พนา ยันไม่ฟ้องถึงแม้ไม่ได้เลือกเป็นกสทช.ส่วนกรณีความสัมพันธ์กับ'อากู๋' กับเรื่องเงินบริจาค 84 ล้านบาทให้กับสว.เผยไม่มีอะไรในกอไผ่
นายพนา ทองมีอาคม ปฏิบัติหน้าที่กสทช.กล่าวว่าน้อมรับกระบวนการสรรหา กสทช.ของวุฒิสภาแม้จะไม่ได้รับเลือกเป็น 11 คนของกรรมการกสทช.ชุดใหม่ ส่วนกระแสที่ว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องนั้น ไม่ได้คิดแต่อย่างใด เพราะไม่ต้องการให้วุฒิสภาเสื่อมเสีย
ส่วนข้อครหาว่ามีความสนิมสนมกับนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม (อากู๋) ผู้บริหารแกรมมี่ ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม่มีความเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เนื่องจากตนเคยเป็นนิสิตคณะนิเทศศาสตร์จุฬาฯรุ่นเดียวกันเท่านั้น
รวมไปถึงประเด็นเกี่ยวกับเงินบริจาค 84 ล้านบาทโครงการอิ่มบุญนั้น เป็นเรื่อ
งที่เกิดก่อนการสรรหากสทช.เพียงแต่เพิ่งจะถูกหยิบยกมากระพือข่าวช่วงก่อนจะลงมติเลือกกสทช. ซึ่งข้อเท็จจริงคือเงินนี้เป็นเงินที่ กทช.บริจาคให้ตามที่วุฒิสภาขอมา ไม่ใช่เงินที่ กทช. ไปเสนอให้เองแต่อย่างใด
'ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกรณีความสัมพันธ์กับอากู๋ กับเรื่องเงินบริจาค 84 ล้านบาทให้กับสว.กล้าพูดว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ทั้งนั้น เพราะทุกเรื่องมีเหตุมีผลไม่มีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน'
ทั้งนี้อยากจะฝากให้สื่อคอยดูแลตรวจสอบป้องกันองค์กรอิสระนี้ไว้อย่าให้ใครมาทำให้ภาพลักษณ์เสียหายโดยเฉพาะ 11 กรรมการที่ได้รับเลือกเข้ามาใหม่
อย่างไรก็ตามต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้คัดเลือกเป็นกรรมการกสทช.ส่วนเรื่องการประชุมกสทช.ของชุดเดิมยังคงมีการประชุมเป็นประจำทุกวันพุธเช่นเดิม
สำหรับขั้นตอนต่อไปหลังได้รายชื่อคณะกรรมการกสทช.ทั้ง 11 คนแล้วจากนี้ทั้งหมดที่ได้รับเลือกจะต้องไปลาออกจากงานที่ทำอยู่ภายใน 15 วัน และระหว่าง 15 วันนี้จะต้องประชุมเพื่อคัดเลือกประธานและรองประธาน 2 คนแล้วแจ้งให้นายกฯทราบ เพื่อนำความขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป
ขณะที่ ความคืบหน้าล่าสุดคดีนายสุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร ปฏิบัติหน้าที่กสทช. ได้ยื่นขอคุ้มครองฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่(2 ก.ย.)ที่ผ่านมา และศาลปกครองสูงสุดรับไต่สวนเมื่อวานนี้(5 ก.ย.) ซึ่งประเด็นที่ยื่นเนื่องจากเห็นว่าคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ยกฟ้องคดีไปเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ฟ้องว่ากระบวนการสรรหากสทช.ไม่โปร่งใส อีกทั้งคำแถลงคดีของตุลาการนอกสำนวน และคำพิพากษา มีความแตกต่างกันชัดเจน
ล่าสุด นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เปิดเผยว่าในวันที่7 ก.ย.เวลา 10.00น.จะเสนอเรื่องให้ที่ประชุมคดีพิเศษ ที่มีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ในวาระพิจารณาลับเรื่องผลสอบสวนกระบวนการสรรหากสทช.ไม่โปรใสที่ก่อนหน้าดีเอสไอสรุปเบื้องต้นพบว่ามีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้นใน 7 ประเด็น คือ ตำแหน่างที่มาของกรรมการสรรหา, การเผาทำลายบัตรสรรหา เป็นต้น
สำหรับบุคคลที่วุฒิสภาลงคะแนนเลือกเป็น กสทช.11 คน ประกอบด้วย ด้านกิจการกระจายเสียง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณณศรี ได้ 73 คะแนน เป็นนายทหารรุ่น ตท.6 รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุก องคมนตรี และ พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ส.ว.สรรหา ในอดีตเคยเป็น เสธ.ทอ.ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร สังกัดสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(องค์การมหาชน) ด้านกิจการโทรคมนาคม พ.อ.นที ศุกลรัตน์ ได้ 112 คะแนน อดีต กทช. ปัจจุบันเป็นรักษาการ กสทช.อดีตรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และ พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ ได้ 118 คะแนน นายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม
ด้านกฎหมาย 2 คน คือ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ 109 คะแนน และ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า อดีต ผกก.สภ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ได้ 67 คะแนน ด้านกิจการโทรทัศน์ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้ 62 คะแนน ด้านเศรษฐศาสตร์ 2 คน คือ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า อดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน (เศรษศาสตร์ ประจำ กทช.) ได้ 110 คะแนน และนายธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ ผอ.ศูนย์คอมพิวเตอร์ และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ 58 คะแนน
สำหรับกลุ่มตัวแทนด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหรือการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในส่วนของด้านกำกับดูแลกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ คือ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ ได้ 95 คะแนน ส่วนด้านกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม คือ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผอ.สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช.ได้ 78 คะแนน และกลุ่มผู้มีผลงาน มีความเชี่ยวชาญประสบการณ์ด้านการศึกษา วัฒนธรรม หรือการพัฒนาสังคม คือ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษกองบัญชาการกองทัพไทย ได้ 72 คะแนน
Company Relate Link :
กสทช.
