รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไร หากบริหารงานแบบนี้

ป้อมพระสุเมรุ
โดย : ทีมข่าวการเมือง

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษ์ณ์ ชินวัตรผ่านไปยังไม่ถึงเดือนดี ก็มีคนตั้งคำถามกันมากว่า

"รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไรหากบริหารงานแบบนี้".

ไม่รู้ว่าปุจฉานี้จะทำให้ "ปูคันหู" จนต้องส่งไพร่แดงกระทำการคุกคามผู้ตั้งคำถามด้วยการฟอร์วอร์ดเมล์ "จัดให้" เหมือนที่ทำกับนักข่าวช่อง 7 หรือไม่?

แต่ “ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”ขอเตือนไว้ก่อนว่า คงยากเพราะคำถามนี้อยู่ในใจคนไทยเกินครึ่งประเทศ แมัคนเสื้อแดงจะใหญ่คับฟ้าอ้างว่ามีมากคับแผ่นดินก็คงจะแยกร่างไปคุกคามได้ไม่ทั่วถึง

ที่สำคัญคือคำถามที่ว่า "รัฐบาลจะอยู่ได้ไหม" นั้นมิได้เกิดจากประชานที่ตั้งคำถามเขาเกลียดชังปู-ยิ่งลักษณ์หรือมีอคติกับรัฐบาลที่มีเสียงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึง 300 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรโดยมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ

แต่คำถามแทงใจจนอาจทำให้ใครบางคนคันหูนี้ เกิดขึ้นจากความอึดอัดคับข้องใจของประชาชนที่เริ่มจะทนไม่ได้กับการบริหารประเทศที่มุ่งเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง แต่ทอดทิ้งปากท้องของประชาชน

ยกตัวอย่างกันให้เห็นภาพชัดเจน ตั้งแต่ปู-ยิ่งลักษณ์ยังเดินขาเกไม่มีอำนาจรัฐเต็มตามกฎหมายก็มีการนำรัฐไทยไปรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนักโทษหนีคดีอย่างไม่ละอายใจต่อประชาชน. โดยร่วมกันทำทั้งโคตรเริ่มจาก สมชาย ชายกระโปรง ชักนำทูตญี่ปุ่นให้ไปพบกับ สุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จากนั้นรมว.ต่างประเทศที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ ออกมาพูดภาษาไทยเจื้อยแจ้วว่า

"รัฐบาลชุดนี้ไม่มีนโยบายไล่ล่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรและไม่ห้ามพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศต่างๆ"

"การที่รัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะส่งผลดีต่อความสัมพันธ์สองประเทศ ทำให้มีความแน่นแฟ้นมากขึ้น"

ชัดเจนว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้เอารัฐไทยไปรับใช้นักโทษหนีคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม้จะแหลว่าไม่มีนโยบายเป็นเรื่องที่ญี่ปุ่นจะพิจารณาเอง ก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะนอกจากจะเป็นความผิดสำเร็จแล้วยังต้องเรียกว่าจำนนด้วยหลักฐานด้วย

เพราะรัฐบาลญี่ปุ่นเขาฉีกกะดองปูให้คนไทยได้เห็นเนื้อในจนหมดเปลือก เปลือยความจริงต่อสาธารณะว่า "รัฐบาลไทยเป็นฝ่ายร้องขอให้อนุมัติวีซ่าเป็นกรณีพิเศษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ"

ไม่เพียงเท่านั้นระหว่างที่พ.ต.ท.ทักษิณพี่ชายของนายกฯปู-ยิ่งลักษณ์อยู่ในแดนปลาดิบนั้นยังโทรศัพท์ตลอดเวลา และมีบ่อยครั้งที่พูดเสียงดังให้คนที่อยู่ในสถานที่นั้นจับใจความได้ว่า เขากำลังต่อสายถึงนายกฯหญิงของไทย... บางทีก็จะทำให้คนรู้สึกว่า น้องสาวนายกฯคิดถึงจนทนไม่ไหวโทรหาพี่ชาย

พฤติกรรมเช่นนี้ก็เป็นเพียงแค่การแสดงอาการกร่างของพ.ต.ท.ทักษิณให้คนต่างชาติและนักข่าวเห็นว่า ตัวเองมีอำนาจ มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อดีตนายกรัฐมนตรีนักโทษหนีคดีอาญาจะพ่นคำโตเกี่ยวกับการร่อนจดหมายถึงรัฐบาลเพื่อให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่น ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสถานะใด ๆ ในรัฐบาลชุดนี้นอกจากความเป็นพี่ชายนายกรัฐมนตรีของไทย

แต่ปู-ยิ่งลักษณ์ก็ยังแอ๊บแบ๊วท่องอยู่คำเดียวว่า ไม่มีนโยบายช่วยพี่ชาย จนทำให้ประชาชนเขาจับโกหกเพิ่มได้อีกอย่างหนึ่งว่า

อะไรที่ปูแดงบอกว่าไม่มีนโยบาย ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำทันที แต่อะไรที่กำหนดเป็นโยบายบอกทำทันที เป็นสิ่งที่นอกจากคนไทยต้องฝึกลูกคอร้องเพลงรอไปก่อนแล้วยังต้องกินยาทำใจควบคู่ไปด้วย เพราะผลที่ออกมาจะเต็มไปด้วยเงื่อนไข และผลกระทบที่สร้างความเสียหายกับชาติบ้านเมือง

ยกตัวอย่างเช่น “เรื่องย้ายคุณเพรียวพันธ์เป็น ผบ.ตร.ไม่ใช่นโยบายรัฐบาลนะคะ” แต่ในทางปฏิบัติส่ง “เป็ดเหลิม”ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงออกเสียงก๊าบ ๆ ขู่ ถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขา สมช. พูดชัดว่า เป็นการเคลียร์ตำแหน่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ย้ายก้นจากเก้าอี้ ผบ.ตร.มาเป็นเลขาสมช. เปิดทางให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายเมียนอกกฎหมายของทักษิณ ได้ขึ้นเป็นใหญ่ก่อนเกษียณอายุราชการในปีหน้า

ไม่ถึงอาทิตย์ ถวิล ถูกเด้งไปตบยุงในตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำ ซึ่งเชื่อได้ว่าอีกไม่นานก้นใหญ่ ๆ ของ พล.ต.อ.วิเชียรจะไปอยู่ที่ สมช. ส่วนพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ก็จะได้นอนมาครองเก้าอี้ ผบ.ตร.สมใจ

ในขณะที่การเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยจากน้ำท่วมที่ร่ำไห้โหยหาความช่วยเหลือจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างน่าเวทนา เรากลับไม่เห็นความกระตือรือร้อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในการบริหารจัดการงบประมาณเพื่อช่วยเหลือประชาชน ได้แต่ยกขบวนออกมาโยนบาปให้รัฐบาลที่แล้วว่าใช้งบหมดทำให้ช่วยชาวบ้านช้า

"ไม่มีนโยบายเรื่องฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษ พ.ต.ท.ทักษิณนะคะ". แต่ในทางปฏิบัติส่ง “เป็ดเหลิม”ออกมาร้องก๊าบ ๆ ให้เป็นที่รำคาญใจประชาชนว่า "ผมได้รับมอบหมายจากท่านนายกฯให้ดูแลเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ ไม่มีกฎหมายห้ามว่าต้องติดคุกก่อนจึงจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ เรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว"

แถมมีข่าวกระเซ็นระสายออกมาเรียบร้อยแล้วว่า จะมีการเร่งรัดดำเนินการเรื่องนี้ก่อนวันมหามงคลวันที่ 5 ธันวาคม แค่นี้กลิ่นเหม็นก็โชยไปถึงลำไส้แล้วว่า คนพวกนี้เน่าในคิดการใหญ่ทำอะไรกับบ้านเมืองนี้ ถ้าไม่ใช่หวังใช้ช่วงเวลามหามงคลที่องค์พ่อหลวงครบรอบ 84 ชันษา มาออกกฎหมายนิรโทษกรรม เช่นเดียวกับในปี 50 ที่รัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ เคยออก กฎหมายล้างมลทิน ฟอกตัวให้ข้าราชการที่ทำผิดคิดชั่วได้กลับมาทำเลวต่อระบบราชการได้อีกครั้ง

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เพียงเป็นการเอื้อประโยชน์ให้พี่ชายนักโทษพ้นผิดทั้งที่ไม่เคยสำนึกผิดเท่านั้น แต่ยังแยบยลถึงขั้นต้องการแยกคนเสื้อแดงซึ่งเป็นพสกนิกรของพระองค์ออกจากองค์พ่อหลวงด้วย ดูได้จากคำพูดเอาแต่ได้ของ “เป็ดเหลิม” ที่บอกเรื่องนี้เป็นพระราชอำนาจ โดยไม่พูดขั้นตอนกฎหมายว่า

รัฐบาลต้องเสนอความเห็นเบื้องต้นเพื่อถวายคำแนะนำก่อนนำเรื่องขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งในกรณีนักโทษหนีดคีไม่เคยมีการถวายความเห็นให้พระราชทานอภัยโทษมาก่อน แม้แต่รัฐบาลของพรรคพลังประชาชนที่มีสมัคร สุนทรเวช นอมินีทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี

การที่ “เป็ดเหลิม”ไม่พูดถึงข้อเท็จจริงให้ครบ ท่องแค่ว่าเป็นพระราชอำนาจย่อมทำให้แรงกดดันตกอยู่ที่องค์พระประมุข หากไม่มีการพระราชทานอภัยโทษก็กลายเป็นว่า พระองค์ท่านทอดทิ้งไพร่แดง กลั่นแกล้งทักษิณ

ถามหน่อยว่า ทำแบบนี้ทำไม จะแยกพสกนิกรออกจากองค์พ่อหลวงทำไมจะถ่างรอยร้าวให้พสกนิกรเข้าใจผิดในตัวองค์พ่อหลวง จนอาจก่อให้เกิดทัศนคติที่เป็นอันตรายต่อสถาบันหลักของชาติทำไม?

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะรัฐบาลชุดนี้ มีแต่คนไร้มันสมองขาดสำนึกที่จะทำเพื่อชาติและประชาชน ท่องแค่ว่า "ประชาชนคือลูกค้า เข้ามาหาประโยชน์ให้ญาติ ชาติฉิบหายช่างมัน"

คำถามวันนี้จึงไม่ได้อยู่แค่ว่า "รัฐบาลจะอยู่ได้อย่างไรหากบริหารงานแบบนี้" แต่ต้องถามว่า "ประเทศเราจะอยู่รอดได้อย่างไรภายใต้การบริหารของนายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"

และขอถามต่อไปให้ปูคันหูว่า "ละอายใจต่อพี่น้องประชาชนบ้างไหมค๊า ที่มีแต่นโยบายตลบแตลง แก้ของแพงไม่ได้ ให้ร้ายเบื้องสูง จูงจมูกข้าราชการ ล้างผลาญงบประมาณ ประสานประโยชน์ให้พี่ชาย"

แต่เชื่อว่าคงไม่ได้คำตอบจากนายกฯยิ่งลักษณ์ แต่อาจได้คำถามกลับมาเกี่ยวกับนโยบายที่กล่าวในข้างต้นว่า

"ดีไหมค๊า. ถูกใจไหมค๊า. เอาไหมค๊า"

ขอตะโกนแทนคนไทยตอบนายกฯยิ่งลักษณ์ว่า "ไม่เอาโว้ย"