปี 54 มีกว่า 4.6 พันโครงการ สนับสนุนงบกว่า 170 ล้านบาท เพื่อการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สถิติประชากรของประเทศไทยมีแนวโน้มอายุยืนยาว และจะมีสัดส่วนจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งวัยสูงอายุจะมีปัญหาด้านสุขภาพที่เกิดจากความเสื่อมต่างๆของร่างกาย หากมีอาการป่วยจะทำให้ความรุนแรงจากโรคจะเพิ่มขึ้น ดังนั้น การส่งเสริมป้องกันโรค จึงเป็นวิธีการป้องกันที่ดี ซึ่งสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้การคุ้มครองด้านนี้ สำหรับผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับการตรวจสุขภาพ การตรวจร่างกาย การซักประวัติ เช่น การวัดความดันโลหิต การตรวจหาเบาหวาน การประเมินภาวะซึมเศร้าและสมองเสื่อม การตรวจระดับคอเสเตอรอลในเลือด กิจกรรมการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การออกกำลังกาย การบริหารความเครียดและการดูแลสุขภาพจิต รวมถึงการให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
นพ.ประทีป กล่าวต่อว่า การให้บริการสุขภาพดังกล่าวนั้น ผู้สูงอายุที่มีตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับบริการผ่านศูนย์แพทย์ชุมชนใกล้บ้าน โรงพยาบาลที่ขึ้นทะเบียนไว้ และพื้นที่ใดที่มีกองทุนหลักประกันสุขภาพระดับท้องถิ่น หรือกองทุนสุขภาพชุมชน ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง อบต./เทศบาล กับ สปสช.และหน่วยบริการสาธารณสุข ก็จะได้รับบริการสุขภาพดังกล่าว ซึ่งในปี 2554 มีโครงการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคและฟื้นฟู ในกลุ่มผู้สูงอายุจำนวน 4,665 โครงการ สนับสนุนงบประมาณไปแล้ว เป็นเงิน 170 ล้านบาท
“วันผู้สูงอายุแห่งชาติปีนี้ (14 เม.ย.) สปสช.และกระทรวงสาธารณสุขก็ขอให้ผู้สูงอายุทุกคน มั่นใจได้ว่า ท่านมีหลักประกันสุขภาพที่คุ้มครองสุขภาพร่างกาย ไม่ต้องกังวลใจเรื่องค่ารักษาพยาบาลหากเจ็บป่วยปกติ หรือกรณีฉุกเฉินเข้ารับบริการได้ที่หน่วยบริการและยังมีกิจกรรมเชิงรุกทั้งการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค เพื่อให้ผู้สูงอายุไทยมีสุขภาพแข็งแรงต่อไปในอนาคต” นพ.ประทีป กล่าว