xs
xsm
sm
md
lg

นักธุรกิจไม่ไว้ใจรัฐบาล ค้านตั้งกองทุนมั่งคั่ง - “คำนูณ” หนุนแบงก์ชาติพิทักษ์คลังหลวง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ณรงค์” ลั่นไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล-แบงก์ชาติ ที่จะเอาเงินของประเทศไปลงทุนที่มีความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลนี้ไม่น่าไว้วางใจ อันตรายมากถ้าประชาชนจะยอมให้ตั้งกองทุนมั่งคั่งและใช้เงินอย่างอิสระ แจงเงินสำรองประเทศ 1.8 แสนล้านเหรียญ ไม่ได้เยอะอย่างที่คิด เหตุในนั้นมีเงินที่กู้มา และเงินลงทุนจากต่างชาติ ซึ่งวันหนึ่งก็ต้องถูกนำออกไป ด้าน “คำนูณ” หนุนแบงก์ชาติทำเพื่อความถูกต้อง พิทักษ์คลังหลวงให้ถึงที่สุด พร้อมหวังรัฐบาลยอมทำเป็น พ.ร.บ. เพื่อสังคมจะได้มีเวลาถกเถียงกัน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “คนเคาะข่าว”  

วันที่ 1 ก.ย. เมื่อเวลา 20.30 น. นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา และนายณรงค์ โชควัฒนา นักธุรกิจอิสระ ร่วมพูดคุยในรายการ “คนเคาะข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV

นายณรงค์กล่าวว่า เรื่องกองทุนมั่งคั่ง ตนคิดว่าไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล หรือแบงก์ชาติ ก็ไม่ควรเอาเงินรัฐไปลงทุน การลงทุนเป็นหน้าที่เอกชน เอกชนลงทุนเองย่อมไม่โกงเงินตัวเอง แต่ถ้าเป็นรัฐโดยเฉพาะการลงทุนที่เสี่ยง ไม่ควรทำเอง เพราะเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ใช่เจ้าของเงิน และบริหารสู้เอกชนไม่ได้อยู่แล้ว

แนวความคิดที่ว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่เฉยๆ มันไม่ใช่เงินอยู่เฉยๆ แต่มีหน้าที่เอาไว้หนุนธนบัตรที่พิมพ์ เพื่อให้เงินบาทนั้นมีค่า จะเอาเงินนี้ไปเสี่ยงมันไม่ได้ พรบ.เงินตรา 2501 ดีอยู่แล้ว ที่ไม่อนุญาตให้ไปเสี่ยง พอในปี 2550 มีความพยายามให้นำไปลงทุนอย่างอื่น ถ้าตนเข้าใจไม่ผิดตอนนั้นอยากไปลงทุนตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการ ซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ หรือพันบัตรรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่เราถือเงินตราเขาไว้ เพราะพันธบัตรของเอกชนเหล่านี้มันให้ดอกเบี้ยสูง ขณะนั้นมีการให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์และเอสแอนด์พี เพื่อให้เรตติ้งเป็น AAA มั่นคงสุดๆ และยังให้บริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก AIG เป็นคนค้ำประกันด้วย เพราะฉะนั้นย่อมปลอดภัยมาก ไม่มีทางล้มเลย เขาอยากเอาเงินไปลงทุนตรงนั้น เลยพยายามจะแก้กฎหมาย โชคดีของประเทศไทยที่กฎหมายไม่ผ่าน ถ้าผ่านเงินคงคลังของไทยหมดไปแล้ว เพราะตอนวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ล้มหมดเลย หลายๆประเทศในยุโรปที่มาซื้ออนุพันธ์ขาดทุนกันหมด แล้วเงินนี้ไม่มีสิทธิ์เอาไปใช้ เงินตราต่างประเทศหรือทองคำก็ดี มันเหมือนกับเป็นเงา ตัวจริงคือแบงค์บาทที่เราใช้ในเมืองไทย ธนบัตรที่พิมพ์ทั้งหมด ฉะนั้นการไปลงทุนที่ต้องปลอดภัยที่สุดตามกฎหมายเดิมถูกต้องแล้ว

และความพยายามอีกอย่างหนึ่งที่พยายามรวมบัญชีในปี 2543 ก็เพราะว่าแบงก์ชาติไปละเมิดเงินตราสำรองแล้ว โดยเอาไปพนันค่าเงินบาทจนหมดเกลี้ยง ก็เลยจะรวมบัญชีปกปิดเรื่องทั้งหมด ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวเลยออกมาค้าน เพราะการทำอย่างนั้นทำให้ประเทศขาดความมั่นคงหมด เงินสำรองการพิมพ์ธนบัตร เอาไปพนันค่าเงินกับต่างชาติจนกระทั่งหมด ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมาย แทนที่จะเอาคนผิดมาลงโทษ กลับไปแก้กฎหมายให้คนผิดกลายเป็นถูกอันนี้เลวร้ายมาก รับไม่ได้

“วันนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่มีความพยายามจะเอาเงินสำรองเงินตราต่างประเทศไปใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเรายังไม่มีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล รัฐบาลที่เสียสละทำงานเพื่อชาติจริงๆ แต่ว่าเป็นการเข้ามาเพื่อถอนทุนแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน คิดว่าอันตรายเกินไป ที่ประชาชนจะอนุญาตให้ตั้งกองทุน และมีอิสระที่จะไปลงทุน มันไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล ไม่ใช่หน้าที่ของแบงก์ชาติ ที่จะไปลงทุนสร้างผลประโยชน์ เอกชนเยอะแยะที่พร้อมไปลงทุน” นายณรงค์กล่าว

นายณรงค์กล่าวอีกว่า เงินสำรองระหว่างประเทศที่เรามี 1.8 แสนล้านดอลลาร์ ถ้ามองแต่ตัวเลข 1.8 แสนล้านดอลลาร์ เหมือนเยอะเหลือเกิน แต่เงินเหล่านี้เป็นของคนไทยสักเท่าไหร่ เงินของคนไทยจะได้จากการที่เราส่งออกมากกว่านำเข้า ฉะนั้นเวลาส่งออก รายได้ของคนไทยก็รวมเป็นดอลลาร์ พอมาถึงไทยก็แลกเป็นเงินบาท ดอลลาร์เหล่านี้ก็ไปเพิ่มเงินสำรอง

เวลานำเข้าก็ต้องเอาเงินบาทไปแลกเป็นดอลลาร์ เพื่อไปซื้อของจากต่างประเทศ ถ้าใช้จ่ายน้อยกว่านำเข้าก็แปลว่าคนไทยทั้งประเทศได้กำไร เป็นเงินตราต่างประเทศอยู่ในแบงก์ชาติ เงินนี้ต้องอยู่เพราะไม่ใช่เงินของรัฐบาลแต่เป็นเงินของคนไทย

แต่เงินที่น่ากลัวที่สุดคือเงินที่ไปกู้มา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือเอกชน สมมุติเป็นเงินดอลลาร์ มาใช้ในไทยต้องเปลี่ยนเป็นเงินบาท แบงก์ชาติขายเงินบาทออกไป ก็เอาเงินดอลลาร์มาสำรอง แต่กู้มามีกำหนดต้องใช้คืนตั้งต้นทั้งดอก ต้องมีเงินตราต่างประเทศไว้ใช้หนี้ ที่บอกว่ามีเยอะก็เพราะกู้มาเยอะ ทั้งเอกชน รัฐบาลช่วยกันกู้เลยเกิดเงินสำรองที่แบงก์ชาติเยอะ

อีกอันคือเงินที่ต่างชาติมาลงทุน เป็นเงินต่างชาติล้วนๆเลย เวลาเอามาเป็นเงินตราต่างประเทศ แลกเป็นเงินบาทมาใช้ จริงๆ แล้วเงินส่วนนี้ก็เป็นของนักลงทุนต่างชาติ วันหนึ่งเขาก็ต้องถอนทุนคืนมากกว่าเดิมที่มาลงทุนไว้ เงินดอลลาร์ก็ต้องถูกเอาออกไป ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เงินของแบงก์ชาติ และรัฐบาลเลย แล้วเอาไปลงทุนเสี่ยงๆได้อย่างไร

นายคำนูณกล่าวว่า ดูท่าทางรัฐบาลวันนี้คงเอาแน่ ดูภาพรวมเหมือนว่ายุทธศาสตร์ประเทศเรายังผิดทิศผิดทาง เรายังส่งเสริมการใช้เงิน ส่งเสริมการใช้น้ำมันอย่างไม่หยุดยั้ง อัดเงินลงไปทุกระดับโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย หวังทดแทนธุรกิจส่งออกในอนาคต ทีนี้การอัดเงิน การใช้นโยบายประชานิยมต่างๆ รัฐเสียรายได้และยังมีปัญหาอื่นๆตามมาอีก มันก็ทำให้คิดว่าแล้วจะหาเงินจากไหน ทุกคนเชื่อมือว่ารัฐบาลชุดนี้หาเงินเก่ง แล้วนี่ก็คือวิธีหาเงินของเขา มีอยู่ 2 อย่าง 1.ทุบกระปุกออมสิน ที่เก็บไว้ตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่ามาใช้ 2.เอาสิ่งที่ควรจะเป็นมรดกตกทอดไปยังลูกหลานในอนาคตมาใช้ โดยมุ่งไปที่พลังงานอ่าวไทย

สิ่งที่ต้องตั้งคำถามคือนี่หรือความสามารถในการหาเงิน เอาอย่างนี้มั๊ยตั้งกองทุนความมั่งคั่ง แต่เอาคนที่หาเงินเก่งๆ เป็นมหาเศรษฐีที่อยู่นอกประเทศ บริจาคมาสักส่วน ทำเพื่อความสุขของคนไทย ถ้าเป็นแบบนี้ค่อยน่าฟัง คนไทยต้องคิด ต้องตอบตัวเองว่าจะทรยศต่อทรัพย์สมบัติที่บรรพบุรุษหาไว้หรือ

นายคำนูณกล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลจะเร่งรีบออกเป็นพระราชกำหนด คงพัง ก็วัดใจ ถ้าคิดว่ารวบรัดเลย ถ้าคนไทยยอมก็สุดแล้วแต่ แต่ถ้าไม่ยอมก็เป็นชนวนใหญ่ ทุกวันนี้เราเสพย์ติดนโยบายประชานิยม การแจกก็มีต้นทุน ว่าจะเอาสตางค์จากที่ไหน ถ้าไม่เอาจากตรงนี้จะเอาที่ไหน เพราะมีแต่จ่าย เชื่อว่ารัฐบาลต้องชักจูงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูก สุดท้ายขึ้นอยู่กับประชาชนต้องใคร่ครวญ และชั่งน้ำหนักว่าควรหรือไม่ควร

รัฐบาลต้องดูแบงก์ชาติจะว่าอย่างไร เชื่อว่าแบงก์ชาติกระอักกระอ่วนอยู่ เพราะเวลาคลังตอกกลับว่าเป็นแนวคิดที่แบงก์ชาติริเริ่มไว้ ซึ่งมันก็จริง แต่แบงก์ชาติต้องตอบให้ได้อย่าเป็นแบบพล.ต.อ.วิเชียร ว่าตัวเองไม่ผิด แต่ยินดีไป อย่างนี้ใครจะสู้ให้คุณ เชื่อว่านายประสาร ไตรรัตน์วรกุล (ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย) กับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง) ตอนนี้ขัดแย้งกันชัดเจน

แบงก์ชาติก็ต้องแสดงให้เห็นมีแนวคิดอย่างไร ตอนนี้พร้อมที่จะพิทักษ์ทุนสำรองเงินตรานี้ไว้ พร้อมจะให้ข้อมูลประชาชน พร้อมจะให้ประชาชนเป็นแนวร่วมกับคุณ พร้อมยืนหยัดเพื่อความถูกต้องหรือไม่ ไม่ต้องกลัวกฎหมายแบงก์ชาติ 2551 เปลี่ยนตัวผู้ว่าแบงก์ชาติไม่ง่าย โดยเฉพาะมีประธานบอร์ดชื่อหม่อมเต่า (ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล) คงสนุกสนานพอสมควร ถ้ารัฐบาลถอยหลังไปตั้งหลัก แล้วทำให้เป็นพระชาบัญญัติ อย่างน้อยสังคมก็จะได้มาถกเถียงกัน มาดูกันว่าดีไม่ดีอย่างไร พูดตามตรงที่ตนสู้อยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อซื้อเวลา ประชาชนจะได้ฟังความจากทั้ง 2 ฝ่าย



กำลังโหลดความคิดเห็น