“กรณ์” ดักคอฝ่ายการเมืองจุ้น ล้วงลูกดึงเงินสำรองของประเทศตั้งกองทุนมั่งคั่ง แนะควรให้ ธปท.กำหนดแนวทางเอง หวั่นนักลงทุนต่างชาติไม่เชื่อมั่น ถอนเงินออก ฉะ “ธีระชัย” ออกมาพล่ามทำสับสน จับตาเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ วอนสังคมช่วยคุ้มครองคนดี แขวะรัฐบาลประชาชนเลือกมาทำงานเพื่อชาติ ไม่ใช่เพื่อญาติ
นายกรณ์ จาติกวณิช ว่าที่รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีต รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลมีแนวคิดตั้งกองทุนมั่งคั่ง โดยนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศไปลงทุนว่า การตั้งกองทุนมั่งคั่งไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เรื่องนี้ต้องพิจารณาใน 2 ข้อหลัก คือ 1.เงินทุนสำรองระหว่างประเทศมีเพียงพอต่อการดำเนินการหรือไม่ อีกทั้งยังไม่ควรเป็นหน้าที่ที่กระทรวงการคลังหรือฝ่ายการเมืองจะเข้าพิจารณา แต่ควรจะเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระอย่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการพิจารณามากกว่า ทั้งนี้ไม่ควรที่จะให้ ธปท.ดูแลเพียงหน่วยงานเดียว อาจจะมีหน่วยงานอื่นเข้ามามีส่วนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ธปท.จะเป็นผู้วิเคราะห์ในส่วนเงินทุนสำรองที่นำมาลงทุนได้ และทุนสำรองถาวร ว่าเพียงพอที่จะนำมาลงทุนในกองทุนหรือไม่ และ 2.การลงทุนของกองทุนมั่งคั่ง ควรเป็นการลงทุนในต่างประเทศ เพราะหากนำมาลงทุนในประเทศและเกิดปัญหาจะยิ่งส่งผลกระทบมากขึ้น
“นักการเมืองโดยเฉพาะ รมว.คลังที่ออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ สร้างความสับสนมาก จึงไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว ไม่เช่นนั้นต้องถือว่าแค่เริ่มต้นก็ผิดแล้ว ดังนั้นจึงควรลดดีกรีทางการเมืองลง ไม่ควรมีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตั้งกองทุนสำรองจะกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนต่างชาติหรือไม่ นายกรณ์กล่าวว่า บัดนี้ก็ส่งผลกระทบพอสมควรแล้ว เพราะต้องระวังในส่วนของค่าใช้จ่ายในสินค้าจำเป็น เช่น น้ำมัน ซึ่งหากนำเงินในส่วนดังกล่าวไปลงทุนก็จะกระทบต่อความมั่นใจของต่างชาติมากยิ่งขึ้น จะทำให้ลดการลงทุนหรือถอนเงินออก และต้องรักษารายได้ต่างประเทศมากกว่ารายจ่าย สิ่งที่ปรากฏวันนี้คือนักการเมืองมาบอกว่าควรไปลงทุนที่นั่นที่นี่ เป็นการชี้นำนโยบายไปยัง ธปท.ว่าควรไปลงทุนที่นั่นที่นี้เป็นการพยายามแทรกแซงการทำงานของ ธปท. แทรกแซงอำนาจบางอย่างให้ประชาชนสับสน ทั้งที่ควรไปคุยกันเงียบๆ แล้วค่อยอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ
ต่อข้อถามว่าฝ่ายการเมืองจะพยายามกำหนดแนวทางให้ฝ่ายปฏิบัติทำตาม นายกรณ์กล่าวว่า ฝ่ายการเมืองไม่ควรแสดงออก หรือกำกับการทำงานของหน่วยงานอิสระ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่น จะมาพยายามผลักดันวาระทางการเมืองไม่ได้ รวมทั้งการขึ้นดอกเบี้ยก่อนหน้านี้ด้วย และขณะนี้ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติแล้ว และเกิดความหวั่นไหวว่าในที่สุดแล้วจะนำสู่การเปลี่ยนแปลงนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธปท.หรือไม่ แต่ยืนยันว่ากระบวนการคัดสรรผู้ว่าการ ธปท.ที่ผ่านมามีความโปร่งใส และได้ผู้มีความรู้ความสามารถมีผลงานชัดเจน สร้างความน่าเชื่อถือในการควบคุมเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อยากให้สังคมและกฎหมายช่วยกันคุ้มครองสถาบันและคนดี ขอรัฐบาลอย่าสร้างสถานการณ์ขึ้นมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้รัฐบาลได้เริ่มโยกย้ายข้าราชการระดับสูง จะกระทบถึงการเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯ ธปท.หรือไม่ นายกรณ์กล่าวตอบว่า “ดูเหมือนว่ารัฐบาลกล้าทำทุกอย่าง แต่อยากบอกว่าประชาชนเลือกท่านมาทำเพื่อชาติ ไม่ได้มาทำเพื่อญาติ”