xs
xsm
sm
md
lg

ประชาธิปไตย ยุคแดงครองเมือง

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


คำพังเพยที่ว่า “น้ำขึ้นให้รีบตัก” น่าจะสอดคล้องเหมาะเจาะกับอาการเร่งรีบเร่งร้อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในแทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการแจกจ่ายตำแหน่งทางการเมืองเป็นบำเหน็จรางวัลแก่คนเสื้อแดงอย่างหนำอกหนำใจ ทั้งตำแหน่ง ผู้ช่วยรัฐมนตรี, เลขานุการรัฐมนตรี, ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี, ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ตลอดจนโฆษก และรองโฆษกรัฐบาล แทบจะเรียกได้ว่า เป็นรัฐบาลของคนเสื้อแดง โดยคนเสื้อแดง และเพื่อคนเสื้อแดงอย่างแท้จริง

ยุทธวิธีสองขาที่เคยตั้งใจจะแยกกันเดินร่วมกันตี ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนเสื้อแดง ถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงเนื้อเดียวกันอย่างแยกไม่ออกแล้ว

การวางตำแหน่งให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นรองนายกฯ ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนายกฯ และรับบทหัวหมู่ทะลวงฟัน คอยตอบโต้ทุกเม็ดกับฝ่ายค้านและสื่อมวลชนที่ถามคำถามแสลงหูนายกรัฐมนตรี รวมทั้งการรับหน้าที่ตอบกระทู้สดกระทู้แห้งในสภาแทนนายกฯ ปู ผู้อ่อนด้อยพรรษาทางการเมืองนั้น ยังไม่แน่ว่าจะเป็นการวางคนได้ถูกกับงาน หรือเป็นการวางสายล่อฟ้าที่รอวันฟ้าผ่า ก็คงต้องติดตามกันต่อไป

แล้วหัวหมู่ทะลวงฟันก็ไม่รีรอที่จะเริ่มงานแรกที่รับอาสามาจากนายใหญ่นายหญิง ด้วยการทั้งบีบทั้งเค้นให้ พล.ต.อ วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี หลุดพ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.เพื่อยกตำแหน่งประเคนให้แก่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายสุดเลิฟของคุณหญิงพจมาน ผู้มีบารมีตัวจริงเหนืออื่นใดในพรรคเพื่อไทย

การย้าย ผบ.ตร.ไปดำรงตำแหน่ง เลขาธิการ สมช.ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือ ได้ตำแหน่ง ผบ.ตร และได้ขจัด นายถวิล เปลี่ยนศรี ให้พ้นไปจาก สมช.ด้วย เพราะเป็น เลขานุการ ศอฉ.ในช่วงที่กระชับพื้นที่สลายม็อบเสื้อแดง ที่อยู่ในลำดับต้นๆ ที่คนเสื้อแดงหมายตาเขี่ยออกไปให้พ้นทาง

นอกจากจะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ร.ต.อ เฉลิม อยู่บำรุง ยังได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ ให้บริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกระทรวงยุติธรรม กระทรวงแรงงาน สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมประชาสัมพันธ์ และสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคด้วย

งานแก้ไขไม่แก้แค้น ในลำดับถัดไปก็คงไม่พ้นกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม คาดว่า ทักษิณ ชินวัตร จะต้องเร่งให้มีการปรับเปลี่ยนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเร็วไวเช่นเดียวกัน เพราะมีคดีทั้งที่เกี่ยวพันกับตัวเขาโดยตรงและคดีที่เกี่ยวกับคนเสื้อแดงกำลังดำเนินการอยู่มากมายหลายคดี

ปัญหาก็คือ การรีบเร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับทักษิณ ชินวัตร โดยตรง แทนที่จะทอดเวลาให้รัฐบาลสร้างผลงานตามนโยบายประชานิยม เพื่อเรียกคะแนนนิยมจากมวลชนที่ไม่ใช่กลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าติดตามและยอมให้โอกาสในการทำงานของรัฐบาลนี้อยู่ หลังจากผิดหวังจากรัฐบาล “ดีแต่พูด และโกงเหมือนกัน” มาสองปีกว่า การเร่งร้อนทะลวงฟัน ในส่วนที่ประชาชนมองไม่เห็นประโยชน์ต่อส่วนรวมโดยตรง รวมทั้งการใช้หัวหมู่ที่ต้นทุนทางสังคมต่ำ อาจกลายเป็นผลลบที่ก่อให้เกิดกระแสความไม่เชื่อถือ และต่อต้านจากประชาชนคนไทยที่มีจำนวนมากกว่า 15 ล้านคน ที่ไม่ได้เลือกพรรคเพื่อไทย

การสะกดคำว่า “นิ่ง” และ “เพียงพอ”ไม่เป็น อย่างที่สื่อมวลชนไทยและเทศ ให้คำนิยามวิพากษ์ ทักษิณ ชินวัตร คือจุดอ่อนที่จะทำลายตัวเอง เหมือนเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทักษิณ ชินวัตร ยังเลือกที่จะใช้ที่จะใช้ฮาร์ดคอร์สายเหยี่ยวเป็นแนวหน้ากล้าตาย และปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงเหิมเกริมใช้กำลังข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงข้ามและสื่อมวลชน ที่ทำหน้าที่อย่างไม่โอนอ่อนผ่อนตาม

นโยบายปรองดองสมานฉันท์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พร้อมด้วยวาทะ “แก้ไข ไม่แก้แค้น” ฟังดูดีและทำท่าจะไปได้ดีในเบื้องต้น แต่พฤติกรรมแข็งกร้าวเหิมเกริมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่นำโดย ธิดา ถาวรเศรษฐ์ ที่ยังปักหลักเหนียวแน่นกับแนวความคิด “ไพร่อำมาตย์” บวกกับการให้ท้าย เข้าข้างอย่างเปิดเผยของรองนายกรัฐมนตรีหัวหมู่ต้นทุนต่ำ ที่คอยแก้ต่าง ตอบโต้แทนคนเสื้อแดงทั้งในและนอกสภาอย่างไม่ลดละลังเล กลับดูเหมือนจะสวนทางกับนโยบายปรองดองอย่างสิ้นเชิง

อะไรต่ออมิอะไรหลังจากชัยชนะของทักษิณ ชินวัตรและคนเสื้อแดงในครั้งนี้ หลายอย่างที่เริ่มต้นทำท่าจะดูดีและไปได้ดี แต่ก็กลับเหมือนขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชาทุกทีไป อาทิ กระทรวงมหาดไทยที่คนทั้งประเทศเคยเจ็บปวด และรับไม่ได้กับการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปล่อยให้ระบบเนวินปู้ยี่ปู้ยำ ย่ำยีศักดิ์ศรีของสิงห์มหาดไทย จนแทบจะไม่หลงเหลือความเป็นสิงห์ให้เห็นอีกเลย เมื่อรัฐบาลนี้มอบหมายให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ มาเป็นรัฐมนตรี แม้จะเคยเป็นอดีตปลัดกระทรวงต่างตอบแทน 6 เดือน ก่อนเกษียณในยุคทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี แต่อย่างน้อยที่สุดก็เป็นลูกหม้อที่รู้งานรู้การและดูดีกว่าตาแป๊ะหงำเหงือกคนก่อนมากมาย คนไทยและคนมหาดไทยเองก็คงจะรู้สึกใจชื้นและอุ่นใจขึ้นมาบ้าง

แต่พอประกาศแต่งตั้งเลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ที่เป็นฮาร์ดคอร์เสื้อแดง อย่างนายอารี ไกรนรา หัวหน้าการ์ด นปช. และนายยศวริศ ชูกล่อม (เจ๋ง ดอกจิก) ผู้ต้องหาคดีล่วงละเมิดสถาบัน ก็ทำให้คนไทยและคนมหาดไทย ตกตะลึงขนลุกขนชันไปตามๆ กัน และเดาไม่ออกว่า กระทรวงบำบัดทุกข์บำรุงสุขนี้ จะเป็นองค์กรสนับสนุนการปรองดองสมานฉันท์ในรูปแบบและวิธีการอย่างใด

และลำไม้ไผ่ที่กลายเป็นบ้องกัญชานี้ ยังหมายรวมไปถึงงานตามนโยบายที่รัฐบาลนี้แถลงต่อรัฐสภา ไม่ว่าจะเป็นการกระชากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยการงดเก็บเงินเข้ากองทุนรวมน้ำมันเบนซินที่ยังสับสนอลหม่านไม่รู้จะลงเอยลงตัวอย่างไร นโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่กำลังเฉไฉจากค่าแรงงานขั้นต่ำเป็นรายได้ขั้นต่ำ และเงินเดือน 15,000 บาทสำหรับวุฒิปริญญาตรี ที่มีรายละเอียดขั้นตอนต้องปรับแก้อีกมากมาย ซึ่งยังไม่รู้จะแถไปทางใด รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาปากท้อง การเยียวยาภัยพิบัติ ตลอดจนโครงการเมกะโปรเจกต์ด้านการคมนาคม และการแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำต่างๆ อย่างเป็นระบบ ฯลฯ

ซึ่งคนไทยนอกเหนือจาก 15 ล้านคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย ชักจะเริ่มไม่แน่ใจ ในศักยภาพภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีหญิงโคลนนิ่งของทักษิณ ชินวัตรท่านนี้แล้ว หากเธอยังต้องอาศัยหัวหมู่ต้นทุนทางสังคมต่ำเป็นพี่เลี้ยง แก้ต่างแทนทุกประเด็นคำถาม ทั้งจากฝ่ายค้านในรัฐสภา และจากสื่อมวลชนนอกสภา

โดยนายกรัฐมนตรีหญิงยังตอบคำถามได้แค่ “ขอโอกาสทำงานก่อนค่ะ, เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับหน่วยงานเสนอมาค่ะ, คณะกรรมการกำลังพิจารณาอยู่ค่ะ, เรื่องนี้มอบให้ท่านรองฯ เฉลิม ไปพิจารณาดำเนินการค่ะ”

ความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าของประชาชนคนไทย และขีดความอดทนที่มีต่อนักการเมืองไทย คงจะมีขีดจำกัดอยู่ และอาจพร้อมจะระเบิดขึ้นในวันใดวันหนึ่ง หากนักการเมืองไทยยังคิดจะทำอะไรก็ได้ข้ามหัว และดูถูกดูแคลนหัวจิตหัวใจของคนไทยจนเกินไป
กำลังโหลดความคิดเห็น