xs
xsm
sm
md
lg

วิบากกรรมพรรคภูมิใจไทย หมดประโยชน์ก็ไม่ควรอยู่ !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การเมืองกำลังอีนุงตุงนัง ง่วนอยู่กับการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา อภิปรายกันในสภาหน้าดำคร่ำเครียด ถึงจะดูจืดๆ ไปนิด ทว่ามีเนื้อหาสาระพอฟังได้ ในขณะที่คอการเมืองเพลิดเพลินอยู่กับการฟังถ้อยแถลงนโยบายอยู่นั้น
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กลับส่งประเด็นแทรกพรวดพราดเข้ามาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อมีมติเสียงข้างมาก 3-2 แจกใบแดงให้นาย บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา อดีตรัฐมนตรีช่วยมหาดไทย
ท่ามกลางความงุนงงสงสัย ตื่นตกใจของใครหลายคน แต่เมื่อจับต้นชนปลายได้ จึงรู้ว่าเป็นเหตุการณ์เมื่อครั้งเลือกตั้งซ่อมปลายปี 2553 นู่นแล้ว
กกต.จัดการฟันตามข้อหา ทีมงานหาเสียงของนายบุญจงนำผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 300 คน ไปอบรมที่รีสอร์ทในจังหวัดระยอง และมีการจัดเลี้ยงแจกสิ่งของเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งกกต.จังหวัดนครราชสีมาเสนอให้กกต.กลางยกคำร้อง แต่กกต.กลางไม่เห็นตามนั้น เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่า นายบุญจงเป็นผู้ให้การสนับสนุนจัดงานดังกล่าว ทั้งเรื่องการจัดสถานที่พัก การจับรางวัล การให้ค่าตอบแทนประชาชนที่เข้าร่วมงาน
ชักใบแดงย้อนหลัง
พร้อมส่งเรื่องให้ “ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง”พิจารณาไต่สวนต่อ ซึ่งหากมีการยืนยันมีความผิดจริง อาจถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทย เนื่องจากนายบุญจงเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ในตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
นอกจากนายบุญจงจะถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี ต้องเลือกตั้งซ่อมใหม่แล้ว ยังอาจมีผลพวงผูกพันถึงการยุบพรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ณ ยามนี้
กรรมการบริหารพรรคทั้งหมด 12 คน ตรวจเช็ครายชื่อแล้วตอนนี้เป็นส.ส.อยู่ 6 คน คือ ชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค บุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรค พรทิวา นาคาศัย เลขาธิการพรรค สนอง เทพอักษรณรงค์ ศุภชัย ใจสมุทร รังสิกร ทิมาตฤกะ กรรมการบริหารพรรค ต้องอันตรธานหายไปจากรายชื่อผู้แทนเมืองไทย

ต้องเลือกตั้งซ่อมโดยลบจำนวนส.ส.เหล่านี้ของพรรคภูมิใจไทยไปเติมให้พรรคการเมืองอื่นๆ ที่จะส่งผู้สมัครลงสนามกลับมาสวมตำแหน่งแทนในระบบเขต ส่วนส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อต้องเว้นว่างไป เหมือนสมัยที่พรรคพลังประชาชนเคยโดนเป็นกรณีตัวอย่างมาแล้ว
แต่เสียงของส.ส.ที่ขาดหายไปไม่มีผลอะไรกับความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน จะไปเติมให้ฝ่ายไหน หรือแม้กระทั่งเทกระจาดไปฝั่งใด รัฐบาลก็มีโฉมหน้าเหมือนเดิม ยังคงมี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” นายกฯหญิงเชิดหน้ากุมบังเหียนอย่างเก่า
แต่การตัดสินใจลงมือเชือดของกกต.ครั้งนี้ เกิดคำถามในใจของใครหลายคนว่าทำเพื่ออะไร แล้วจะเกิดผลพวงรุนแรงแค่ไหน จะถึงขั้นยุบพรรคภูมิใจไทยจริงหรือไม่ มันเป็นใบสั่งจากใครหรือเปล่า หรือว่าทำเพื่อเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ในบทบาทตัวเอง หรือทำเพื่อพินอบพิเทารัฐบาลชุดใหม่ ต่ออายุให้ตัวเอง

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า กกต.เป็นเพียงองค์กร “ไส้ติ่ง” หลังการเลือกตั้ง เมื่อหมดหน้าที่กำกับดูแลการเลือกตั้งแล้วก็ไม่สมควรอยู่ทำหน้าที่อะไรอีก
มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้คลุกวงในการเมืองว่า การจุดชนวนระเบิดในพรรคภูมิใจไทยครั้งนี้ เป็นเพราะความหมั่นไส้ที่พรรคภูมิใจไทยทำผลงานไม่เข้าเป้า หลังจากโพนทะนาโฆษณาชวนเชื่อว่าการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมาจะกวาดส.ส.เป็นกอบเป็นกำ ถึง 70-80 ที่นั่ง เป็นพรรคลำดับ 3 ตัวแปรสำคัญที่จะสวิงขั้วต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
สุดท้ายผลที่ออกมาเป็นเพียงแค่ราคาคุยได้ส.ส.มากี่สิบ กลายเป็นพรรคจิ๊บจ๊อย ไม่มีราคาค่างวดต่อรองใดๆ โดยเฉพาะการไปจับขั้วกับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทำพันธะสัญญาใจว่าจะกลับมาร่วมกันตั้งรัฐบาลอีกครั้ง สานต่อผลประโยชน์ สานต่ออำนาจของทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง
และหลังการเลือกตั้งที่คนในพรรคแทบทุกคนยอมรับความพ่ายแพ้ ทำตัวโลว์โพรไฟล์ไปในคราวเดียวกัน พร้อมทั้งมีกระแสข่าวต่อเนื่องว่าคนในพรรคบางกลุ่ม เช่นกลุ่มมัชฌิมา มีใจเอนเอียง ต้องการกลับไปสู่อ้อมกอดพรรคเพื่อไทย จ้องแต่จะเป็นรัฐบาลตลอดชาติ ยิ่งทำให้ดีกรีความหมั่นไส้หนักข้อขึ้นไปอีก
เมื่อหมดประโยชน์ซ้ำยังมีทีท่าจะไปเพิ่มกำลังให้ฝ่ายตรงข้าม ก็จัดการตัดหัวคั่วแห้งสั่งสอนไปเลยดีกว่า “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ยิ่งเป็นขุนพลไม่ภักดี ซ้ำยังมีบางพวกจะไปเข้าด้วยฝ่ายตรงข้ามด้วยแล้ว ก็จัดการลงดาบบั่นคอไปเสียดีกว่า

สภาพของพรรคภูมิใจไทยชั่วโมงนี้ถ้าโดนยุบพรรคไปจริงๆ แล้ว คงกระจัดกระจายแทบไม่เหลือชิ้นดี เหมือนโดนแผ่นดินไหวถล่ม ซ้ำด้วยคลื่นสึนามิ หัวหอกหลักถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้ว หัวแถวชุดสองยังถูกบั่นคอ หางแถวชุดสามเหมือนไม้หลักปักขี้เลน โอนไปเอนมาไร้ทิศทาง จะโดดไปเกาะที่ไหนใครก็สลัดทิ้ง เพราะภาพติดภาพยี้ สกปรกมอมแมม เต็มไปด้วยคราบโสโครกทุจริต
ภาพในอดีตที่เพิ่งผ่านไปเร็วๆ นี้ ยังติดตาตรึงใจคนไทยชนิดลบไม่ออก เมื่อเอ่ยถึงชื่อพรรคภูมิใจไทย หลายคนนึกตรงกันถึงภาพการทุจริต กอบโกย เล่นแต่เกมการเมือง ไม่เคยคิดถึงการช่วยเหลือประชาชนคนไทยที่ตกระกำลำบาก ใครจะเป็นอย่างไรไม่สน ขอให้ตัวเองกอบโกยบนตำแหน่งอำนาจเป็นพอ ชาวบ้านเขาจดจำได้ดี

เวรกรรมที่ทำไว้ไม่ต้องรอชาติไหน ชาตินี้ก็ได้เห็น
เมื่อเลือกเล่นการเมืองด้วยการเดินบนเส้นทางสายมืดดำแล้ว เมื่อถึงคราวที่ตัวเองต้องประสบกับภาวะมืดมิดก็อย่าไปโทษใครเลย นอกจากไปทบทวนการการะทำที่ผ่านมา แล้วเปลี่ยนแปลงปรับปรุงเสียที การเมือง และบ้านเมืองประเทศไทย จะได้เดินหน้าอย่างเต็มตัวเช่นนานาประเทศ
ความคิดความอ่านที่สุดโต่งในด้านลบ บางครั้งถ้าแปรเปลี่ยนพลิกผันมาใช้ในด้านดีบ้างบางทีมันอาจสร้างคุณูประการอันมากล้นให้กับประเทศไทยก็ได้ แล้ววันนั้นตัวเองอาจรู้สึกว่ามีค่าขึ้น
นานไปประชาชนอาจมองเห็นแสงสว่างที่หลบซ่อนในด้านมืด มากกว่าแสวงสว่างของเทียมที่เห็นจนชินตา
กำลังโหลดความคิดเห็น