xs
xsm
sm
md
lg

ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวยื่นวุฒิสภา ค้านดึงเงินคลังหลวงตั้งกองทุนมั่งคั่งฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวยื่นวุฒิสภา ติดตามนโยบายตั้งกองทุนมั่งคั่งแห่งชาติ หวั่นดึงเงินคลังหลวงมาใช้ ด้านกมธ.วุฒิสภา ฉุน "ธีระชัย"เบี้ยวชี้แจง งัดพ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ เชิญมาชี้แจงอีกรอบ ส.ว.คำนูณฉะรัฐบาล ทำประชาชนสงสัย ล้วงเงินคลังหลวงมาใช้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (13 ก.ย.) คณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ชมรมเสียงแห่งธรรม นำโดยพระอาจารย์อรรถกิจ นันทคุณ หรือ พระอาจารย์นพดล นัททโน เจ้าอาวาสวัดป่าดอยลับงา จ.กำแพงเพชร เข้ายื่นหนังสือต่อ พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา ผ่านนายนิคม ไวรัชยพานิช รองประธาวุฒิสภา คนที่หนึ่ง เพื่อขอให้วุฒิสภา ติดตามกรณีที่รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ โดยยังไม่มีความชัดเจนว่าจะนำเงินที่มาตั้งกองทุนมาจากทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ หรือคลังหลวง เนื่องจากเห็นว่า นโยบายดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ ที่หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เป็นองค์รวบรวมทองคำเพื่อนำเข้าสมทบคลังหลวงไว้ ทั้งนี้ คณะสงฆ์เห็นว่าวุฒิสภาเป็นสถาบันที่หวังพึ่งได้ เพราะเป็นสถาบันที่เป็นกลางไม่ยึดโยงกับพรรคการเมืองใด โดยวุฒิสภาสามารถเป็นเวทีกลางในการแสดงความคิดเห็น และแลกเปลี่ยนข้อมูลในเรื่องนี้

พระอาจารย์นพดล กล่าวว่า คณะสงฆ์และลูกศิษย์หลวงตาเห็นว่า เมื่อหลวงตาไม่อยู่แล้ว การคิดหรือพิจารณาเกี่ยวกับบ้านเมืองควรจะพิจารณาไตร่ตรองร่วมกัน เรื่องกองทุนความมั่งคังเป็นเรื่องที่สังคมต้องพูดจากันด้วยความใจกว้างไม่เพ่งโทษหรือระแวงกัน โดยอาจเชิญนักวิชาการหรือผู้มีความรู้มาแลกเปลี่ยนให้ปัญญากับสังคม

ด้านนายนิคม กล่าวว่า ภายใต้รัฐบาล ประชาชนย่อมมีส่วนเกี่ยวข้องในการแสดงความเห็นในนโยบายการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล วุฒิสภาทั้ง 149 คนไม่สังกัดพรรคการเมือง และพร้อมรับข้อร้องเรียนของประชาชน เพื่อนำไปแก้ไขโดยกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง คือ คณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน วุฒิสภา จะรับเรื่องไปหาคำตอบจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยผลที่ออกมาจะส่งไปยังรัฐบาลเพื่อเป็นข้อพิจารณาต่อไป

นายถาวร ลีนุตพงษ์ ส.ว.สรรหา ประธานคณะกรรมาธิการการเงินการคลังและสถาบันการเงิน วุฒิสภา กล่าวว่า ในการประชุมกมธ. วานนี้ (13ก.ย.) กมธ.ได้เชิญนายธีระชัย ภูวินาถนรานุบาล รมว.คลัง และนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลังให้มาชี้แจงเรื่องกองทุนเพื่อความมั่งคั่งแห่งชาติ แต่ได้รับการประสานจากรมว.คลัง ว่าไม่สามารถมาชี้แจงได้ โดยได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่จากสำนักนโยบายระบบการเงิน และสถาบันการเงิน กระทรวงการคลัง ได้แก่ น.ส.มาลี โสมสิรินาค ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์และพัฒนาระบบการเงิน น.ส.อุษาลักษณ์ เจษฎาถาวรวงศ์ เศรษฐกรชำนาญการ และ น.ส.กฤติกา โพธิ์ไทรย์ เศรษฐกรชำนาญการ มาชี้แจงแทน

นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ในฐานะกมธ. ได้แสดงความเห็นโดยอ้างถึงพ.ร.บ.คำสั่งเรียกของคณะกรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา พ.ศ.2554 ว่า ตามมาตรา 7 ระบุไว้ชัดเจนว่า บุคคลที่ได้รับหนังสือเชิญมาชี้แจงจากกมธ.ต้องมาชี้แจงด้วยตนเอง เว้นแต่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และอาจมอบหมายให้บุคคลอื่นเข้าชี้แจงแทนได้ และให้ถือว่าคำชี้แจงหรือความเห็นที่มีต่อกมธ.ให้ถือว่าเป็นคำแถลงหรือความเห็นของผู้ที่กมธ.มีหนังสือเชิญไป

"เรื่องกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินี้ เป็นเรื่องในระดับนโยบายของรัฐบาล การมอบหมายให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังมาชี้แจงนั้น อาจจะไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของกมธ. จึงเสนอให้ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการออกหนังสือเชิญตามปกติอีกครั้ง และหากครั้งนี้ยังไม่ได้รับความร่วมมือทางกมธ.จะดำเนินการตามอำนาจในมาตรา 8 โดยใช้เสียงของที่ประชุมกมธ.เกินกึ่งหนึ่งเพื่อออกคำสั่งเรียกให้นายธีระชัยต้องมาด้วยตัวเอง"นายคำนูณกล่าว

พล.ร.อ.สุรศักดิ์ ศรีอรุณ ส.ว.สรรหา ในฐานะเลขานุการ กมธ. กล่าวเสริมว่า การทำหนังสือเชิญรมว.คลังฉบับก่อนอาจจะไม่ได้ระบุอำนาจตามพ.ร.บ.คำสั่งเรียกฯ อย่างชัดเจน จึงเห็นควรเสนอให้อ้างอิงลงไปในหนังสือฉบับใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นที่ประชุมได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ออกหนังสือเชิญ รมว.คลังมาชี้แจงในวันที่ 4 ต.ค.นี้ เช่นเดียวกับคณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ในนามชมรมเสียงแห่งธรรม ที่นัดหมายเพื่อเข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ในวันเดียวกัน ส่วนในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 20 ก.ย.ทาง กมธ.ได้เชิญ นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าชี้แจงในประเด็นดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม นายคำนูณ ได้ออกมาเปิดเผยว่า กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ได้บรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐบาลข้อ 3.1.7 ซึ่งแม้จะไม่ใช่นโยบายเร่งด่วน แต่ว่าที่สังคมเริ่มไม่แน่ใจ เพราะคนในรัฐบาลออกมาให้สัมภาษณ์พูดถึงบ่อยครั้ง และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ก็เคยไปให้นโยบายที่ธปท. โดยมีการพูดถึงการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ และการขาดทุนของกองทุนฟื้นฟู ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนี้มีแนวโน้มที่จะต้องเข้าไปแตะเงินในส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่มีอยู่ราว 6 ล้านล้านบาท และไม่มีความชัดเจนว่าจะเป็นส่วนใดของทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.อยู่ในความดูแลของธปท. ราว 4.2 ล้านล้านบาท ที่เรียกว่าทุนสำรองทั่วไป และ 2.อยู่ในความดูแลของฝ่ายออกบัตรธปท. ราว 1.8-1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งเรียกกันว่าทุนสำรองเงินตรา

“ในส่วนของทุนสำรองเงินตรานี้ เป็นส่วนที่หลวงตามหาบัวญาณสัมปันโน เรียกมาตลอดว่าคลังหลวง และได้เชิญชวนให้ประชาชนบริจาคเพื่อสมบทคลังหลวงเข้าไป เจตนารมณ์ของหลวงตามหาบัว คือ ไม่ต้องการให้แตะเงินคลังหลวง ไม่ใช่เพียงในส่วนของที่ประชาชนบริจาคเข้าไป แต่คือทั้งหมดของทุนสำรองเงินตราที่มีอยู่ราว 1.8-1.9 ล้านล้านบาท” นายคำนูณกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น