ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีระเบียบวินัย คนญี่ปุ่นเคารพกฎกติกามากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก เผลอๆ อาจเป็นอันดับหนึ่งของโลกเลยด้วยซ้ำ
เห็นได้จากเมื่อเร็วๆ นี้กับการที่คนญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภัยสึนามิ พบว่าในช่วงการเข้าไปเคลียร์พื้นที่ คนญี่ปุ่นจะค้นหาทรัพย์สมบัติแต่ในพื้นที่บ้านของตัวเอง ไม่มีการไปหาในพื้นที่บ้านคนอื่นในลักษณะฉกฉวยโอกาส และแม้จะทุกข์ยากแสนลำบาก แต่ก็ไม่มีการแย่งคิวกันซื้อและรับบริจาคอาหาร สิ่งของช่วยเหลือ ทุกอย่างมีการต่อคิวหมด
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศหนึ่งที่มีข่าวเรื่องนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน มีเรื่องสินบนต่างๆ มากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียเช่นกัน แต่กับเรื่องการเคารพกฎกติกาต่างๆ ผู้คนยังเชื่อว่าญี่ปุ่นไม่เคยละทิ้งในสิ่งนี้
มาวันนี้ ความเชื่อนั้นอาจกำลังมีปัญหากับการที่ญี่ปุ่นประเทศมหาอำนาจในเอเซียและในโลก กำลังจะ ให้ข้อยกเว้นกับ นช.ทักษิณ ชินวัตรผู้หลบหนีคดีจากประเทศไทย
ด้วยการให้ทักษิณเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ในช่วง 25-26 สิงหาคมนี้
ตามคำเชิญของคณะกรรมการการศึกษาของญี่ปุ่นที่ขอให้ทักษิณไปขึ้นเวทีบรรยายนโยบายทางเศรษฐกิจให้นักเศรษฐศาสตร์และนักศึกษาชาวญี่ปุ่นฟัง
ก็แปลก เพราะแทนที่จะเชิญ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ของไทย กลับไปให้ทักษิณไปบรรยาย
หรือคนญี่ปุ่นก็รู้เท่าทันว่า นายกฯ ตัวจริงของไทยไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ แต่คือทักษิณ
ที่บอกว่า การยึดมั่นในกฎกติกาของญี่ปุ่น อาจกำลังมีปัญหาก็เพราะกฎหมายของญี่ปุ่นจะห้ามผู้มีความผิดในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีเข้าประเทศ
ทว่าตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าข่ายนี้แน่นอน เพราะทักษิณโดนศาลฎีกาฯตัดสินจำคุกสองปีในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ และมีการออกหมายจับไล่ล่าจากกระทรวงการต่างประเทศ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมสามปี
แต่ปรากฏว่ากระบวนการเอาทักษิณเข้าญี่ปุ่นไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสำนักข่าวญี่ปุ่นบางสำนักรายงานไว้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถึงการที่ทักษิณจะเข้าญี่ปุ่นว่า เรื่องนี้แม้ดูแล้วทักษิณจะไม่เข้าหลักเกณฑ์
แต่นายฮาจิเมะ อิชิอิ ส.ส.ญี่ปุ่น และรองประธานพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ได้ไปล็อบบี้ “นาโอโตะ คัง” นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เพื่อหารือและโน้มน้าวใจให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้
จะจริงไม่จริงก็ต้องไปตรวจสอบต้นตอข่าวจากสำนักข่าวแห่งนี้ดูกันเอง แต่ดูแล้วน่าจะมีมูลความจริงไม่น้อย
เพราะทางฝั่งไทย ก็มีข่าวว่า สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่ยังไม่ทันจะเดินเท้าเข้ากระทรวง ก็มีข่าวจะตอบสนองนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร กับภารกิจแรกคือ ทำให้ทักษิณ เข้าญี่ปุ่นให้ได้ เพราะหากทำได้ อีกหลายประเทศที่เคยบล็อกไม่ให้ทักษิณ เหยียบก็อาจเปลี่ยนใจยกเลิกบัญชีดำ นช.ทักษิณ ตามหลังมหาอำนาจอย่าง เยอรมัน และญี่ปุ่น
ซึ่งดูแล้ว โอกาสที่ทักษิณจะเข้าญี่ปุ่นน่าจะเป็นไปได้แน่ เพราะก่อนจะถึงนัดหมายการพบกันอย่างเป็นทางการของสุรพงษ์กับ “เซอิจิ โคจิมา” เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ
สุรพงษ์ก็ออกมาเปิดเผยเองว่า ได้พบกับ “เซอิจิ โคจิมา” อย่างไม่เป็นทางการไปแล้วเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
สถานที่ซึ่งทูตญี่ปุ่นคนนี้เคยไปพบยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแสดงความยินดีที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
การพบกันของ รมว.บัวแก้วกับทูตญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ทุกอย่างจึงน่าจะมีการเซตกันไว้ก่อนแล้ว
เพียงแต่การพูดคุยกันแบบการทูตของสองคนนี้จะออกมาอย่างไร ที่ทำให้ทั้งสุรพงษ์ และรัฐบาลญี่ปุ่น ตอบคำถามคนในประเทศตัวเองได้เท่านั้น
เห็นได้จากเมื่อเร็วๆ นี้กับการที่คนญี่ปุ่นต้องเผชิญกับภัยสึนามิ พบว่าในช่วงการเข้าไปเคลียร์พื้นที่ คนญี่ปุ่นจะค้นหาทรัพย์สมบัติแต่ในพื้นที่บ้านของตัวเอง ไม่มีการไปหาในพื้นที่บ้านคนอื่นในลักษณะฉกฉวยโอกาส และแม้จะทุกข์ยากแสนลำบาก แต่ก็ไม่มีการแย่งคิวกันซื้อและรับบริจาคอาหาร สิ่งของช่วยเหลือ ทุกอย่างมีการต่อคิวหมด
แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศหนึ่งที่มีข่าวเรื่องนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชัน มีเรื่องสินบนต่างๆ มากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชียเช่นกัน แต่กับเรื่องการเคารพกฎกติกาต่างๆ ผู้คนยังเชื่อว่าญี่ปุ่นไม่เคยละทิ้งในสิ่งนี้
มาวันนี้ ความเชื่อนั้นอาจกำลังมีปัญหากับการที่ญี่ปุ่นประเทศมหาอำนาจในเอเซียและในโลก กำลังจะ ให้ข้อยกเว้นกับ นช.ทักษิณ ชินวัตรผู้หลบหนีคดีจากประเทศไทย
ด้วยการให้ทักษิณเดินทางเข้าญี่ปุ่นได้ในช่วง 25-26 สิงหาคมนี้
ตามคำเชิญของคณะกรรมการการศึกษาของญี่ปุ่นที่ขอให้ทักษิณไปขึ้นเวทีบรรยายนโยบายทางเศรษฐกิจให้นักเศรษฐศาสตร์และนักศึกษาชาวญี่ปุ่นฟัง
ก็แปลก เพราะแทนที่จะเชิญ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ ของไทย กลับไปให้ทักษิณไปบรรยาย
หรือคนญี่ปุ่นก็รู้เท่าทันว่า นายกฯ ตัวจริงของไทยไม่ใช่ยิ่งลักษณ์ แต่คือทักษิณ
ที่บอกว่า การยึดมั่นในกฎกติกาของญี่ปุ่น อาจกำลังมีปัญหาก็เพราะกฎหมายของญี่ปุ่นจะห้ามผู้มีความผิดในคดีอาญาที่มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีเข้าประเทศ
ทว่าตัว นช.ทักษิณ ชินวัตร เข้าข่ายนี้แน่นอน เพราะทักษิณโดนศาลฎีกาฯตัดสินจำคุกสองปีในคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินรัชดาฯ และมีการออกหมายจับไล่ล่าจากกระทรวงการต่างประเทศ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ-สำนักงานอัยการสูงสุด มาร่วมสามปี
แต่ปรากฏว่ากระบวนการเอาทักษิณเข้าญี่ปุ่นไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะสำนักข่าวญี่ปุ่นบางสำนักรายงานไว้ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาถึงการที่ทักษิณจะเข้าญี่ปุ่นว่า เรื่องนี้แม้ดูแล้วทักษิณจะไม่เข้าหลักเกณฑ์
แต่นายฮาจิเมะ อิชิอิ ส.ส.ญี่ปุ่น และรองประธานพรรคประชาธิปไตยญี่ปุ่น (ดีพีเจ) ได้ไปล็อบบี้ “นาโอโตะ คัง” นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เพื่อหารือและโน้มน้าวใจให้รัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้
จะจริงไม่จริงก็ต้องไปตรวจสอบต้นตอข่าวจากสำนักข่าวแห่งนี้ดูกันเอง แต่ดูแล้วน่าจะมีมูลความจริงไม่น้อย
เพราะทางฝั่งไทย ก็มีข่าวว่า สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่ยังไม่ทันจะเดินเท้าเข้ากระทรวง ก็มีข่าวจะตอบสนองนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร กับภารกิจแรกคือ ทำให้ทักษิณ เข้าญี่ปุ่นให้ได้ เพราะหากทำได้ อีกหลายประเทศที่เคยบล็อกไม่ให้ทักษิณ เหยียบก็อาจเปลี่ยนใจยกเลิกบัญชีดำ นช.ทักษิณ ตามหลังมหาอำนาจอย่าง เยอรมัน และญี่ปุ่น
ซึ่งดูแล้ว โอกาสที่ทักษิณจะเข้าญี่ปุ่นน่าจะเป็นไปได้แน่ เพราะก่อนจะถึงนัดหมายการพบกันอย่างเป็นทางการของสุรพงษ์กับ “เซอิจิ โคจิมา” เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในวันที่ 18 สิงหาคมนี้ ที่กระทรวงการต่างประเทศ
สุรพงษ์ก็ออกมาเปิดเผยเองว่า ได้พบกับ “เซอิจิ โคจิมา” อย่างไม่เป็นทางการไปแล้วเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
สถานที่ซึ่งทูตญี่ปุ่นคนนี้เคยไปพบยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแสดงความยินดีที่ชนะการเลือกตั้งมาแล้วเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
การพบกันของ รมว.บัวแก้วกับทูตญี่ปุ่นในสัปดาห์นี้ ทุกอย่างจึงน่าจะมีการเซตกันไว้ก่อนแล้ว
เพียงแต่การพูดคุยกันแบบการทูตของสองคนนี้จะออกมาอย่างไร ที่ทำให้ทั้งสุรพงษ์ และรัฐบาลญี่ปุ่น ตอบคำถามคนในประเทศตัวเองได้เท่านั้น