ASTVผู้จัดการ - กกต.ยังคงบ้อท่า ปล่อยนักการเมืองที่ถูกเพิกถอนสิทธิฯ ชักใยพรรคการเมืองไม่หยุด ล่าสุดปล่อย “สนธยา คุณปลื้ม” จ้อออกทีวีสดโดยมีว่าที่ ส.ส.พลังชล ยืนเป็นตัวประกอบอยู่ด้านหลัง แถมยังปล่อยบ้านเลขที่ 111+109 ให้เคลื่อนไหวต่อรองทางการเมืองตลอดเวลาโดยไม่มีมาตรการลงโทษ
ช่วงเย็นของการเลือกตั้งวันที่ 3 ก.ค. 2554 สถานีโทรทัศน์ช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี ได้ต่อวิดีโอคอนเฟอเรนซ์เพื่อสัมภาษณ์แกนนำพรรคพลังชล โดยเนื้อหาที่ถูกแพร่ภาพออกไปทั่วประเทศเป็นภาพของนายสนธยา คุณปลื้ม ที่ปรึกษาพรรคพลังชล และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปียืนอยู่หน้าผู้สมัคร และว่าที่ ส.ส.ของพรรคพลังชลจำนวน 7 คน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
นายสนธยากล่าวว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาตนของขอบพระคุณชาวชลบุรีที่เลือกผู้สมัครของพรรคพลังชล และให้การสนับสนุน โดยตัวเลขที่ออกมา 7 ที่นั่งถือว่าน่าพอใจ
“เราคิดว่ากว่า 30 ปีที่เราทำงานกันมาในนามของกลุ่มชลบุรี และในส่วนของการที่เราจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็มาจากเสียงเรียกร้องและการสนับสนุนของพี่น้องชาวจังหวัดชลบุรีในเบื้องต้น ถือว่าเป็นสิ่งที่เราทำตามเสียงพี่น้องประชาชน และพี่น้องประชาชนเองก็ให้การสนับสนุนร่วมกันสร้างพรรคพลังชลขึ้นมาในครั้งนี้ ถือว่าเป็นก้าวแรกที่เราจะต้องก้าวย่างต่อไปในอนาคตเพื่อที่จะสร้างให้เป็นพรรคของภูมิภาคและพรรคของคนทั้งประเทศต่อไปในอนาคตครับ” นายสนธยากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่าอยากจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน นายสนธยาได้ตอบว่า พรรคพลังชลอยากเป็นพรรคการเมืองในฝั่งรัฐบาล เพื่อที่จะทำงานผลักดันนโยบายให้ประชาชน และกำหนดทิศทางของประเทศ
นอกจากนี้ เมื่อถามว่าทางพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมีการโทรศัพท์มาพูดคุยกับนายสนธยาเพื่อเชิญชวนเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายสนธยาตอบว่า มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
อนึ่ง นายสนธยา คุณปลื้ม บุตรชายของ “กำนันเป๊าะ” นายสมชาย คุณปลื้ม เคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนแรกในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย และเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2550 พรรคไทยรักไทยได้ถูกคณะตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคในข้อหาเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย และกระทำการอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ พร้อมทั้งเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคจำนวน 111 คน เป็นเวลา 5 ปีด้วย
ทั้งนี้ นอกจาก นายสนธยา ซึ่งออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้กำหนดทิศทางของพรรคพลังชลแล้ว ในช่วงที่ผ่านมายังมีนักการเมืองอีกจำนวนมากซึ่งใช้บทบาทดังกล่าวมาเล่นการเมืองแม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง อย่างเช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ชักใยอยู่หลังพรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะกรณีพรรคเพื่อไทยขึ้นป้าย “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ”, นายบรรหาร ศิลปอาชา กับพรรคชาติไทยพัฒนา, นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน, นายเนวิน ชิดชอบ-นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กับพรรคภูมิใจไทย ฯลฯ โดยการเคลื่อนไหวเพื่อกดดันให้ กกต. ตรวจสอบและลงโทษกับผู้กระทำผิดในกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้เคยยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ กกต.พิจารณาดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทย กรณีการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ทรงอิทธิพล และพรรคเพื่อไทยอยู่ภายใต้การครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคเพื่อไทยก็สมควรที่จะต้องถูกพิจารณาในการยุบพรรคต่อไปมาแล้ว