ASTVผู้จัดการรายวัน-เปลี่ยนสี! ดีเอสไอรับคดีสรรหา กสทช.ไม่ชอบ เป็นคดีพิเศษ ลุยสอบอาญาองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหา และกระบวนการสรรหา ลั่นมีหลักฐานชัด ปัดตอบมีผลต่อการนำชื่อ 11 กสทช.ขึ้นทูลเกล้าฯหรือไม่ ชี้เป็นอำนาจนายกฯ-เลขาฯครม. ด้าน"เหลิม"ชี้หากมีปัญหาจะเสนอนายกฯระงับการทูลเกล้าฯ 11 กสทช. ยอมรับพอใจผลงาน"ธาริต" ส่วนจะย้ายหรือไม่ขึ้นอยู่กับ"ประชา"
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ( 7ก.ย. ) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 4 โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมประชุม
กระทั่งเวลา 12.00 น. นายธาริต ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมได้อนุมัติเห็นชอบให้ดำเนินคดีกรณีกรรมการสรรหา กสทช. ว่าอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อดีเอสไอจะได้สอบสวนคดีนี้ต่อไป
ทั้งนี้ สาระสำคัญหลักที่เห็นชอบให้ดำเนินคดีอาญากับกรรมการสรรหา กสทช. แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. มีข้อมูลน่าเชื่อว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาดำเนินการไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2. กระบวนการของการสรรหาบัญชี 2 เป็นกระบวนการที่มีพยานหลักฐานและน่าเชื่อได้ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
นายธาริต กล่าวว่าทางส.ว.ทำหน้าที่สรรหา และคัดเลือก กสทช. 11 ท่าน ซึ่งผ่านพ้นไปแล้ว ในส่วนของดีเอสไอ ก็ทำหน้าที่ในการสอบสวนความผิดในคดีอาญา ไม่เกี่ยวเรื่องการสรรหา ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเรื่องการสอบสวนมีผลต่อกระบวนการแต่งตั้งกสทช.ทั้ง 11 คนหรือไม่ คงตอบไม่ได้ กระบวนการต่อไปจะเป็นเรื่องของการพิจารณานำขึ้นทูลเกล้าฯ มีผู้เกี่ยวข้อง 2 ท่าน คือ นายกรัฐมนตรี และเลขาธิการครม. เป็นอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของทั้ง 2 ท่าน ส่วนทางดีเอสไอ ก็ดำเนินการในส่วนของคดีอาญาต่อไป เป็นคนละส่วนกัน โดยหลังจากนี้ก็จะทำการสอบสวนเต็มรูปแบบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายธาริต กล่าวว่าถ้ามีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และทรงพิจารณาแต่งตั้ง เขาก็ทำหน้าที่ไป เราก็ทำหน้าที่ในคดีอาญาต่อไป แต่คดีอาญาของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 11 ท่าน เกี่ยวข้องเฉพาะกรรมการสรรหา ว่ากระบวนการสรรหาไม่ชอบ ซึ่งเป็นส่วนที่องค์กรอื่นจะต้องชี้ โดยนายธาริตกล่าวว่าปกติกรอบการทำงานอยู่ที่ 6 เดือน บางเรื่องอาจเสร็จเร็วกว่า บางเรื่องก็ช้ากว่า แล้วแต่เนื้อหา กรณีนี้มีพยานหลักฐานพอสมควร ว่ามีการกระทำความผิดในองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา และในกระบวนการสรรหา ซึ่งที่ประชุมรับทราบในส่วนนั้น และมีมติเห็นชอบ
** "เหลิม"ชี้ถ้ามีปัญหาไม่ควรทูลเกล้าฯ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นคดีสำคัญ เพราะเป็นผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อหน่วยราชการ สังคมไทย และเป็นที่สนใจของประชาชน ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าว ถ้ามีข้อมูลและหลักฐาน ก็จะได้เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการสรรหาตำแหน่งต่างๆ ว่าไม่ควรทำตามอำเภอใจ หรือตามใจชอบ
เมื่อถามว่าการจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯนั้น เมื่อมีการสอบสวนทางคดีพิเศษ จะระงับยับยั้งขั้นตอนการทูลเกล้าฯไว้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนจะต้องฟังสรุปอีกที ถ้าหากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเป็นการสรรหาโดยมิชอบ และมีหลักฐานรองรับจริง ก็จะกราบเรียนนายกฯว่า กรณีดังกล่าวมีปัญหา ถ้าจะนำความกราบบังคมทูลฯ เลย อาจจะไม่เหมาะสม
จากรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน ที่ออกมามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ได้แต่ทราบว่า เมื่อวานนี้จะมีเรื่องคดีคดโกงกันในบริษัทใหญ่ คดี กสทช. และคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ
เมื่อถามว่า พอใจในการทำหน้าที่และบทบาท ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ มากน้อยขนาดไหน เพราะเห็นก่อนหน้านี้ในสมัยเลือกตั้งที่ประกาศไว้ว่า เมื่อรัฐบาลเข้ามาจะมีการโยกย้ายให้ นายธาริต ไปทำหน้าที่ในส่วนอื่นแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็นั่นเป็นมุมปราศรัย ตนไม่ได้อาฆาตมาดร้ายใคร ใครมาตนก็ใช้งานได้ เพราะตนไม่ได้เอาประโยชน์ ซึ่งถ้าเป็นฝ่ายการเมืองไม่หาสตางค์ ไม่หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ก็ทำงานได้อย่างสบาย ๆ
**ยอมรับพอใจการทำงานของ"ธาริต"
เมื่อถามว่าในส่วนบทบาทของนายธาริต ก็ไม่ได้แตกต่างจากนายถวิล มาก อาจจะมีแอ็คชั่นมากกว่าด้วยซ้ำ ตรงนี้มองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายธาริตก็ยังมีเชิงมวยที่รัดกุม ไม่ได้แถลงข่าวออกอากาศกับเขาในการกระชับพื้นที่ แต่อาจจะเป็นฝ่ายมันสมองด้านกฎหมาย ซึ่งตนถือว่ามีความพึงพอใจในตัวนายธาริต ตรงนี้ ตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยส่วนตัวไว้ใจนายธาริต แต่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะไว้ใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนสาเหตุที่ตนไว้ใจนายธาริตนั้น คือนายธาริต ไม่ได้มีแอ็คชั่นมาก และไม่ได้นั่งประชุมอยู่ในครม. ส่วนจะมีการโยกย้าย นายธาริตหรือไม่ ตนไม่ได้มีอำนาจย้ายโดยตรง แต่อยู่ที่รมว.ยุติธรรม
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวว่า ไม่ค่อยพอใจบทบาทในการทำหน้าที่ของนายธาริต ตรงนี้มองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องปรับความเข้าใจกันให้ได้ เพราะเราเป็นรัฐบาลจะเอาอะไรร้อยเปอร์เซ็นไม่ได้ ถ้าไม่ได้อะไรมั่งเลย มันก็ทำงานลำบาก เพราะมันต้องมีได้ มีเสียกันบ้าง
เมื่อถามว่าแสดงว่า ถ้ามีการปรับท่าทีในการทำงาน อะไรต่ออะไรมันก็สามารถการันตีการทำงานได้ ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่อยากพูด เพราะไม่มีอำนาจอะไรโดยตรง เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุย กับ พล.ต.อ.ประชา ถึงเรื่องนี้ดังกล่าวแล้วหรือยัง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย
***"ประยุทธ์"เชื่อกสทช.คัดสรรมาอย่างดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กรณีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคณะกรรมการ กสทช. 11 คนที่ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร ว่า ทหารที่มีชื่อส่วนใหญ่เกษียณอายุราชการแล้ว จึงเป็นเรื่องส่วนตัวที่อยากเข้าไปช่วยทำงานเพื่อบ้านเมือง จึงได้สมัครและผ่านกระบวนการคัดสรร 2 ทาง แต่พอมารวมกันมองว่าเป็นทหารมากไปหน่อย เพราะทหารมียศ จึงดูว่าเยอะไป แต่ทุกท่านก็ผ่านกระบวนการคัดสรรด้วยวิธีการของระบบงาน แต่ที่สำคัญแต่ละท่านต้องแสดงวิสัยทัศน์ ถ้าไม่มีวิสัยทัศน์พูดจาไม่รู้เรื่อง เขาคงไม่เลือกเข้าไป
“ส่วนประเด็นที่ต้องเข้ามาเพื่อปกป้องกองทัพและมารักษาผลประโยชน์ของกองทัพ ผมคิดว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ของชาติมากกว่า ชาติสำคัญกว่าอย่างอื่น การทำอะไรก็ตามอย่าคิดว่าทำอะไรได้ง่ายๆ อำนาจอะไรก็ตามมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ทั้งสิ้น ดังนั้นต้องระมัดระวัง" ผบ.ทบ.กล่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ ( 7ก.ย. ) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 4 โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าร่วมประชุม
กระทั่งเวลา 12.00 น. นายธาริต ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ที่ประชุมได้อนุมัติเห็นชอบให้ดำเนินคดีกรณีกรรมการสรรหา กสทช. ว่าอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดให้เป็นคดีพิเศษ เพื่อดีเอสไอจะได้สอบสวนคดีนี้ต่อไป
ทั้งนี้ สาระสำคัญหลักที่เห็นชอบให้ดำเนินคดีอาญากับกรรมการสรรหา กสทช. แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
1. มีข้อมูลน่าเชื่อว่าองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาดำเนินการไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2. กระบวนการของการสรรหาบัญชี 2 เป็นกระบวนการที่มีพยานหลักฐานและน่าเชื่อได้ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นเดียวกัน
นายธาริต กล่าวว่าทางส.ว.ทำหน้าที่สรรหา และคัดเลือก กสทช. 11 ท่าน ซึ่งผ่านพ้นไปแล้ว ในส่วนของดีเอสไอ ก็ทำหน้าที่ในการสอบสวนความผิดในคดีอาญา ไม่เกี่ยวเรื่องการสรรหา ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ส่วนเรื่องการสอบสวนมีผลต่อกระบวนการแต่งตั้งกสทช.ทั้ง 11 คนหรือไม่ คงตอบไม่ได้ กระบวนการต่อไปจะเป็นเรื่องของการพิจารณานำขึ้นทูลเกล้าฯ มีผู้เกี่ยวข้อง 2 ท่าน คือ นายกรัฐมนตรี และเลขาธิการครม. เป็นอำนาจหน้าที่และดุลพินิจของทั้ง 2 ท่าน ส่วนทางดีเอสไอ ก็ดำเนินการในส่วนของคดีอาญาต่อไป เป็นคนละส่วนกัน โดยหลังจากนี้ก็จะทำการสอบสวนเต็มรูปแบบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
นายธาริต กล่าวว่าถ้ามีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และทรงพิจารณาแต่งตั้ง เขาก็ทำหน้าที่ไป เราก็ทำหน้าที่ในคดีอาญาต่อไป แต่คดีอาญาของเราไม่ได้เกี่ยวข้องกับ 11 ท่าน เกี่ยวข้องเฉพาะกรรมการสรรหา ว่ากระบวนการสรรหาไม่ชอบ ซึ่งเป็นส่วนที่องค์กรอื่นจะต้องชี้ โดยนายธาริตกล่าวว่าปกติกรอบการทำงานอยู่ที่ 6 เดือน บางเรื่องอาจเสร็จเร็วกว่า บางเรื่องก็ช้ากว่า แล้วแต่เนื้อหา กรณีนี้มีพยานหลักฐานพอสมควร ว่ามีการกระทำความผิดในองค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหา และในกระบวนการสรรหา ซึ่งที่ประชุมรับทราบในส่วนนั้น และมีมติเห็นชอบ
** "เหลิม"ชี้ถ้ามีปัญหาไม่ควรทูลเกล้าฯ
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนคิดว่าเป็นคดีสำคัญ เพราะเป็นผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อหน่วยราชการ สังคมไทย และเป็นที่สนใจของประชาชน ตนเห็นว่าเรื่องดังกล่าว ถ้ามีข้อมูลและหลักฐาน ก็จะได้เป็นบทเรียนเกี่ยวกับการสรรหาตำแหน่งต่างๆ ว่าไม่ควรทำตามอำเภอใจ หรือตามใจชอบ
เมื่อถามว่าการจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯนั้น เมื่อมีการสอบสวนทางคดีพิเศษ จะระงับยับยั้งขั้นตอนการทูลเกล้าฯไว้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนจะต้องฟังสรุปอีกที ถ้าหากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเป็นการสรรหาโดยมิชอบ และมีหลักฐานรองรับจริง ก็จะกราบเรียนนายกฯว่า กรณีดังกล่าวมีปัญหา ถ้าจะนำความกราบบังคมทูลฯ เลย อาจจะไม่เหมาะสม
จากรายชื่อ กสทช. ทั้ง 11 คน ที่ออกมามีความผิดปกติอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ได้แต่ทราบว่า เมื่อวานนี้จะมีเรื่องคดีคดโกงกันในบริษัทใหญ่ คดี กสทช. และคดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ
เมื่อถามว่า พอใจในการทำหน้าที่และบทบาท ของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ มากน้อยขนาดไหน เพราะเห็นก่อนหน้านี้ในสมัยเลือกตั้งที่ประกาศไว้ว่า เมื่อรัฐบาลเข้ามาจะมีการโยกย้ายให้ นายธาริต ไปทำหน้าที่ในส่วนอื่นแทน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็นั่นเป็นมุมปราศรัย ตนไม่ได้อาฆาตมาดร้ายใคร ใครมาตนก็ใช้งานได้ เพราะตนไม่ได้เอาประโยชน์ ซึ่งถ้าเป็นฝ่ายการเมืองไม่หาสตางค์ ไม่หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง ก็ทำงานได้อย่างสบาย ๆ
**ยอมรับพอใจการทำงานของ"ธาริต"
เมื่อถามว่าในส่วนบทบาทของนายธาริต ก็ไม่ได้แตกต่างจากนายถวิล มาก อาจจะมีแอ็คชั่นมากกว่าด้วยซ้ำ ตรงนี้มองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายธาริตก็ยังมีเชิงมวยที่รัดกุม ไม่ได้แถลงข่าวออกอากาศกับเขาในการกระชับพื้นที่ แต่อาจจะเป็นฝ่ายมันสมองด้านกฎหมาย ซึ่งตนถือว่ามีความพึงพอใจในตัวนายธาริต ตรงนี้ ตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร โดยส่วนตัวไว้ใจนายธาริต แต่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม จะไว้ใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนสาเหตุที่ตนไว้ใจนายธาริตนั้น คือนายธาริต ไม่ได้มีแอ็คชั่นมาก และไม่ได้นั่งประชุมอยู่ในครม. ส่วนจะมีการโยกย้าย นายธาริตหรือไม่ ตนไม่ได้มีอำนาจย้ายโดยตรง แต่อยู่ที่รมว.ยุติธรรม
เมื่อถามว่า กลุ่มคนเสื้อแดงส่วนใหญ่ ก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวว่า ไม่ค่อยพอใจบทบาทในการทำหน้าที่ของนายธาริต ตรงนี้มองอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องปรับความเข้าใจกันให้ได้ เพราะเราเป็นรัฐบาลจะเอาอะไรร้อยเปอร์เซ็นไม่ได้ ถ้าไม่ได้อะไรมั่งเลย มันก็ทำงานลำบาก เพราะมันต้องมีได้ มีเสียกันบ้าง
เมื่อถามว่าแสดงว่า ถ้ามีการปรับท่าทีในการทำงาน อะไรต่ออะไรมันก็สามารถการันตีการทำงานได้ ใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่อยากพูด เพราะไม่มีอำนาจอะไรโดยตรง เมื่อถามว่าได้มีการพูดคุย กับ พล.ต.อ.ประชา ถึงเรื่องนี้ดังกล่าวแล้วหรือยัง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดคุย
***"ประยุทธ์"เชื่อกสทช.คัดสรรมาอย่างดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ให้สัมภาษณ์กรณีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องคณะกรรมการ กสทช. 11 คนที่ส่วนใหญ่เป็นนายทหาร ว่า ทหารที่มีชื่อส่วนใหญ่เกษียณอายุราชการแล้ว จึงเป็นเรื่องส่วนตัวที่อยากเข้าไปช่วยทำงานเพื่อบ้านเมือง จึงได้สมัครและผ่านกระบวนการคัดสรร 2 ทาง แต่พอมารวมกันมองว่าเป็นทหารมากไปหน่อย เพราะทหารมียศ จึงดูว่าเยอะไป แต่ทุกท่านก็ผ่านกระบวนการคัดสรรด้วยวิธีการของระบบงาน แต่ที่สำคัญแต่ละท่านต้องแสดงวิสัยทัศน์ ถ้าไม่มีวิสัยทัศน์พูดจาไม่รู้เรื่อง เขาคงไม่เลือกเข้าไป
“ส่วนประเด็นที่ต้องเข้ามาเพื่อปกป้องกองทัพและมารักษาผลประโยชน์ของกองทัพ ผมคิดว่าไม่ใช่แบบนั้น แต่เป็นเรื่องของการรักษาผลประโยชน์ของชาติมากกว่า ชาติสำคัญกว่าอย่างอื่น การทำอะไรก็ตามอย่าคิดว่าทำอะไรได้ง่ายๆ อำนาจอะไรก็ตามมีกฎหมายคุ้มครองอยู่ทั้งสิ้น ดังนั้นต้องระมัดระวัง" ผบ.ทบ.กล่าว