ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากยังจำกันได้เสียงตะโกนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ประกาศปาวๆ หาเสียงก่อนการเลือกตั้งชัดเจนว่านโยบายด้านพลังงานเรื่องแรกคือจะลดราคาน้ำมันดีเซล เบนซิน 91 เบนซิน 95 ลงมาลิตรละ 3-8บาทด้วยการลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง
ณ บัดนี้ สัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนดังกล่าว เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลก็เลยต้อง “แก้บน” ทำตามที่หาเสียงไว้ด้วยการลดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 3 ชนิดเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากถูกทวงถามครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เมื่อไหร่จะได้เห็นเป็นรูปธรรมหรือเป็นเพียงแค่คำหลอกลวงเพื่อหวังผลเพียงแค่คะแนนเสียง
โดยที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)วันที่ 26 สิงหาคม 2554 ได้พิจารณาลดอัตราเก็บเงินกองทุนน้ำมันดีเซล เบนซิน 95 และเบนซิน 91 ลงมาจากปัจจุบันที่เก็บอยู่ 7.50 บาทต่อลิตร 6.70 บาทต่อลิตรและ 2.80 บาทต่อลิตรและให้มีผลทันทีวันที่ 27 สิงหาคม 54
ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันในเขตกทม.และปริมณฑลเมื่อรวมกับภาษีมูลค่าเพิ่ม(Vat)ปรับลดลงดังนี้ เบนซิน 95 ลดลง 8.02 บาทต่อลิตรจากราคา 47.34 บาทต่อลิตร เป็น 39.32 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ปรับลด 7.17 บาทต่อลิตรจาก 41.94 บาทต่อลิตรเหลือ 34.77 บาทต่อลิตร และดีเซล 3 บาทต่อลิตรจาก 29.99 บาทต่อลิตรเหลือ 26.99 บาทต่อลิตร
ผลพวงจากนโยบายดังกล่าวทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในวงการค้าน้ำมันและนักวิชาการเพราะมาตรการดังกล่าวเท่ากับไม่ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ที่มีวัตถุดิบหลักเป็นเอทานอลมาผสม ซึ่งผลผลิตเอทานอลก็ได้มาจากพืชสำคัญคือน้ำตาลและมันสำปะหลัง โดยรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่วางแผนระยะยาวที่จะมุ่งไปสู่พลังงานทดแทนทั้งสิ้น เฉกเช่นเดียวกับประเทศที่พัฒนาแล้ว
แน่นอนว่าเมื่อลดราคาเบนซินลงมาต่ำ แล้วนำไปเปรียบเทียบระหว่างเบนซิน 91 กับแก๊สโซฮอล์ 91 จากราคาที่เคยต่างกันถึง 7.40 บาทต่อลิตรเหลือต่างกันเพียง 70 สตางค์ต่อลิตรย่อมส่งผลให้คนที่เคยเติมแก๊สโซฮอล์เพราะถูกกว่าหันมาเติมเบนซิน 91แทนเพราะส่วนต่างดังกล่าว ยิ่งถ้าหากนำมาชั่งน้ำมันกับความสูญเสียที่แก๊สโซออล์จะระเหยง่าย รวมถึงความสึกหรอของเครื่องยนต์ ก็คงไม่แปลกใจนักที่เกิดปรากฏการณ์คนแห่ไปเติมเบนซิน 91 ยาวเหยียดถึงขนาดบางสถานีบริการน้ำมันมีน้ำมันไม่เพียงพอจนต้องปิดให้บริการ เนื่องเพราะราคาแทบจะเท่ากันหรือแพงกว่าด้วยซ้ำไป
ทั้งนี้ ผู้ค้าน้ำมันที่ขายแก๊สโซฮอล์เป็นหลักดูจะมึนตึบกับนโยบายนี้มากสุดรวมไปถึงผู้ผลิตเอทานอลที่ต้องออกมาส่งสัญญาณให้รัฐบาลช่วยทบทวนนโยบายใหม่โดยทำอย่างไรก็ได้ที่จะไม่สร้างความสับสนในตลาดน้ำมัน ซึ่งระยะแรกๆ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเสียงหนักแน่นว่าจะไม่ไปแตะอะไรกับแก๊สโซฮอล์เพราะเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรโดยทุกอย่างที่ทำไปก็ล้วนแต่เกิดจากนโยบายพรรคที่ต้องทำให้เป็นจริง
แต่ด้วยแรงกดดันจากหลายๆ ฝ่าย ในที่สุดรัฐบาลก็ต้องถอยออกมาก้าวหนึ่งโดยการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงพลังงานไปหามาตรการดูแลด่วน โดยวันเดียวกันนายพิชัยก็ต้องเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)และมีมติเห็นชอบควักเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกเดือนละ 464 ล้านบาทเพื่อมาถ่างส่วนต่างราคาแก๊สโซฮอล์ให้จูงใจการใช้ขึ้น
กล่าวคือมติ กบง.เห็นชอบลดอัตราการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแก๊สโซฮอล์ 95 ลง 1 บาทต่อลิตรเหลือเก็บ 1.40 บาทต่อลิตร อุดหนุนแก๊สโซฮอล์ 91 เพิ่ม 1.50 บาทต่อลิตรจากที่เดิมเก็บอยู่ 10สตางค์ต่อลิตรเป็นชดเชยเพิ่ม 1.40 บาทต่อลิตรและอุดหนุนแก๊สโซฮอล์อี 20 อีก 1.50 บาทต่อลิตรจากที่อุดหนุนอยู่ 1.30 บาทต่อลิตรเป็นอุดหนุนรวม 2.80 บาทต่อลิตร
ผลพวงดังกล่าวทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันแก๊สโซฮอล์ของปตท.และบางจากรวมภาษีแล้วลดราคาลง 1.07-1.60 บาทต่อลิตรมีผลทันทีตั้งแต่ 31ส.ค.นโยบายครั้งนี้ ทำให้ราคาแก๊สโซฮอล์ 95 กับเบนซิน 91 เท่ากัน เทียบกับเบนซิน 91 แก๊สโซฮอล์ 91 ก็จะถูกกว่า 3.04 บาทต่อลิตร อี 20 ก็จะถูกกว่า 4.54 บาทต่อลิตรและอี 85 จะถูกกว่า 14.05 บาทต่อลิตร
มาตรการทั้งหมดแม้จะไหวตัวได้เร็ว แต่ก็สร้างความสับสนอลหม่านให้กับตลาดน้ำมันอยู่ไม่น้อยทั้งที่จริงรัฐบาลไม่เห็นจะต้องทำอะไรให้มันยุ่งยากเช่นนี้ เพียงแค่การบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงครั้งเดียวและดูแลส่วนต่างแก๊สโซฮอล์ไปด้วยตั้งแต่แรกทุกอย่างก็จบ แต่รัฐกลับเลือกทำทีละครั้งหรือนี่เป็นกรณีของ” คนคิดไม่ได้ทำคนทำก็ไม่ได้คิด”ซึ่งงานนี้คงจะต้องย้อนไปถามทีมเศรษฐกิจเพื่อไทยล่ะว่านโยบายนี้ใครต้นคิดเพราะได้ยินมาตั้งแต่หาเสียงแล้วก็ยังว่ามันแปลกๆ ไม่คิดว่าพรรคนี้จะพูดจริงทำจริง
แต่ที่แน่ๆ ผลจากราคาน้ำมันลดนั้นมีผลให้ค่าเรือ ค่ารถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ปรับลดราคาลงมามีผล 1 ก.ย.ก็ถือว่าเป็นข่าวดีแต่การบีบลดราคาสินค้าดูจะไม่เป็นผลเพราะเอกชนยืนยันว่าที่ผ่านมาต้นทุนขึ้นทุกอย่างขึ้นหมดน้ำมันลดส่งผลแค่เล็กน้อย
งานนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปแต่ที่อดสงสัยไม่ได้เวลานี้เศรษฐกิจไทยย่ำแย่ขนาดกับต้องลดแลก แจกแถม กระตุ้นเศรษฐกิจกันไม่ลืมหูลืมตาเช่นนี้จริงๆ หรือ