ASTVผู้จัดการรายวัน – “ทีอาร์เอสซี” ชี้ตลาดทำเลสิกในไทยรุ่ง เหตุคนยังทำน้อย ขณะที่อเมริกามีราคาแพง เศรษฐกิจไม่ดี ไทยเลยรับอานิสงส์ มั่นใจชูเทคโนโลยีเดินหน้าลุย
นายสุชาติ เห็นสว่าง กรรมการผู้จัดการ ทีอาร์เอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล เลสิก เซ็นเตอร์ หรือ TRSC เปิดเผยว่า ตลาดการทำเลสิกในเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากจำนวนประชากรคนไทยมากกว่า 2 ล้านคนที่มีปัญหาด้านสายตาและจำเป็นต้องทำเลสิก เพราะปัจจุบันคนไทยมีปัญหาทางด้านสายตามากขึ้น เพราะปัจจัยหนึ่งมาจากการใช้เทคโนโลยีเช่น คอมพิวเตอร์มากขึ้น ขณะที่ที่ผ่านมาประเมินว่า มีเพียง 200,000 คนเท่านั้นที่ได้ทำเลสิกไปแล้ว
ขณะที่ประเทศไทยเองก็มีชื่อเสียงในด้านการทำเลสิกซึ่งคนต่างประเทศเดินทางมาทำที่เมืองไทยมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยที่ราคาค่าบริการของเมืองไทยก็ต่ำกว่าที่อื่น โดยยเฉพาะที่อเมริกาที่มีราคาแพงมาก ประกอบกับขณะนี้เศรษฐกิจอเมริกาก็ไม่ค่อยดี ตลาดส่วนใหญ่เลยมาที่เมืองไทยกันหมด จึงมีแนวโน้มว่าการทำเลสิกในไทยจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
หากมองถึงตลาดในประเทศอเมริกาแล้วจะพบว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยประเมินกันว่ามีผู้ที่ทำเลสิกแล้วมากกว่า 6 ล้านคนในช่วงที่ผ่านมา จากประชากรที่มีความจำเป็นที่ต้องทำเลสิกมากกว่า 20 ล้านคน
อย่างไรก็ตามอุปสรรคสำคัญที่ยังทำให้ตลาดเลสิกไม่กว้างมากนักทั้งที่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เนื่องมาจากสาเหตุหลัก 2 ประการคือ 1. ความกลัวของผู้ที่จะมาทำเลสิก 2. คิดว่าราคาแพง ซึ่งตรงนี้เราต้องพยายามทำความเข้าใจและสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความมั่นใจและชัดเจนว่า เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว และการทำเลสิกก็ได้รับการยอมรับอย่างดี
ส่วนราคานั้นก็มีหลายระดับแล้วแต่ ถ้าหากเป็นการใช้เลเซอร์ในการเปิดตาก็จะมีประมาณ 100,000 กว่าบาทต่อ 2 ดวงตา ซึ่งให้ความแม่นยำมาก ส่วนหากใช้ใบมีดในการเปิดตาราคาประมาณ 80,000 บาทต่อ 2 ดวงตา ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้เลเซอร์อยู่ที่ 40% ส่วนการใช้มีดอยู่ที่ 60%
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านการทำเลสิกในไทยนั้นมี 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ 1.กลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นสถานประกอบการแบบเอกเทศหรือสแตนด์อโลน 2.กลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในโรงพยาบาลเอง ซึ่งส่วนใหญ่มีไม่กี่รายและเป็นของคนไทยเอง เนื่องจากว่าเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงมาก และต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้วย โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี
สำหรับแผนการุกตลาดของทีอาร์เอสซีซึ่งดำเนินกิจการมานานกว่า 14 ปีแล้วนั้น จะรุกตลาดต่อเนื่องในฐานะผู้นำตลาดเพื่อสร้างการเติบโตของตลาดรวม ทั้งในและต่างประเทศควบคู่กันไป
กลยุทธ์หลักของเรา คือ เรื่องของคุณภาพในการทำเลสิก ทีมผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเทคโนลีใหม่ๆที่เรานำมาใช้ ซึ่งล่าสุดเพิ่งลงทุนไปมากกว่า 60 ล้านบาท เพื่อยกระดับอุปกรณ์ที่ใช้ทำเลสิกไปแล้ว ประกอบกับการบอกต่อปากตอปากของลูกค้าที่มาใช้บริการของเรา ซึ่งมากกว่า 70% มาจากการบอกต่อกัน เพราะลูกค้ามั่นใจใจในสิ่งที่เรำให้กับเขา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าไว้ที่ระดับ 92% เพิ่มจากปีที่แล้วที่สูงถึง 90%
โดยตลาดคนต่างชาตินั้น ทีอาร์เอสซีมีตัวแทนต่างประเทศที่เกี่ยวกับเมดิคัลเฮลธ์กว่า 10 ราย ที่เป็นเครือข่ายในการส่งต่อผู้ที่ต้องการทำเลสิกมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนคนต่างชาติที่มาใช้บริการทีอาร์เอสซีแบ่งเป็น ยุโรปและอเมริกา 60% (โดยมีอเมริกามากที่สุด) และ เอเซีย 40% (โดยมีคนญี่ปุ่นมากที่สุด) แต่เวลานี้สัดส่วนเอเซียกับยุโรปใกล้เคียงกันแล้ว
ปัจจุบันทีอาร์เอสซีมีฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรวมกว่า 20,000 คนแล้ว แบ่งเป็นสัดส่วนเป็นคนไทย 801% คนต่างชาติ20%
นายสุชาติ เห็นสว่าง กรรมการผู้จัดการ ทีอาร์เอสซี อินเตอร์เนชั่นแนล เลสิก เซ็นเตอร์ หรือ TRSC เปิดเผยว่า ตลาดการทำเลสิกในเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากจำนวนประชากรคนไทยมากกว่า 2 ล้านคนที่มีปัญหาด้านสายตาและจำเป็นต้องทำเลสิก เพราะปัจจุบันคนไทยมีปัญหาทางด้านสายตามากขึ้น เพราะปัจจัยหนึ่งมาจากการใช้เทคโนโลยีเช่น คอมพิวเตอร์มากขึ้น ขณะที่ที่ผ่านมาประเมินว่า มีเพียง 200,000 คนเท่านั้นที่ได้ทำเลสิกไปแล้ว
ขณะที่ประเทศไทยเองก็มีชื่อเสียงในด้านการทำเลสิกซึ่งคนต่างประเทศเดินทางมาทำที่เมืองไทยมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยที่ราคาค่าบริการของเมืองไทยก็ต่ำกว่าที่อื่น โดยยเฉพาะที่อเมริกาที่มีราคาแพงมาก ประกอบกับขณะนี้เศรษฐกิจอเมริกาก็ไม่ค่อยดี ตลาดส่วนใหญ่เลยมาที่เมืองไทยกันหมด จึงมีแนวโน้มว่าการทำเลสิกในไทยจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
หากมองถึงตลาดในประเทศอเมริกาแล้วจะพบว่าเป็นตลาดที่ใหญ่มาก โดยประเมินกันว่ามีผู้ที่ทำเลสิกแล้วมากกว่า 6 ล้านคนในช่วงที่ผ่านมา จากประชากรที่มีความจำเป็นที่ต้องทำเลสิกมากกว่า 20 ล้านคน
อย่างไรก็ตามอุปสรรคสำคัญที่ยังทำให้ตลาดเลสิกไม่กว้างมากนักทั้งที่เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เนื่องมาจากสาเหตุหลัก 2 ประการคือ 1. ความกลัวของผู้ที่จะมาทำเลสิก 2. คิดว่าราคาแพง ซึ่งตรงนี้เราต้องพยายามทำความเข้าใจและสื่อสารกับผู้บริโภคเพื่อให้เกิดความมั่นใจและชัดเจนว่า เทคโนโลยีสมัยนี้ก้าวหน้าไปมากแล้ว และการทำเลสิกก็ได้รับการยอมรับอย่างดี
ส่วนราคานั้นก็มีหลายระดับแล้วแต่ ถ้าหากเป็นการใช้เลเซอร์ในการเปิดตาก็จะมีประมาณ 100,000 กว่าบาทต่อ 2 ดวงตา ซึ่งให้ความแม่นยำมาก ส่วนหากใช้ใบมีดในการเปิดตาราคาประมาณ 80,000 บาทต่อ 2 ดวงตา ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนการใช้เลเซอร์อยู่ที่ 40% ส่วนการใช้มีดอยู่ที่ 60%
ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านการทำเลสิกในไทยนั้นมี 2 กลุ่มใหญ่ๆคือ 1.กลุ่มผู้ประกอบการที่เป็นสถานประกอบการแบบเอกเทศหรือสแตนด์อโลน 2.กลุ่มผู้ประกอบการที่อยู่ในโรงพยาบาลเอง ซึ่งส่วนใหญ่มีไม่กี่รายและเป็นของคนไทยเอง เนื่องจากว่าเป็นธุรกิจที่ต้องลงทุนสูงมาก และต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้วย โดยคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี
สำหรับแผนการุกตลาดของทีอาร์เอสซีซึ่งดำเนินกิจการมานานกว่า 14 ปีแล้วนั้น จะรุกตลาดต่อเนื่องในฐานะผู้นำตลาดเพื่อสร้างการเติบโตของตลาดรวม ทั้งในและต่างประเทศควบคู่กันไป
กลยุทธ์หลักของเรา คือ เรื่องของคุณภาพในการทำเลสิก ทีมผู้เชี่ยวชาญ รวมทั้งเทคโนลีใหม่ๆที่เรานำมาใช้ ซึ่งล่าสุดเพิ่งลงทุนไปมากกว่า 60 ล้านบาท เพื่อยกระดับอุปกรณ์ที่ใช้ทำเลสิกไปแล้ว ประกอบกับการบอกต่อปากตอปากของลูกค้าที่มาใช้บริการของเรา ซึ่งมากกว่า 70% มาจากการบอกต่อกัน เพราะลูกค้ามั่นใจใจในสิ่งที่เรำให้กับเขา ซึ่งปีนี้เราตั้งเป้าหมายความพึงพอใจของลูกค้าไว้ที่ระดับ 92% เพิ่มจากปีที่แล้วที่สูงถึง 90%
โดยตลาดคนต่างชาตินั้น ทีอาร์เอสซีมีตัวแทนต่างประเทศที่เกี่ยวกับเมดิคัลเฮลธ์กว่า 10 ราย ที่เป็นเครือข่ายในการส่งต่อผู้ที่ต้องการทำเลสิกมาให้ ซึ่งที่ผ่านมาสัดส่วนคนต่างชาติที่มาใช้บริการทีอาร์เอสซีแบ่งเป็น ยุโรปและอเมริกา 60% (โดยมีอเมริกามากที่สุด) และ เอเซีย 40% (โดยมีคนญี่ปุ่นมากที่สุด) แต่เวลานี้สัดส่วนเอเซียกับยุโรปใกล้เคียงกันแล้ว
ปัจจุบันทีอาร์เอสซีมีฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการรวมกว่า 20,000 คนแล้ว แบ่งเป็นสัดส่วนเป็นคนไทย 801% คนต่างชาติ20%