ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงเมืองไทยอันเป็นที่รักยิ่ง ทำให้ผมต้องเสี่ยงเขียนบทความนี้ขึ้นมา ทั้งที่รู้ดีว่าอาจจะเป็นที่ระคายเคืองต่อบุคคลผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ซึ่งอาจเป็นโทษต่อตนเอง
แต่คนเราต่างเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ตามสถานะและระดับวิวัฒนาการแห่งตน ดังนั้นก็ต้องตะบันทำมันไปให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นที่ถูกใจหรือผิดใจใครผู้ใด ตราบที่เราคิดออกว่า “มันใช่” ตามระดับภูมิปัญญา (และอารมณ์) ของเรา อีกทั้งเห็นว่ามันน่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ท่านใดเป็นนายกฯ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไป ส่วนผมเป็นนักคิดนักเขียน ผมก็ต้องคิดเขียนไป ด้วยจิตบริสุทธิ์ อย่างตรงไปตรงมา ตามเท่าที่คิดออก
ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่และ “ตรงไปตรงมา” เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอย่างสมดุล ผมเชื่อว่าปัญหาในโลกนี้จะไม่มีเหลือ
อันตรายอันใหญ่หลวงของประเทศประการหนึ่งคือ..การที่นายกฯ ไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งในกิจการด้านต่างๆ ของประเทศและโลกเพียงพอ ทำให้ขาดความมั่นใจในการทำงาน ก็เลยต้องฟังการแนะนำจากคนรอบข้าง และคน “ข้างบน”
ถ้าคนรอบข้างและข้างบนเป็นผู้ดี มีความรู้ ความรักชาติอย่างบริสุทธิ์ก็คงดี แต่ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนี้เรารู้กันดีอยู่ว่า “ผลประโยชน์” แห่งตนเป็นใหญ่กว่าผลประโยชน์ชาติเสมอ ดังนั้นโอกาสนี้จึงเป็นโอกาสดียิ่งที่พวกเขาจะ “รุมให้คำแนะนำ” เพื่อยังประโยชน์ของพวกเขาให้เรืองรุ่ง ซึ่งหมายความว่าประโยชน์ของชาติจะรุ่งริ่ง
โอกาสนี้ขอบังอาจเตือนท่านนายกฯ ว่า หน้าที่สำคัญที่สุดของนายกฯ ก็คือ..การพิทักษ์ประโยชน์ของชาตินี่เอง
ขอบังอาจเตือนท่านนายกฯ ต่อไปว่า ก่อนจะทำ..จะจรดปากกาลงนามเอกสารอะไรที่มีข้อผูกมัดประเทศชาตินั้น ถ้าไม่รู้จริงอย่างกระจ่างแจ้ง จงอย่า “วางฟอร์ม” ทำเป็นว่ารู้ และจงอย่า “กล้า” ลงนามเป็นอันขาด เพราะมันอาจมีผลระยะยาวที่คาดไม่ถึงซึ่งจะทำร้ายประเทศไทยของท่านไปอีกนาน
ถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะกลายเป็นบาปสะสมถมทับให้ตัวท่านไปเรื่อย อีกทั้งประวัติศาสตร์ยังจะจารึกไว้ไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งท่านนายกฯ คงไม่อยากให้สิ่งที่ว่านี้เกิดขึ้นแก่ท่านเป็นแน่
นายกฯ เป็นตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ที่สุด และ “หนัก” ที่สุดในประเทศ ดังนั้น การกระทำสิ่งใดของนายกฯ ถือเป็น “กรรม” ที่หนักมากที่สุด ถ้าทำดีก็เป็นกรรมดีที่หนักที่สุด แต่ถ้าทำชั่วก็เป็นกรรมชั่วที่หนักที่สุดด้วย
การเป็นนายกฯ แล้วทำผิดจนทำความเสียหายให้ชาติในระยะยาว แล้วมาอ้างว่า ข้าพเจ้าไม่รู้ เลยทำไปด้วย เจตนาบริสุทธิ์ จึงถือเป็นการ “บกพร่องโดยสุจริต” นั้น มันฟังไม่ขึ้น ก็คงต้องตกนรกชั้นที่หนัก (ลึก) ที่สุด เป็นแน่
เหมือนไพร่ทั้งหลายที่อ้างว่าเป็นเพียงไพร่จึงไม่รู้ว่าการเผาเมืองผิดกฎหมายก็ย่อมฟังไม่ขึ้น ต้องตกนรกดุจเดียวกัน แต่ไพร่เหล่านั้นตำแหน่งไม่หนักเท่านายกฯ ก็คงตกนรกขุมที่เบากว่า
ถ้าท่านนายกฯ ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรดี ..ขอเสนอว่าให้เอามาออกรายการ “นายกฯ ถามประชาชน” ดีไหม โดยแถลงไปเลยว่าประเด็นนี้ ดิฉันไม่มีความรู้จริงๆ ค่ะ ..(ไม่ต้องอาย) แล้วเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปเสนอความเห็นได้ เหมือนดังที่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ท่านทำไว้นานแล้ว
ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ได้เปิดเว็บไซต์ให้ ปชช.เข้าไปแสดงความเห็นมานานแล้ว เสียแต่ว่าท่านไม่ค่อยออกมาตอบ ทำให้ดูเหมือนว่าเปิดเว็บไว้เฉยๆ แบบนั้นเอง แต่ถ้าท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์เปิดแล้วออกมาตอบด้วยจะดีมากๆ (พี่แม้วไม่แนะนำเรื่องนี้เลยหรือ)
ผมเชื่อว่า รัฐบาลใดที่ครองใจชนชั้นกลางไม่ได้ จะไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน ...เพราะชนชั้นกลางคือคนที่กุมอำนาจสื่อ พวกเขาเป็นคนมีความรู้ (หลอกไม่ได้เหมือนรากหญ้า) และยังมีอำนาจเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวันนี้พวกเขามีสื่ออิเล็กทรอนิกส์อันหลากหลายที่มีพลังแฝงมหาศาล (ซึ่งพวกรากหญ้ายังเข้าไม่ถึง)
การที่สื่อบางรายยังถือหางรัฐบาลอยู่ในวันนี้เป็นเพราะว่ายังอยู่ในช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่หกเดือนจากนี้ ถ้าท่านนายกฯ ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง ยังมองได้ว่ารับคำสั่งจากคนอื่นมาปฏิบัติ โดยที่คิดเอง พูดเอง ทำเองไม่เป็น ผมรับรองว่าน้ำผึ้งจะขมในไม่นาน ส่วนพวกที่ขมอยู่แล้วก็จะเกิดอาการขื่นต่อไป
จากนั้นพลังจากสื่อทุกฝ่ายจะประสานกันออกแรงกดดันรัฐบาลของท่านนายกฯ จนกลายเป็นกระเทียมโทนขาดสารอาหาร (หัวเดียวกระเทียมลีบ) ในที่สุด
ท้ายนี้ใคร่ขอฝากกลอนไว้ให้ท่านนายกฯ ผู้ซึ่งเป็นห่วงดังน้องสาวสุดที่รัก
ถึงน้องหญิง ยิ่งลักษณ์ ที่รักยิ่ง
จากน้ำใส ใจจริง ที่สมสั่ง
พี่ไม่มี เงินทอง เหมือนน้องนาง
จึงขอคราง ฉะอ้อน ฝากกลอนมา
พี่ขอร้อง น้องอย่า ชะล่าใจ
คิดว่าเงิน ซื้อได้ ทุกอย่างหนา
เสียงคะแนน สอสอ กะบาดกา
นักวิชา สื่อบื้อ พวกถือไมค์
ซื้อกฎหมาย ทนาย ล้วนง่ายมาก
ประวัติศาสตร์ สิยาก ซื้อบ่ได้
มันจารึก เที่ยงตรง จดลงไว้
ชั่วดีร้าย คนรู้ อยู่นิรันดร์
เกิดมาแล้ว ทุกข์แน่ แก่เจ็บตาย
รวยแค่ไหน ไม่อาจ ซื้อสวรรค์
จงละชั่ว ทำดี เถิดชีวัน
ไพร่อำมาตย์ ชนชั้น จะยิ่งรักฯ
แต่คนเราต่างเกิดมาเพื่อทำหน้าที่ตามสถานะและระดับวิวัฒนาการแห่งตน ดังนั้นก็ต้องตะบันทำมันไปให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นที่ถูกใจหรือผิดใจใครผู้ใด ตราบที่เราคิดออกว่า “มันใช่” ตามระดับภูมิปัญญา (และอารมณ์) ของเรา อีกทั้งเห็นว่ามันน่าเป็นประโยชน์ต่อสังคม
ท่านใดเป็นนายกฯ ท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไป ส่วนผมเป็นนักคิดนักเขียน ผมก็ต้องคิดเขียนไป ด้วยจิตบริสุทธิ์ อย่างตรงไปตรงมา ตามเท่าที่คิดออก
ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่และ “ตรงไปตรงมา” เพื่อประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านอย่างสมดุล ผมเชื่อว่าปัญหาในโลกนี้จะไม่มีเหลือ
อันตรายอันใหญ่หลวงของประเทศประการหนึ่งคือ..การที่นายกฯ ไม่มีความรู้อย่างลึกซึ้งในกิจการด้านต่างๆ ของประเทศและโลกเพียงพอ ทำให้ขาดความมั่นใจในการทำงาน ก็เลยต้องฟังการแนะนำจากคนรอบข้าง และคน “ข้างบน”
ถ้าคนรอบข้างและข้างบนเป็นผู้ดี มีความรู้ ความรักชาติอย่างบริสุทธิ์ก็คงดี แต่ส่วนใหญ่แล้วคนพวกนี้เรารู้กันดีอยู่ว่า “ผลประโยชน์” แห่งตนเป็นใหญ่กว่าผลประโยชน์ชาติเสมอ ดังนั้นโอกาสนี้จึงเป็นโอกาสดียิ่งที่พวกเขาจะ “รุมให้คำแนะนำ” เพื่อยังประโยชน์ของพวกเขาให้เรืองรุ่ง ซึ่งหมายความว่าประโยชน์ของชาติจะรุ่งริ่ง
โอกาสนี้ขอบังอาจเตือนท่านนายกฯ ว่า หน้าที่สำคัญที่สุดของนายกฯ ก็คือ..การพิทักษ์ประโยชน์ของชาตินี่เอง
ขอบังอาจเตือนท่านนายกฯ ต่อไปว่า ก่อนจะทำ..จะจรดปากกาลงนามเอกสารอะไรที่มีข้อผูกมัดประเทศชาตินั้น ถ้าไม่รู้จริงอย่างกระจ่างแจ้ง จงอย่า “วางฟอร์ม” ทำเป็นว่ารู้ และจงอย่า “กล้า” ลงนามเป็นอันขาด เพราะมันอาจมีผลระยะยาวที่คาดไม่ถึงซึ่งจะทำร้ายประเทศไทยของท่านไปอีกนาน
ถ้าเป็นเช่นนั้น มันจะกลายเป็นบาปสะสมถมทับให้ตัวท่านไปเรื่อย อีกทั้งประวัติศาสตร์ยังจะจารึกไว้ไปชั่วนิรันดร์ ซึ่งท่านนายกฯ คงไม่อยากให้สิ่งที่ว่านี้เกิดขึ้นแก่ท่านเป็นแน่
นายกฯ เป็นตำแหน่งหน้าที่การงานที่ใหญ่ที่สุด และ “หนัก” ที่สุดในประเทศ ดังนั้น การกระทำสิ่งใดของนายกฯ ถือเป็น “กรรม” ที่หนักมากที่สุด ถ้าทำดีก็เป็นกรรมดีที่หนักที่สุด แต่ถ้าทำชั่วก็เป็นกรรมชั่วที่หนักที่สุดด้วย
การเป็นนายกฯ แล้วทำผิดจนทำความเสียหายให้ชาติในระยะยาว แล้วมาอ้างว่า ข้าพเจ้าไม่รู้ เลยทำไปด้วย เจตนาบริสุทธิ์ จึงถือเป็นการ “บกพร่องโดยสุจริต” นั้น มันฟังไม่ขึ้น ก็คงต้องตกนรกชั้นที่หนัก (ลึก) ที่สุด เป็นแน่
เหมือนไพร่ทั้งหลายที่อ้างว่าเป็นเพียงไพร่จึงไม่รู้ว่าการเผาเมืองผิดกฎหมายก็ย่อมฟังไม่ขึ้น ต้องตกนรกดุจเดียวกัน แต่ไพร่เหล่านั้นตำแหน่งไม่หนักเท่านายกฯ ก็คงตกนรกขุมที่เบากว่า
ถ้าท่านนายกฯ ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจทำอย่างไรดี ..ขอเสนอว่าให้เอามาออกรายการ “นายกฯ ถามประชาชน” ดีไหม โดยแถลงไปเลยว่าประเด็นนี้ ดิฉันไม่มีความรู้จริงๆ ค่ะ ..(ไม่ต้องอาย) แล้วเปิดเว็บไซต์ให้ประชาชนเข้าไปเสนอความเห็นได้ เหมือนดังที่ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ท่านทำไว้นานแล้ว
ท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ได้เปิดเว็บไซต์ให้ ปชช.เข้าไปแสดงความเห็นมานานแล้ว เสียแต่ว่าท่านไม่ค่อยออกมาตอบ ทำให้ดูเหมือนว่าเปิดเว็บไว้เฉยๆ แบบนั้นเอง แต่ถ้าท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์เปิดแล้วออกมาตอบด้วยจะดีมากๆ (พี่แม้วไม่แนะนำเรื่องนี้เลยหรือ)
ผมเชื่อว่า รัฐบาลใดที่ครองใจชนชั้นกลางไม่ได้ จะไม่อาจดำรงอยู่ได้นาน ...เพราะชนชั้นกลางคือคนที่กุมอำนาจสื่อ พวกเขาเป็นคนมีความรู้ (หลอกไม่ได้เหมือนรากหญ้า) และยังมีอำนาจเชิงเศรษฐกิจ โดยเฉพาะวันนี้พวกเขามีสื่ออิเล็กทรอนิกส์อันหลากหลายที่มีพลังแฝงมหาศาล (ซึ่งพวกรากหญ้ายังเข้าไม่ถึง)
การที่สื่อบางรายยังถือหางรัฐบาลอยู่ในวันนี้เป็นเพราะว่ายังอยู่ในช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ แต่หกเดือนจากนี้ ถ้าท่านนายกฯ ยังไม่เป็นตัวของตัวเอง ยังมองได้ว่ารับคำสั่งจากคนอื่นมาปฏิบัติ โดยที่คิดเอง พูดเอง ทำเองไม่เป็น ผมรับรองว่าน้ำผึ้งจะขมในไม่นาน ส่วนพวกที่ขมอยู่แล้วก็จะเกิดอาการขื่นต่อไป
จากนั้นพลังจากสื่อทุกฝ่ายจะประสานกันออกแรงกดดันรัฐบาลของท่านนายกฯ จนกลายเป็นกระเทียมโทนขาดสารอาหาร (หัวเดียวกระเทียมลีบ) ในที่สุด
ท้ายนี้ใคร่ขอฝากกลอนไว้ให้ท่านนายกฯ ผู้ซึ่งเป็นห่วงดังน้องสาวสุดที่รัก
ถึงน้องหญิง ยิ่งลักษณ์ ที่รักยิ่ง
จากน้ำใส ใจจริง ที่สมสั่ง
พี่ไม่มี เงินทอง เหมือนน้องนาง
จึงขอคราง ฉะอ้อน ฝากกลอนมา
พี่ขอร้อง น้องอย่า ชะล่าใจ
คิดว่าเงิน ซื้อได้ ทุกอย่างหนา
เสียงคะแนน สอสอ กะบาดกา
นักวิชา สื่อบื้อ พวกถือไมค์
ซื้อกฎหมาย ทนาย ล้วนง่ายมาก
ประวัติศาสตร์ สิยาก ซื้อบ่ได้
มันจารึก เที่ยงตรง จดลงไว้
ชั่วดีร้าย คนรู้ อยู่นิรันดร์
เกิดมาแล้ว ทุกข์แน่ แก่เจ็บตาย
รวยแค่ไหน ไม่อาจ ซื้อสวรรค์
จงละชั่ว ทำดี เถิดชีวัน
ไพร่อำมาตย์ ชนชั้น จะยิ่งรักฯ