หลังเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม ก็เป็นที่รู้กันว่า พรรคที่เป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลคือพรรคเพื่อไทย พรรคที่ได้รับเกียรติจากพรรคเพื่อไทยพรรคแรก คือ พรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีบรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองยืนบัญชาอยู่ข้างหลัง และไม่กี่วันต่อมานายบรรหาร ศิลปอาชา ก็บินไปโผล่ที่นครดูไบเพื่อสนทนากับทักษิณ ชินวัตร โดยที่บรรหารบอกกล่าวกับประชาชนผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ว่า ไม่ได้คุยกันเรื่องการเมืองเลยสักคำ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหลุดปากออกมาว่า พรรคชาติไทยได้ตำแหน่งรัฐนตรี 3 ที่นั่ง
ความแนบแน่นระหว่างบรรหารกับทักษิณนี่เองที่มีกระแสข่าวว่า บรรดาเสือหิวทั้งหลายที่อยากจะเข้าร่วมรัฐบาลได้ติดต่อขอเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กันจ้าละหวั่นเพื่อที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่า ทักษิณจะไม่เอาด้วย
หลังผลการเลือกตั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองออกมาบอกว่า “เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า และมีความปรองดอง ถ้าเป็นไปได้อยากให้กลุ่มมัชฌิมาฯ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองของสมศักดิ์ที่อยู่ในพรรคภูมิใจไทยโหวตให้ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเสียงของประชาชนเป็นอย่างนี้ ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทย”
แล้วก็มีคอลัมนิสต์บางคนเขียนชื่นชมสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นทำนองว่า คำพูดของสมศักดิ์ มีความหมายให้ทุกคนทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ช่วยกันสนับสนุนให้พรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะนำการเมืองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยไม่เสี่ยงต่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก มีเสียงเรียกร้องให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เอาประเทศชาติ เอาประชาชนเป็นเป้าหมาย ร่วมมือกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในกรอบประชาธิปไตย
ผมเขียนเอาไว้ในคอลัมน์นี้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เพราะน้ำหน้าของคนพูด คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน เลยไม่มีใครคิดว่า นั่นเป็นความคิดสร้างสรรค์สุดประเสริฐเลิศเลอ
เพราะถึงกลุ่มมัชฌิมาฯ ไม่ไปยกมือให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เสียงของพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ ที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลอยู่ขณะนี้ก็เกินพออยู่แล้ว
เมื่อครั้งที่ยังเป็นพรรคพลังประชาชน เลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ก็ไม่มีใครขวางให้นายสมัคร สุนทรเวช และพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่ที่เสนอหน้าอยากจะยกมือให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นน่าจะมาจากกระสันอยากจะมีส่วนร่วมรัฐบาลมากกว่า เพราะถ้าหากสมศักดิ์ยึดมั่นกับแนวคิดที่ว่า ประชาชนทุ่มเทคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใดก็ต้องสนับสนุนพรรคการเมืองนั้นให้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้เกิดความปรองดอง ก็ต้องสนับสนุนพรรคพลังประชาชนต่อไป เมื่อถูกยุบเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยกมือสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลต่อไป
ทะลึ่งไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ทำไม?
แล้วเป็นยังไงครับ วันนี้หางของสมศักดิ์ก็โผล่ออกมาแล้ว หนังหน้าสมศักดิ์เป็นอย่างไร เราก็ได้เห็นกันอีกจากคำให้สัมภาษณ์ของเขาว่า
“กลุ่มมัชฌิมาฯ ของพวกเขาจะอยู่เป็นฝ่ายค้านไป 6 เดือน เขาเชื่อว่า รัฐบาลใหม่ที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ทั้งนี้เพราะยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่มีประสบการณ์ทางการบริหาร”
ไอ้ที่เคยพูดแล้วมีคอลัมนิสต์บางรายไปตีความหมายว่า ให้ทุกคนทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ให้เกิดความปรองดองในชาติ ไม่ให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ ไม่เห็นสมศักดิ์ เทพสุทิน นักเรียงหินจากลำน้ำยมไม่เห็นพูดถึงสักคำเลย สงสัยจะลืมไปแล้ว สติสตังเบลอไปแล้ว เพราะเขาไม่เอากลุ่มมัชฌิมาฯ เข้าร่วมรัฐบาล
ไอ้ที่เคยพูดว่า “ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ขอให้ประชาชนได้สิ่งดีๆ ให้บ้านเมืองเดินหน้าด้วยดี” จากปากของสมศักดิ์วันก่อนนี้ วันนี้สมศักดิ์ลืมไปแล้วหรืออย่างไร
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นั่นเป็นความจริงแท้แน่นอน บางคนอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย เพราะมีความสามารถในการเก็บงำธาตุแท้ และตัวตนที่แท้จริงเอาไว้นาน แต่สำหรับสมศักดิ์ เทพสุทิน เวลาชั่วข้ามวันข้ามคืนเท่านั้น ไม่ต้องรอนานก็ได้เห็นคำว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนของสมศักดิ์ น่าจะแตกต่างจากประเทศชาติและประชาชนในความหมายของคนทั้งหลายทั้งปวง เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นตัวสมศักดิ์เอง เมียสมศักดิ์เอง น้องสาวสมศักดิ์เอง หรือคนในกลุ่มของสมศักดิ์ที่สืบสกุลมาจากธุรกิจอาบอบนวดที่ส่งมาเป็นรัฐมนตรีนั้น น่าจะเหมาะกับคำว่า ทดลองงาน อย่างที่สมศักดิ์มองยิ่งลักษณ์มาทดลองงาน เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
เพราะถึงที่สุดแล้ว ประเทศชาติและประชาชนก็จะไม่ได้มรรคผลอันใดเลย เหมือนๆ กัน เพราะต่างก็เข้ามาเสมอคนทดลองงาน หนังหน้าก็คล้ายๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ยังแอบหวังว่า รัฐบาลใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้จะนำพาประเทศชาติไปได้ ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือผลประโยชน์ของคนคนเดียวเป็นที่ตั้งอย่างที่ได้บอกกล่าวกับประชาชนไว้
เอาบทเรียนของสมัคร สมชาย มาศึกษาทำเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว คือ ทักษิณเมื่อไร ประชาชนก็จะออกมาเต็มท้องถนนเมื่อนั้น นี่มิใช่คำขู่ หากคือเรื่องจริง
ความแนบแน่นระหว่างบรรหารกับทักษิณนี่เองที่มีกระแสข่าวว่า บรรดาเสือหิวทั้งหลายที่อยากจะเข้าร่วมรัฐบาลได้ติดต่อขอเข้าร่วมรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนมี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กันจ้าละหวั่นเพื่อที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่า ทักษิณจะไม่เอาด้วย
หลังผลการเลือกตั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน ซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสิทธิทางการเมืองออกมาบอกว่า “เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้า และมีความปรองดอง ถ้าเป็นไปได้อยากให้กลุ่มมัชฌิมาฯ ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองของสมศักดิ์ที่อยู่ในพรรคภูมิใจไทยโหวตให้ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเสียงของประชาชนเป็นอย่างนี้ ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทย”
แล้วก็มีคอลัมนิสต์บางคนเขียนชื่นชมสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นทำนองว่า คำพูดของสมศักดิ์ มีความหมายให้ทุกคนทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ช่วยกันสนับสนุนให้พรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกตั้งได้จัดตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน เพราะเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะนำการเมืองกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยไม่เสี่ยงต่อความวุ่นวายในบ้านเมืองอีก มีเสียงเรียกร้องให้เล่นการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เอาประเทศชาติ เอาประชาชนเป็นเป้าหมาย ร่วมมือกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในกรอบประชาธิปไตย
ผมเขียนเอาไว้ในคอลัมน์นี้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม เพราะน้ำหน้าของคนพูด คือ สมศักดิ์ เทพสุทิน เลยไม่มีใครคิดว่า นั่นเป็นความคิดสร้างสรรค์สุดประเสริฐเลิศเลอ
เพราะถึงกลุ่มมัชฌิมาฯ ไม่ไปยกมือให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เสียงของพรรคเพื่อไทย และพรรคอื่นๆ ที่เตรียมจัดตั้งรัฐบาลอยู่ขณะนี้ก็เกินพออยู่แล้ว
เมื่อครั้งที่ยังเป็นพรรคพลังประชาชน เลือกตั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ก็ไม่มีใครขวางให้นายสมัคร สุนทรเวช และพรรคพลังประชาชนจัดตั้งรัฐบาล คราวนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่ที่เสนอหน้าอยากจะยกมือให้ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้นน่าจะมาจากกระสันอยากจะมีส่วนร่วมรัฐบาลมากกว่า เพราะถ้าหากสมศักดิ์ยึดมั่นกับแนวคิดที่ว่า ประชาชนทุ่มเทคะแนนเสียงให้พรรคการเมืองใดก็ต้องสนับสนุนพรรคการเมืองนั้นให้จัดตั้งรัฐบาลเพื่อให้เกิดความปรองดอง ก็ต้องสนับสนุนพรรคพลังประชาชนต่อไป เมื่อถูกยุบเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยกมือสนับสนุนให้ตั้งรัฐบาลต่อไป
ทะลึ่งไปสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ทำไม?
แล้วเป็นยังไงครับ วันนี้หางของสมศักดิ์ก็โผล่ออกมาแล้ว หนังหน้าสมศักดิ์เป็นอย่างไร เราก็ได้เห็นกันอีกจากคำให้สัมภาษณ์ของเขาว่า
“กลุ่มมัชฌิมาฯ ของพวกเขาจะอยู่เป็นฝ่ายค้านไป 6 เดือน เขาเชื่อว่า รัฐบาลใหม่ที่มียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลนี้จะอยู่ได้ไม่น่าจะเกิน 6 เดือน ทั้งนี้เพราะยิ่งลักษณ์ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง ไม่มีประสบการณ์ทางการบริหาร”
ไอ้ที่เคยพูดแล้วมีคอลัมนิสต์บางรายไปตีความหมายว่า ให้ทุกคนทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินใจของประชาชน ให้เกิดความปรองดองในชาติ ไม่ให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ ไม่เห็นสมศักดิ์ เทพสุทิน นักเรียงหินจากลำน้ำยมไม่เห็นพูดถึงสักคำเลย สงสัยจะลืมไปแล้ว สติสตังเบลอไปแล้ว เพราะเขาไม่เอากลุ่มมัชฌิมาฯ เข้าร่วมรัฐบาล
ไอ้ที่เคยพูดว่า “ทุกฝ่ายต้องให้เกียรติพรรคเพื่อไทย ขอให้ประชาชนได้สิ่งดีๆ ให้บ้านเมืองเดินหน้าด้วยดี” จากปากของสมศักดิ์วันก่อนนี้ วันนี้สมศักดิ์ลืมไปแล้วหรืออย่างไร
หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน นั่นเป็นความจริงแท้แน่นอน บางคนอาจจะต้องใช้เวลานานหน่อย เพราะมีความสามารถในการเก็บงำธาตุแท้ และตัวตนที่แท้จริงเอาไว้นาน แต่สำหรับสมศักดิ์ เทพสุทิน เวลาชั่วข้ามวันข้ามคืนเท่านั้น ไม่ต้องรอนานก็ได้เห็นคำว่าผลประโยชน์ของประเทศชาติ ผลประโยชน์ของประชาชนของสมศักดิ์ น่าจะแตกต่างจากประเทศชาติและประชาชนในความหมายของคนทั้งหลายทั้งปวง เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นตัวสมศักดิ์เอง เมียสมศักดิ์เอง น้องสาวสมศักดิ์เอง หรือคนในกลุ่มของสมศักดิ์ที่สืบสกุลมาจากธุรกิจอาบอบนวดที่ส่งมาเป็นรัฐมนตรีนั้น น่าจะเหมาะกับคำว่า ทดลองงาน อย่างที่สมศักดิ์มองยิ่งลักษณ์มาทดลองงาน เป็นนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
เพราะถึงที่สุดแล้ว ประเทศชาติและประชาชนก็จะไม่ได้มรรคผลอันใดเลย เหมือนๆ กัน เพราะต่างก็เข้ามาเสมอคนทดลองงาน หนังหน้าก็คล้ายๆ กัน
อย่างไรก็ตาม ยังแอบหวังว่า รัฐบาลใหม่ที่จะจัดตั้งขึ้นในอีกไม่กี่วันนี้จะนำพาประเทศชาติไปได้ ไม่เอาผลประโยชน์ส่วนตัว หรือผลประโยชน์ของคนคนเดียวเป็นที่ตั้งอย่างที่ได้บอกกล่าวกับประชาชนไว้
เอาบทเรียนของสมัคร สมชาย มาศึกษาทำเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว คือ ทักษิณเมื่อไร ประชาชนก็จะออกมาเต็มท้องถนนเมื่อนั้น นี่มิใช่คำขู่ หากคือเรื่องจริง