“เฉลิม” รับลูก ดีเอสไอ สรรหา กสทช.มิชอบ พร้อมรับเป็นคดีพิเศษ แถมเสนอนายกฯ ชะลอทูลเกล้าฯ ชม “ธาริต” ชงเรื่องเข้าทาง สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่อำนาจโยกย้ายอยู่ที่ “ประชา” ไม่ห่วงแก๊งแดงโกรธ ระบุ เป็นรัฐบาลจะเอาอะไร 100% คงไม่ได้ อ้างนิรโทษกรรม “นช.แม้ว” รัฐบาลยังไม่ได้ทำ แต่มี ปชป.และข้าราชการบางคน ปล่้อยข่าวทำลายรัฐบาล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ให้สัมภาษณ์
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะเสนอคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) พิจารณารับคดีการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นคดีพิเศษ ว่า ตนยังไม่ได้ระเบียบวาระ และเพิ่งได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีให้ทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการ กคพ.แต่ในยุคตนมาเป็นคดีพิเศษ ต้องพิเศษจริงๆ ไม่ใช่คดีมโนสาเร่แล้วรับมาเป็นคดีพิเศษ
“ดีเอสไอต้องเล่นการเมืองน้อยลง ความจริงในยุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัน อดีตนายกฯ ได้ให้ผมเป็นคนเขียนรูปแบบดีเอสไอ เพื่อคานอำนาจตำรวจท้องที่ และตำรวจท้องถิ่น และทำคดีสำคัญๆ จริงๆ จะให้เป็นแบบเอฟบีไอขึ้นอยู่กับสำนักนายกฯ แต่เมื่อผมพ้นแล้วก็กลายมาเป็นดีเอสไอ ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม แต่เท่าที่รัฐบาลชุดที่ผ่านมานึกอะไรไม่ออกบอกดีเอสไอนั่นไม่ถูกต้อง ตนจะฟื้นแนวทางนี้กลับมาทำใหม่ให้เป็นคดีพิเศษจริงๆ จะเป็นคดีพิเศษได้ต้องได้รับอนุมัติจาก กคพ.ให้ขึ้นอยู่กับกระทรวงยุติธรรม
ส่วนที่ ดีเอสไอ ระบุมีมูลว่า กระบวนการสรรหา กสทช.ไม่ชอบ คิดว่า จะรับมาเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้เป็นคดีสำคัญ เป็นผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อหน่วยราชการและสังคมไทย และเป็นที่สนใจของพี่น้องประชาชนและจะได้เป็นบทเรียนว่าการสรรหาต่างๆ อย่าทำตามอำเภอใจหรืออย่าทำตามใจชอบ
ผูัสื่อข่าวถามว่า หาก กคพ.รับเป็นคดีพิเศษ ทางนายกฯจะต้องระงับยับยั้งหรือชะลอขั้นตอนการนำรายชื่อ 11 กสทช.ขึ้นทูลเกล้าฯไว้ก่อนหรือไม่ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนจะฟังดีเอสไอสรุป หากพยานหลักฐานฟังได้ว่าเป็นการสรรหาโดยมิชอบและมีหลักฐานรองรับ ตนก็จะกราบเรียนท่านนายกฯว่ากรณีนี้มีปัญหา ถ้าจะนำความกราบบังคมทูลฯ น่าจะไม่เหมาะสม ถ้ามูลแห่งคดีฟังได้ว่าเป็นการสรรหาโดยมิชอบหรือสรรหาโดยผิดกฎหมาย ของผิดกฎหมายจะนำความขึ้นกราบบังคมทูลฯไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ดูจากรายชื่อ 11 กสทช.ที่มีข่าวบล็อกโหวต พบความผิดปกติอะไรหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบ เพิ่งทราบเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่า เขาจะมีคดีปิคนิค คดี กสทช.คดีชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ ตนยังไม่เห็นหัวเรื่อง
ส่วนในฐานะกำกับดูแลดีเอสไอ ตอนนี้พึงพอใจบทบาทการทำหน้าที่ของ นายธาริต มากน้อยแค่ไหน เพราะก่อนหน้านี้เคยปราศรัย ว่า ถ้าได้เข้ามาเป็นรัฐบาล นายธาริต ต้องย้ายไปทำหน้าที่อื่น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นั่นเป็นมุมปราศรัย ตนไม่มีการอาฆาตมาดร้ายใคร ใครมาตนก็ใช้งานได้ เพราะไม่ได้เอาประโยชน์ ถ้าเป็นฝ่ายการเมืองไม่หาเงินเข้ากระเป๋าก็ทำงานสบายๆ
ต่อข้อถามว่า บทบาทของ นายธาริต ไม่ได้แตกต่างจาก นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาฯ สมช.ที่ถูกย้าย ดูเหมือนจะแอ็กชันมากกว่าด้วยซ้ำ ยังจะบอกว่าให้เสนอย้ายตัวเองหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายธาริต ก็ยังมีเชิงมวยที่รัดกุม ไม่ได้แถลงข่าวออกอากาศในการกระชับพื้นที่กับเขา แต่อาจจะเป็นฝ่ายมันสมองด้านกฎหมาย ตนไม่ได้มีอะไรกับนายธาริต แล้วทำไมจะทำงานร่วมกันไม่ได้ เมื่อถามว่า ท่านไว้ใจ นายธาริต หรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนเหรอไว้ใจ แต่พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมจะไว้ใจหรือเปล่าตนไม่ทราบ นายธาริตเองไม่ได้มีแอ็กชั่นมาก ไม่ได้นั่งประชุมใน ครม. เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะไม่มีการย้ายนายธาริตพ้นจากตำแหน่ง ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่มีอำนาจย้าย ต้องอยู่ที่ รมว.ยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่พอใจบทบาทของ นายธาริต จะตอบคนเสื้อแดงอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า มันต้องปรับความเข้าใจกันให้ได้ เราเป็นรัฐบาลจะเอาอะไร 100 % เลยก็ไม่ได้ ถ้าไม่ได้อะไรบ้างเลยก็ทำงานลำบาก ต้องมีได้มีเสีย
ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่า ถ้านายธาริต ปรับท่าทีบทบาทในการทำงานสนองนโยบายรัฐบาลก็การันตีเก้าอี้ได้ว่าจะไม่ถูกโยกย้าย รองนายกฯ กล่าวว่าอย่าให้ตนพูดเลย เพราะไม่ได้มีอำนาจหน้าที่โดยตรง และยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ซึ่งเป็นรุ่นพี่ตน
ร.ต.อ.เฉลิม ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงการถวายฎีกาขออภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า จะเล่าให้ฟัง งานนี้มีคนปล่อยข่าว รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย และเรื่องของเรื่องในรัฐบาลชุดที่แล้ว สำนักพระราชวังถามมาว่ามีความเป็นมาอย่างไร ก็ควรทำไว้ตั้งแต่ต้น ไม่ควรเก็บเอามาดองไว้ แล้วมาตรวจสอบรายชื่อที่เข้าชื่อร่วมยื่นถวายฎีกา พอบอกว่าของจริง 2 ล้าน กลับผิดพลาดบอก 1.6 ล้าน และยังมีหมายเหตุว่า เมื่อกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบเสร็จแล้วต้องส่งไปให้กรมการปกครองตรวจสอบอีก
“พรรคประชาธิปัตย์ น่ะเพลาๆ หน่อยเถอะ ทำอะไรไว้ใครๆ ก็รู้”
เมื่อถามว่า ท่านคิดว่ามีขบวนการปล่อยข่าวเป็นการทำของฝ่ายตรงข้าม หรือฝ่ายข้าราชการประจำ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เขาร่วมกัน เขาพวกกัน เมื่อถามว่า แล้วจะมีแรงกระเพื่อมอะไรแถวกรมราชทัณฑ์อีกหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง เพียงกำกับเท่านั้นเอง แต่อธิบดีกรมราชทัณฑ์ค่อนข้างขยันนอกหน้าที่