อาจมีจังหวะกระท่อนกระแท่นให้เห็นบ้าง แต่สุดท้ายก็ “ปิดกล่อง” ได้ 11 ตัวจริงที่จะได้มาเป็น กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เรียบร้อยโรงเรียนสภาฯสูงไปเป็นที่เรียบร้อย
งานนี้เรียกว่า “ตัวเต็ง” ลอยลำกันมาถ้วนหน้า ไล่ตั้งแต่สาย “คนมีสี” ที่พาเหรดเข้ามาเป็นพรวน ทั้ง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย ที่เข้ามาในด้านการศึกษา วัฒนธรรม พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ นายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม และ พ.อ.นที สกุลรัตน์ อดีต กทช.คนดัง เจ้าของตำนาน 3.9 จีเมืองไทย ที่ติดโผมาแบบเหนียวแน่นตั้งแต่ต้น
บวกกับ “สีกากี” อีก 1 ราย ได้แก่ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ที่ “พลิกโผ” มาแบบไม่น่าเชื่อ เพราะประวัติการทำงานระบุว่าเกษียณอายุราชการเมื่อปี 49 ในตำแหน่งรองผู้กำกับ สภ.อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ที่เฉียดกับงานด้านการสื่อสารคมนาคมแม้แต่น้อย
แต่ในความเป็นจริงอดีตนายตำรวจผู้นี้เป็น “มือขวา” ของ พินิจ จารุสมบัติ แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เคยนั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สมัยที่ “เจ้าพ่อวังพญานาค” ได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และแม้ตัวเจ้านายจะบอบช้ำจากศึกเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่วายพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งสามารถส่งเด็กในเครือเข้านั่งตำแหน่งสำคัญระดับนี้ เหมือนสมัยที่ดันตัวเองไปนั่งเป็น สนช. ผ่านสายสัมพันธ์ พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
ด้านสายนักกฏหมายผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ ก็ไม่พลิกเมื่อมีชื่อ สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านเศรษฐศาสตร์ 2 คน คือ ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษศาสตร์ ประจำ กทช.มาก่อน พร้อมด้วย ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนด้านกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)
ขณะที่คนที่ได้รับความสนใจที่สุด เก๋-สุภิญญา กลางณรงค์ นักกิจกรรมทางสังคมด้านการปฏิรูปสื่อ ที่ได้รับแรงเชียร์จาก ส.ว.สายเอ็นจีโอ แม้จะยังมีเครื่องหมายคำถามถึงการตัดสินใจ “พลิกลิ้น” เข้าร่วมการสรรหา กสทช.รอบนี้ หลังเคยประกาศผ่านสื่อว่าถือเป็นมารยาท เพราะร่วมเป็นคนร่าง พ.ร.บ.กสทช.มาก่อนก็ตาม
ว่ากันว่ากว่าจะเคาะออกมาเป็น 11 อรหันต์ดังรายชื่อที่ปรากฎมานี้ ผ่านการ “ล็อบบี้” กันอย่างฝุ่นตลบจนหยดสุดท้ายกัน เพราะรู้กันดีว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากขนาดไหน โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามี “โพย” ถูกส่งตรงถึงมือ ส.ว.แต่ละคนมีไม่ต่ำกว่า 5 ชุดเลยทีเดียว ทั้งยังมีความพยายาม “ล้มกระดาน” จาก ส.ว.สายรัฐบาลบางคนที่พยายามหยิบยกความไม่โปร่งใสในกระบวนการสรรหา เพื่อหวัง “เตะถ่วง” ให้การเลือก กสทช.ต้องต่อเวลาไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าทางรัฐบาล เพราะหากไม่สามารถเลือกได้ทันในวันที่ 11 ก.ย.หรือ 60 วันนับจากวันที่สำนักเลขาธิการ วุฒิสภา ส่งรายชื่อ 44 คนสุดท้ายมาให้ อำนาจในการเลือกตั้งจะตกไปอยู่ในมือ “นายกรัฐมนตรี” แต่เพียงผู้เดียว
โดยหลังจากนี้ขั้นตอนต่อไปจะมีการเรียกประชุม กสทช.ทั้ง 11 คน เพื่อเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธานฯ 2 คน ให้แล้วเสร็จใน 15 วัน ก่อนที่จะส่งรายชื่อให้กับนายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป
งานนี้ “ตัวเต็ง” ในตำแหน่ง ประธาน กสทช.คนแรกในประวัติศาสตร์ หนีไม่พ้น “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ที่ผละยี่ห้อ “ตท.รุ่น 6” มีเพื่อนร่วมรุ่นที่แม้จะเกษียณราชการเป็นทหารแก่ แต่ก็ระดับคนใหญ่คนโต ทั้ง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และตัวจักรสำคัญในการเดินเกมเรียกคะแนนให้ “บิ๊กเจี๊ยบ” ในสภาสูง อย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. อีกทั้งด้วยอุปนิสัยส่วนตัวที่มีความมนุษสัมพันธ์สูง จึงมีพรรคพวกกว้างขวางในหลายวงการทั้งกงอทัพหรือธุรกิจ และยังเป็นที่รักของน้องๆในกองทัพ เช่นเดียวกับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ซึ่ง พล.อ.อ.ธเรศ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของบ้านสี่เสาเทเวศร์
แม้จะหนีไม่พ้นข้อครหาที่ถูกมองว่า ทหารตบเท้าเข้าครอบงำองค์กรสำคัญอีกครั้ง แต่ก็ปรามาสว่างานนี้ “บิ๊กเจี๊ยบ” อาศัยว่าสวม “ท๊อปบู้ต” เข้ามาเพียงอย่างเดียว เพราะอย่าลืมว่างานในตำแหน่งงานในปัจจุบันที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” นั้นก็คาบเกี่ยวกับเนื้องานของ กสทช.ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงที่เป็นห่วงเป็นใยกัน
ที่สำคัญยังมี “กุนซือ” ส่วนตัวระดับ ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม เจ้าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และอดีต รมว.ไอซีที สมัยรัฐบาลขิงแก่ ที่สนิทสนมแนบแน่นกันอย่างมาก รวมไปถึง ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครคนปัจจุบัน และได้ร่วมงานกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศบ่อยครั้ง
เมื่อทีมงานแน่นปึ้กขณะนี้ จึงเชื่อว่าการทำงานใน กสทช.ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” คงไม่ยากเย็นนัก และที่สำคัญเมื่อหันไปดูกลุ่ม “คนมีสี” ที่มีถึง 6 จาก 11 คนใน กสทช. จึงเชื่อว่าเส้นทางสู่ตำแหน่งประธาน กสทช.ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” คงราบรื่นเป็นที่สุด เพราะชัดเจนว่าเมื่อ “คนมีสี” พรึ่บ กสทช.ขนาดนี้
แปลว่างานนี้ “ท๊อปบู้ต” ไม่ไว้ใจใคร
งานนี้เรียกว่า “ตัวเต็ง” ลอยลำกันมาถ้วนหน้า ไล่ตั้งแต่สาย “คนมีสี” ที่พาเหรดเข้ามาเป็นพรวน ทั้ง พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ประธานกรรมการบริหารสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) กระทรวงกลาโหม พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษ กองบัญชาการกองทัพไทย ที่เข้ามาในด้านการศึกษา วัฒนธรรม พล.ท.พีรพงษ์ มานะกิจ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พ.อ.เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ นายทหารฝ่ายกิจการโทรคมนาคม กระทรวงกลาโหม และ พ.อ.นที สกุลรัตน์ อดีต กทช.คนดัง เจ้าของตำนาน 3.9 จีเมืองไทย ที่ติดโผมาแบบเหนียวแน่นตั้งแต่ต้น
บวกกับ “สีกากี” อีก 1 ราย ได้แก่ พ.ต.อ.ทวีศักดิ์ งามสง่า ที่ “พลิกโผ” มาแบบไม่น่าเชื่อ เพราะประวัติการทำงานระบุว่าเกษียณอายุราชการเมื่อปี 49 ในตำแหน่งรองผู้กำกับ สภ.อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เท่านั้น ไม่มีสิ่งใดที่บ่งบอกถึงประสบการณ์ที่เฉียดกับงานด้านการสื่อสารคมนาคมแม้แต่น้อย
แต่ในความเป็นจริงอดีตนายตำรวจผู้นี้เป็น “มือขวา” ของ พินิจ จารุสมบัติ แกนนำพรรคเพื่อแผ่นดิน เคยนั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สมัยที่ “เจ้าพ่อวังพญานาค” ได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังรัฐประหาร 19 ก.ย.49 และแม้ตัวเจ้านายจะบอบช้ำจากศึกเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่วายพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งสามารถส่งเด็กในเครือเข้านั่งตำแหน่งสำคัญระดับนี้ เหมือนสมัยที่ดันตัวเองไปนั่งเป็น สนช. ผ่านสายสัมพันธ์ พล.ร.ท.พระจุณณ์ ตามประทีป นายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี
ด้านสายนักกฏหมายผู้เชี่ยวชาญด้านนิติศาสตร์ ก็ไม่พลิกเมื่อมีชื่อ สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านเศรษฐศาสตร์ 2 คน คือ ประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ กรรมการวิชาการ สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเคยเป็นอดีตผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษศาสตร์ ประจำ กทช.มาก่อน พร้อมด้วย ธวัชชัย จิตรภาษ์นันท์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ส่วนด้านกำกับดูแลกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)
ขณะที่คนที่ได้รับความสนใจที่สุด เก๋-สุภิญญา กลางณรงค์ นักกิจกรรมทางสังคมด้านการปฏิรูปสื่อ ที่ได้รับแรงเชียร์จาก ส.ว.สายเอ็นจีโอ แม้จะยังมีเครื่องหมายคำถามถึงการตัดสินใจ “พลิกลิ้น” เข้าร่วมการสรรหา กสทช.รอบนี้ หลังเคยประกาศผ่านสื่อว่าถือเป็นมารยาท เพราะร่วมเป็นคนร่าง พ.ร.บ.กสทช.มาก่อนก็ตาม
ว่ากันว่ากว่าจะเคาะออกมาเป็น 11 อรหันต์ดังรายชื่อที่ปรากฎมานี้ ผ่านการ “ล็อบบี้” กันอย่างฝุ่นตลบจนหยดสุดท้ายกัน เพราะรู้กันดีว่าตำแหน่งนี้มีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์มากขนาดไหน โดยเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามี “โพย” ถูกส่งตรงถึงมือ ส.ว.แต่ละคนมีไม่ต่ำกว่า 5 ชุดเลยทีเดียว ทั้งยังมีความพยายาม “ล้มกระดาน” จาก ส.ว.สายรัฐบาลบางคนที่พยายามหยิบยกความไม่โปร่งใสในกระบวนการสรรหา เพื่อหวัง “เตะถ่วง” ให้การเลือก กสทช.ต้องต่อเวลาไปอีก 1 สัปดาห์ เพื่อให้เข้าทางรัฐบาล เพราะหากไม่สามารถเลือกได้ทันในวันที่ 11 ก.ย.หรือ 60 วันนับจากวันที่สำนักเลขาธิการ วุฒิสภา ส่งรายชื่อ 44 คนสุดท้ายมาให้ อำนาจในการเลือกตั้งจะตกไปอยู่ในมือ “นายกรัฐมนตรี” แต่เพียงผู้เดียว
โดยหลังจากนี้ขั้นตอนต่อไปจะมีการเรียกประชุม กสทช.ทั้ง 11 คน เพื่อเลือกตำแหน่ง ประธานและรองประธานฯ 2 คน ให้แล้วเสร็จใน 15 วัน ก่อนที่จะส่งรายชื่อให้กับนายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งต่อไป
งานนี้ “ตัวเต็ง” ในตำแหน่ง ประธาน กสทช.คนแรกในประวัติศาสตร์ หนีไม่พ้น “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี ที่ผละยี่ห้อ “ตท.รุ่น 6” มีเพื่อนร่วมรุ่นที่แม้จะเกษียณราชการเป็นทหารแก่ แต่ก็ระดับคนใหญ่คนโต ทั้ง พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข องคมนตรี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. และตัวจักรสำคัญในการเดินเกมเรียกคะแนนให้ “บิ๊กเจี๊ยบ” ในสภาสูง อย่าง พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. อีกทั้งด้วยอุปนิสัยส่วนตัวที่มีความมนุษสัมพันธ์สูง จึงมีพรรคพวกกว้างขวางในหลายวงการทั้งกงอทัพหรือธุรกิจ และยังเป็นที่รักของน้องๆในกองทัพ เช่นเดียวกับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่ ซึ่ง พล.อ.อ.ธเรศ ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลของบ้านสี่เสาเทเวศร์
แม้จะหนีไม่พ้นข้อครหาที่ถูกมองว่า ทหารตบเท้าเข้าครอบงำองค์กรสำคัญอีกครั้ง แต่ก็ปรามาสว่างานนี้ “บิ๊กเจี๊ยบ” อาศัยว่าสวม “ท๊อปบู้ต” เข้ามาเพียงอย่างเดียว เพราะอย่าลืมว่างานในตำแหน่งงานในปัจจุบันที่สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” นั้นก็คาบเกี่ยวกับเนื้องานของ กสทช.ไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงที่เป็นห่วงเป็นใยกัน
ที่สำคัญยังมี “กุนซือ” ส่วนตัวระดับ ดร.สิทธิชัย โภไคยอุดม เจ้าของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร และอดีต รมว.ไอซีที สมัยรัฐบาลขิงแก่ ที่สนิทสนมแนบแน่นกันอย่างมาก รวมไปถึง ดร.สุเจตน์ จันทรังษ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครคนปัจจุบัน และได้ร่วมงานกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศบ่อยครั้ง
เมื่อทีมงานแน่นปึ้กขณะนี้ จึงเชื่อว่าการทำงานใน กสทช.ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” คงไม่ยากเย็นนัก และที่สำคัญเมื่อหันไปดูกลุ่ม “คนมีสี” ที่มีถึง 6 จาก 11 คนใน กสทช. จึงเชื่อว่าเส้นทางสู่ตำแหน่งประธาน กสทช.ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” คงราบรื่นเป็นที่สุด เพราะชัดเจนว่าเมื่อ “คนมีสี” พรึ่บ กสทช.ขนาดนี้
แปลว่างานนี้ “ท๊อปบู้ต” ไม่ไว้ใจใคร