xs
xsm
sm
md
lg

"กรณ์"เตือนการเมือง อย่าริตั้งกองทุนมั่งคั่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - “กรณ์” ดักคอฝ่ายการเมือง อย่าเหิมตั้ง “กองทุนมั่งคั่ง” เป็นเรื่องของ ธปท.ไปกำหนดแนวทางเอง ชี้กองทุนสำรองอาจไม่พอจ่าย ต่างชาติขาดความเชื่อมั่น ยันผู้ว่าแบงก์ชาติสรรหามาถูกต้อง แขวะรัฐบาลแทนที่จะทำเพื่อชาติกลับทำเพื่อญาติ! ด้าน "ธีระชัย" โผล่เฟซบุ๊ก อ้างแค่สั่งแบงก์ชาติศึกษา รับปากไม่แตะคลังหลวง-ทองหลวงตา

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีแนวคิดตั้งกองทุนมั่งคั่งเพื่อนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุน ว่า ต้องพิจารณาใน 2 ข้อ คือ 1.จะมีเงินทุนสำรองเพียงพอในการดำเนินกองทุนหรือไม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเป็นผู้พิจารณา และไม่ควรให้ ธปท.ดูแลเพียงหน่วยงานเดียว แต่ที่ผ่านมานักการเมืองโดยเฉพาะ รมว.คลัง ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ ทำให้เกิดความสับสน จึงไม่ควรเข้ามายุ่ง ไม่ควรมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และ 2.การลงทุนของกองทุนมั่งคั่ง ควรเป็นการลงทุนในต่างประเทศ เพราะหากนำมาลงทุนในประเทศและเกิดปัญหาจะยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้น

"หากนำเงินในส่วนดังกล่าวไปลงทุนจะกระทบต่อความมั่นใจของต่างชาติ จะทำให้ลดการลงทุนหรือถอนเงินออก และต้องรักษารายได้ต่างประเทศมากกว่ารายจ่าย สิ่งที่ปรากฏวันนี้คือนักการเมืองมาบอกว่าควรไปลงทุนที่นั่นที่นี่ เป็นการชี้นโยบายไปยัง ธปท. ว่าควรไปลงทุนที่นั่นที่นี้เป็นการพยายามแทรกแซงการทำงานของ ธปท. แทรกแซงอำนาจบางอย่างให้ประชาชนสับสน"

นายกรณ์ยืนยันด้วยว่า กระบวนการคัดสรรผู้ว่าการ ธปท.มีความโปร่งใส และได้ผู้มีความรู้ความสามารถมีผลงานชัดเจน สร้างความน่าเชื่อถือในการควบคุมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อยากให้สังคมและกฎหมายช่วยกันคุ้มครองสถาบันและคนดี ขอรัฐบาลอย่าสร้างสถานการณ์ขึ้นมา

"ฝ่ายการเมืองไม่ควรแสดงออก หรือกำกับการทำงานของหน่วยงานอิสระ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จะมาพยายามผลักดันวาระทางการเมืองไม่ได้ การขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ด้วย และขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติแล้ว และเกิดความหวั่นไหวว่าในที่สุดแล้วจะนำสู่ความเปลี่ยนแปลง นายประสารไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท. หรือไม่" อดีต รมว.คลังกล่าว

**"ธีระชัย" โผล่เฟซบุ๊กไม่แตะคลังหลวง

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ค Thirachai Phuvanatnaranubala ถึงประเด็นที่เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในขณะนี้เกี่ยวกับการตั้งกองทุนมั่งคั่ง ซึ่งถูกมองว่าอาจกระทบต่อเงินสำรองระหว่างประเทศ หรือทองคำที่รับบริจาคจากหลวงตามหาบัว โดยเขาระบุว่า

"แนวคิดเรื่องกองทุนความมั่งคั่งที่ผมขอให้ ธปท. ไปศึกษานั้น ไม่มีการแตะต้องคลังหลวง ไม่มีการแตะต้องเงินสำรองที่จำเป็นต้องมีเพื่อใช้หนุนหลังเงินบาท และไม่มีการแตะต้องทองคำที่ได้รับบริจาคมาใดๆ ครับ เพียงแต่นำเอาส่วนที่ปัจจุบัน ธปท. เอาไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เปลี่ยนไปลงทุนในโครงการในภูมิภาคแทน"

การที่เรามีเงินทุนสำรอง แล้วเอาไปทุ่มซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ที่ขณะนี้สหรัฐก็มีหนี้ล้น และสหรัฐก็ถูกสถาบันจัดอันดับลดเกรดหนี้ รวมทั้งสภาคองเกรสก็ยังถกเถียงกันไม่จบว่าจะแก้ปัญหาวิกฤตสถานะการคลังของสหรัฐก้นอย่างไร รวมทั้งธนาคารกลางของสหรัฐก็มีทีท่าจะพิมพ์เงินดอลลาร์ออกมาอีกไม่รู้เท่าไหร่ ลงทุนแบบนี้ ไม่ควรทำมากเกินไปครับ

แต่หากเราเปลี่ยนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ไปเป็นลงทุนในโครงการที่ดีๆ ในภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นเขื่อนในลาว โรงงานไฟฟ้าที่เขมร ท่าเรือในเวียดนาม โดยเฉพาะถ้าเน้นโครงการของรัฐบาลที่มี World Bank หรือ Asian Development Bank เข้ามาร่วมจัดการด้วยนั้น น่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศของเรามากกว่าครับ เท่ากับเราลงทุนในตัวเอง น่าจะดีกว่าเอาเงินไปให้สหรัฐกู้อย่างเดียว

"หากสามารถใช้วิธีให้ ธปท. เป็นผู้ลงทุน โดยยังคงเป็นทรัพย์สินของ ธปท. แต่แยกบัญชีย่อย และหากมีขาดทุน รัฐบาลก็รับผิดชอบ หากมีกำไร ก็ตกเป็นของรัฐบาล โดยเปิดให้ ธปท. สามารถคิดค่าใช้จ่ายได้เต็มที่ ก็น่าจะเป็นธรรมทั้งแก่รัฐบาลและแก่ ธปท. ในวันนี้ ผมจึงได้ขอให้ World Bank ช่วยไปศึกษาว่าวิธีการนี้ จะมีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร และควรมีข้อระวังอย่างใด"

หลักคิดของผม คือ เงินออมของเอเซีย ควรจะใช้ทำประโยชน์ให้แก่เอเซียให้มากๆ และไม่จำเป็นต้องเอาไปให้สหรัฐหรือยุโรปกู้เสียทั้งหมด เงินที่ลงทุนในเอเซีย ย่อมทำให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศไทยมากกว่าครับ

"ถามว่าการลงทุนในโครงการในเอเซียจะมีความเสี่ยงมากกว่าการให้กู้แก่สหรัฐหรือยุโรปหรือไม่ คงต้องยอมรับว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าอยู่บ้าง เพราะประเทศเอเซียไม่ร่ำรวยเท่าสหรัฐและยุโรป เงินที่จะนำไปลงทุนในเอเซีย จึงควรจะเป็นส่วนที่เหลือจากที่จำเป็นต้องใช้หนุนการออกธนบัตร และไม่ใช่เงินสำรองส่วนใหญ่ แต่เรื่องความเสี่ยงนั้นสามารถบริหารจัดการได้ครับ"

รมว.คลังระบุด้วยว่า ระหว่างทางเลือกที่เอาเงินไปให้สหรัฐและยุโรปกู้อย่างเดียว เทียบกับแบ่งออกมาบางส่วนเพื่อพัฒนาเอเซีย ผมว่าทางหลังน่าจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยมากกว่า ประเทศเอเซียวันนี้อาจจะไม่ร่ำรวยเท่า แต่ก็เป็นประเทศที่ตั้งใจทำงาน ตั้งใจพัฒนาประเทศกัน และถ้าเราไม่ให้ความสำคัญแก่ภูมิภาค เราจะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าคอยเอาเงินไปให้แต่คนรวยเขากู้ เมื่อไรเราเองจะร่ำรวยกับเขาบ้าง.
กำลังโหลดความคิดเห็น