ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “สวัสดีค่าาา... ค่าแรง 300 บาทต่อวัน เอาไหมๆๆ เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เอาไหมค้าาา… งั้นเอาไปเล้ยยย! ขอบคุณค่าาา” วลี “รื่นหู” ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ชักเริ่มเป็นวลี “คันหู” ไม่รู้ปูเป็นอะไร...
แต่ก็เอาเถอะ มาจนถึงขั้นนี้ คงไม่ต้อง “เหนียมอาย” กันอีกต่อไป สำหรับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ซึ่งนำโดย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ “แก้ผ้า” ให้เห็นเจตนาที่แท้จริงจน “ล่อนจ้อน” โดยไม่แคร์สายตาและ “คำมั่นสัญญา” ที่ให้ไว้กับประชาชนว่า จะสร้างความปรองดอง-สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในประเทศไทย อย่างคำประกาศที่ว่า “มาแก้ไข ไม่แก้แค้น” เพราะบัดนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า มุ่งหน้าทำเพื่อพี่ชายและพวกพ้องเป็นสำคัญ
ผลงานชิ้น “โบแดง” ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ลงมือ “ทำทันที” จนผู้คนร้อง “ยี้” กันทั้งประเทศ ก็คือ การแต่งตั้ง “หัวโจกคนเสื้อแดง” มานั่งเป็นที่ปรึกษาและเลขาธิการรัฐมนตรีหลายตำแหน่ง ซึ่งล็อตนี้ เป็นการ “ปูนบำเหน็จ” ตอบแทนหัวโจกคนเสื้อแดง ระดับเกรดบีและซี โดยทั้งหมดเป็นแกนนำบนเวที ที่เคลื่อนไหว “เผาบ้านเผาเมือง” และสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจนได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย
ทั้งนี้ ด้านหนึ่งก็เพื่อ “ปิดปากไพร่แดง” ไม่ให้ลุกขึ้นมาทวงบุญคุณนายใหญ่ สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายในพรรคเพื่อไทย ซึ่งนั่นอาจทำให้สะเทือนมาถึงเสถียรภาพของรัฐบาล ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งการแต่งตั้ง “โจกแดง” เป็นที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรีแบบ “เทกระโถน” ยกโหลนี้ ก็เพื่อเอาใจและรักษามวลชนเอาไว้ในระยะยาว ซึ่งจะทยอยตามกันมาอีกหลายล็อต ทั้งในรูปแบบของบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคน “มีราคา” ค่างวดในระดับใด
อย่างไรก็ตาม กล่าวสำหรับ “หัวโจกไพร่แดง” ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “อำมาตย์” ตั้งแต่แนวร่วมหัวขบวนยันท้ายขบวน ที่น่าสนใจก็มี อาทิ นายวิสา คัญทัพ กวีและนักร้องประจำเวทีคนเสื้อแดง ที่หายตัวไปในช่วงท้ายของการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อเดือน พ.ค.53ได้รับการตกรางวัลให้เป็น กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี, เช่นเดียวกับ นางฉวีวรรณ คลังแสง ภรรยานายสุทิน คลังแสง แกนนำ นปช. ซึ่งปัจจุบันจัดรายการทีวีคนเสื้อแดง ก็ได้รับการตกรางวัลให้เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เช่นเดียวกับ นายวิบูลย์ แช่มชื่น อดีต ส.ว.กาฬสินธุ์ และผู้ก่อตั้งนิตยสาร “ไทยเรดนิวส์” (ถูก ศอฉ.สั่งปิดไปแล้ว) ก็ได้รางวัลเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ยังมี นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำ นปช. เชียงใหม่ ที่เคยออกมาโวยวายหลังจากถูกจัดให้ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในอันดับที่ไม่ได้เป็น ส.ส. ก็ได้เป็นที่ปรึกษา รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายประแสง มงคลศิริ แกนนำ นปช. และอดีต ส.ส.อุทัยธานี พรรคไทยรักไทย ซึ่งอีกมุมหนึ่งนายประแสงคือลูกเขย พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีตรอง ผบ.ทบ.ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ, นายนาวิน บุญเสรฐ แกนนำนปช.สายภาคเหนือ และยังมีความใกล้ชิดกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเลขานุการ รมว.ต่างประเทศ
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด แกนนำ นปช.สายแท็กซี่ และเป็นหนึ่งในบุคคลที่โจมตีรัฐบาลประชาธิปัตย์อย่างหนักในช่วงที่แต่งตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ คนนี้ได้รับการปูนบำเหน็จให้เป็นถึงที่ปรึกษารมว.คมนาคม (พล.อ.อ.สุกำพล สุรรณทัต) เช่นเดียวกับ นายวิเชียรชนินทร์ สินธุไพร น้องชาย นายนิสิต สินธุไพร แกนนำนปช.ที่เพิ่งออกจากเรือนจำ ก็ได้รับบำเหน็จเป็นที่ปรึกษารมช.คมนาคม (พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก) เช่นเดียวกับพี่ชาย นายนิสิต สินธุไพร ที่ พล.ต.ท.ชัจจ์ ได้โทรศัพท์ขอมาเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในช่วงก่อนหน้านี้
นายสมหวัง อัสราษี นักธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังความจริงวันนี้ และเครื่องใช้ไฟฟ้ามิตซูชิต้า ซึ่งเป็นนายทุนคนสำคัญของ นปช. สายนายวีระ(กานต์) มุสิกพงศ์ รายนี้ได้รับรางวัลเป็นที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ขณะที่ นายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. คนรู้ใจใกล้ชิด “เดอะคางคก” ตู่-จตุพร ที่หลบหนีไปต่างประเทศระยะหนึ่ง ก็ได้รับการตกรางวัลให้เป็นถึงเลขานุการรมว.มหาดไทย และนายยศวริศ ชูกล่อม หรือ “เจ๋ง ดอกจิก” แกนนำเสื้อแดง อดีตตัวตลก ก็ได้รับการตกรางวัลให้เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รมช.มหาดไทย (นายฐานิสร์ เทียนทอง)
นายชาญยุทธ เฮงตระกูล อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคไทยรักไทย ผู้สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงชลบุรี ล่าสุดลงสมัครส.ส.เขต แต่สอบตก แต่ได้รับการตกรางวัลให้เป็นเลขานุการรมว.คมนาคม
นายสมบัติ รัตโน เป็นอดีต ส.ส.อุบลฯ และเป็นผู้สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงอุบลฯ ก็ได้รับรางวัลเป็นผู้ช่วยเลขานุการรมช. คมนาคม
รวมทั้ง ตำแหน่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ นางไพจิตร อักษรณรงค์, นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ, นายวันชนะ เกิดดี, พ.ต.ท.เสงี่ยม สำราญรัตน์, นายรังสี เสรีชัย, นายวีระ ชูสถาน, นายพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ (เสื้อแดงสายอริสมันต์) และนายอรรถชัย อนันตเมฆ (ดาราแดง ที่ปัจจุบันเป็นพิธีกรเล่าข่าวภาคค่ำ ในช่อง P&P Channel ซึ่งเป็นทีวี “จอแดง” ช่องใหม่) เป็นต้น คนเหล่านี้ก็ได้ดิบได้ดีเหมือนแนวร่วมคนเสื้อแดงคนอื่นๆ เช่นเดียวกับ “โอปอ” นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด จากพิธีกรประจำเวทีเสื้อแดง ก็ยังได้ดิบได้ดีขึ้นชั้นมาเป็นถึง “รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” ที่มีสิทธิเข้าประชุม ครม.ทุกวันอังคาร
ยังไม่นับ นายศักดา นพสิทธิ์ แกนนำ นปช.ชลบุรี ที่มีส่วนสำคัญจากเหตุการณ์ ประชุมอาเซียน2552 ต้องล่มลงไป หากไม่พลิกโผนาทีสุดท้าย ก็จ่อคิวถูกวางตัวเป็น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับ นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตประธาน นปก.รุ่นแรก ก็ถูกวางตัวเป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เห็นได้ชัดว่าพวกแกนนำ (บนเวที) ต่างชักแถวได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า ส่วน “เหยื่อ” ในความรุนแรงก็ยังคงเป็นเพียงแค่ “เบี้ย” ที่พร้อมให้คนพวกนี้เหยียบหัวก้าวข้ามไปสู่ “เป้าหมาย” ที่พวกเขาวางไว้เท่านั้น
จากนั้น “ขบวนการหลอกลวงประชาชน” ก็เริ่มเคลื่อนเข้าสู่ “เป้าหมาย” ที่แท้จริงของพวกเขา นั่นก็คือ การเข้าสู่กระบวนการ “กระชับอำนาจ” เพื่อวางฐานอำนาจให้ยาวนานที่สุด แน่นอนว่า งานนี้ต้องอาศัยช่วงจังหวะใน “ฤดูโยกย้ายใหญ่” โดยการ “ล้างบาง” ฝ่ายตรงข้ามในตำแหน่งสำคัญๆ ให้สิ้นซากไป!
และงานนี้อย่าแปลกใจที่ต้องเริ่มต้นกันใน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” เป็นอันดับแรก! ดังนั้น อย่าได้แปลกใจที่จะต้องมีการเปลี่ยนตัว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จาก “พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี” มาเป็น “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” และเด้ง พล.ต.อ.วิเชียรไปนั่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ขณะที่เจ้าของเก้าอี้ตัวเดิมคือ “นายถวิล เปลี่ยนศรี” จะเข้ากรุสำนักนายกรัฐมนตรี
นอกจากนั้น ขบวนการดังกล่าวยังมีเป้าหมายเข้าไป “ล้างบาง” ในทุกกระทรวง เช่น อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ที่เวลานี้ “ธาริต เพ็งดิษฐ์” น่าจะแพ็กกระเป๋าเตรียมตัวรอเอาไว้แล้ว หรือสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ที่แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลได้เปิดเผยว่า จะมีการโยกย้าย “นายจตุรงค์ ปัญญาดิลก” ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีปัญหาเรื่องสุขภาพ โดยจะมีการโยกย้ายรองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรายหนึ่ง ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคเพื่อไทยมาดำรงตำแหน่งปลัด สปน.
สำหรับ “กระทรวงมหาดไทย” คาดการณ์กันว่าอาจมีการย้าย “ล้างบาง” กลุ่มบิ๊กมหาดไทยหลายสิบคนที่เป็นสาย “ประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย” เพราะปีนี้มีระดับ 10 เกษียณรวม 18 คน เช่น นายวงศ์ศักดิ์ สวัสดิ์พาณิชย์ อธิบดีกรมการปกครอง, นายวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผวจ.เพชรบูรณ์, นายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.ราชบุรี, นายอธิคม สุพรรณพงศ์ ผวจ.ลำปาง, นายอำนาจ ผการัตน์ ผวจ.สกลนคร เป็นต้น
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคเพื่อไทยเปิดเผยว่า “นายวิเชียร ชวลิต” ปลัดกระทรวงมหาดไทย จะถูกโยกย้ายไปประจำสำนักนายกฯ ส่วนแคนดิเดตปลัดกระทรวงคนใหม่มีอยู่ 2 คน คือ “นายพระนาย สุวรรณรัฐ” รองปลัดอาวุโสสูงสุด หรือ “นายสุกิจ เจริญรัตกุล” ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนเก้าอี้อธิบดีกรมการปกครองคาดหมายว่า “นายประชา เตรัตน์” ผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง และอดีต ผวจ.ชลบุรี จะมารับตำแหน่ง
ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดที่ต้องจับตามองว่าจะมีการโยกย้ายหรือไม่ เช่น ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล ผวจ.เชียงใหม่, นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม ผวจ.ร้อยเอ็ด, นายระพี ผ่องบุพกิจ ผวจ.นครราชสีมา, นายธานี สามารถกิจ ผวจ.บุรีรัมย์, นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผวจ.ปทุมธานี, นายเชิดศักดิ์ ชูศรี ผวจ.สมุทรปราการ, นายสมบัติ ตรีวัฒน์สุวรรณ ผวจ.ขอนแก่น, นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผวจ.ศรีสะเกษ, นายวิรัตน์ ลิ้มสุวัฒน์ ผวจ.หนองคาย, นายเสริม ไชยณรงค์ ผวจ.สุรินทร์ เป็นต้น
ทางด้าน “กระทรวงการคลัง” เก้าอี้ก็ร้อนไม่แพ้กัน โดยแหล่งข่าววงในระดับสูงระบุว่า มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะมีการโยก “นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม” ออกจากตำแหน่งปลัดกระทรวงการคลัง ตามที่มีข่าวลือออกมาร่วมสัปดาห์ และอาจจะผลักดัน “นางเบญจา หลุยเจริญ” รองปลัดกระทรวงการคลัง ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน
ทั้งนี้ แหล่งข่าวจากระทรวงการคลังให้ข้อมูลว่า เนื่องจากนายอารีพงศ์เป็นคนที่นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ผลักดันมาโดยตลอด ทำให้ถูกมองว่าเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ “นางเบญจา” ถือว่ามีสายสัมพันธ์อันดีกับคนในรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ก่อนหน้านี้เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารกรมสรรพากรยุค “นายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์” เป็นอดีตอธิบดีกรมสรรพากร ที่ทำความเห็นว่าการขายหุ้นชินคอร์ปของครอบครัวชินวัตรไม่ต้องเสียภาษี รวมถึงยังเป็นเพื่อนซี้กับ “นางรวิฐา พงศ์นุชิต” หรือเจ๊ตุ๋ย ชื่อเดิม นางไพฑูรย์ พงษ์เกสร อดีตผู้บริหารกรมสรรพากร ที่ล่าสุด “นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล” รมว.คลัง แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมทำงานของ รมว.คลัง
นอกจากนี้ยังมีข่าวเรื่องการเตรียมปูนบำเหน็จตั้งคนของเพื่อไทยไปนั่งเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจหลายแห่งที่มีผลประโยชน์จำนวนมาก เช่น สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล, การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย, การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, การบินไทย เป็นต้น
และทั้งหมดนี้ก็คือจังหวะก้าวย่างของรัฐนาวา “โคลนนิ่งยิ่งลักษณ์” ที่ไม่ใช่เพียงสักแต่ทำนโยบาย “แก้บน” ตามที่ได้หาเสียงเอาไว้เท่านั้น แต่รัฐนาวาปูแดงยังเริ่มขยับ “กระชับอำนาจ” หลังจากได้เป็นรัฐบาล และหลังจากที่เธอได้ประกาศหาเสียงกับประชาชนเอาไว้ว่า...
“สวัสดีค่าาา... ค่าแรง 300 บาทต่อวัน เอาไหมๆๆ เงินเดือนปริญญาตรี 15,000 บาท เอาไหมค้าาา… งั้นเอาไปเล้ยยย! ขอบคุณค่าาา” วลี “รื่นหู” ช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ชักเริ่มเป็นวลี “คันหู” ไม่รู้ปูเป็นอะไร...