วานนี้(28 มิ.ย.)นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสิทธินายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ผู้สมัครส.ส.พรรคภูมิใจไทย เขต 8 จ.นครราชสีมา ว่า กรณีดังกล่าวจะเสนอเข้าที่ประชุมในวันพรุ่งนี้ (29 มิ.ย.) โดย กกต.จะร่วมกันพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะผู้ถูกตัดสินจากกรณีนี้ กกต.ต้องยื่นต่อศาลฎีกาจากการเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งก่อนวันเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาดังกล่าวยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ นายปุระพัฒน์ สามารถที่จะยื่นอุทธรณ์ได้ใน 1 เดือนแต่คิดว่าเป็นเรื่องภายหลังซึ่งก็เป็นเรื่องของศาล ส่วนกกต.เมื่อมีเรื่องนี้ก็คงต้องดำเนินการร้องขอให้ศาลฎีกาตัดรายชื่อออกไป
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พ.อ.สันธิรัตน์ มหัทธนชาติ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาแถลงข่าวว่ากกต.นครราชสีมา ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
พ.อ.สันธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กกต.จังหวัดนครราชสีมาได้รับทราบข่าวดังกล่าวเพียงจากสื่อสารมวลชนเท่านั้น เพราะฉะนั้นในจุดนี้เป็นสิทธิ์ของ นายปุระพัฒน์ว่าจะยื่นคำร้องขออุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในขณะนี้ทาง กตต.จังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานไปยังทาง กกต.กลาง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ นายปุระพัฒน์ ได้เดินทางมาสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จากทาง กกต.จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการหากถูกตัดสินตัดสิทธิทางการเมืองจริง ซึ่งนายปุระพัฒน์ ระบุว่า หากตนเองถูกตัดสิทธิทางการเมืองจริง จะขอยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และยืนยันว่ายังจะเดินสายหาเสียงในฐานละผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยต่อไปอย่างเต็มที่ เนื่องจากยังถือว่าคำตัดสินนี้ยังไม่สิ้นสุดและยังไม่มีการชี้ขาดจาก กกต.จังหวัด หรือหน่วยงานไหนแต่อย่างใด
จากการที่ได้สอบถามไปยัง กกต.จังหวัดได้รับคำตอบเพียงว่าขณะนี้ทาง กกต.จังหวัดยังไม่สามารถดำเนินการหรือให้คำตอบใดๆในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากทาง กกต.จังหวัดเองยังไม่ได้รับแจ้งจากทาง กกต.ส่วนกลางในเรื่องนี้ เพียงแต่ได้รับทราบจากสื่อมวลชนเท่านั้น อีกทั้งยังระบุว่าตนเองสามารถที่จะขอยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะขอยื่นอุทธรณ์ได้ ดังนั้น จึงถือว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นตนถือว่ายังเป็นผู้สมัคร ส.ส.อยู่เช่นเดิม และ ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ทันที หากมีการแจ้งอย่างเป็นทางการสำหรับกรณีการที่มีการพิจารณาคดีนั้น
การที่มีเรื่องนี้ออกมาในช่วงเลือกตั้ง อาจจะเป็นไปได้ว่าจากผลการสำรวจความนิยมของประชาชนในพื้นที่สูงกว่าผู้สมัครพรรคการเมือง อื่นๆ ทำให้คู่แข่งเกรงว่าจะแพ้การเลือกตั้ง จึงฉวยโอกาสชกใต้เข็มขัด ซึ่งความจริงแล้วการต่อสู้ทุกฝ่ายน่าจะต่อสู้กับในสนามเลือกตั้งตามกฏกติกา แพ้ชนะก็ว่าตามกติกา ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการต่อสู้ไม่ยุติธรรม เพราะเป็นการฉวยโอกาส ส่วนเรื่องที่ถูกตัดสิน กรณีดังกล่าวยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และยืนยันว่า ไม่เคยกู้เงินจำนวนดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งหลักฐานของผู้ให้กู้เงินยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้ตนเองกู้ได้ในหลักล้านบาท เพราะในบัญชีทรัพย์สินของผู้ให้กู้มีเงินอยู่เพียงไม่ถึงหลักแสน
นายปุระพัฒน์ ยืนยันอีกว่า ต่อจากนี้ไป จะขอเดินหน้าหาเสียงกับประชาชนในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป โดยไม่สนใจกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมาจริงก็จะขอยื่นอุทธรณ์ทันที.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา พล.อ.วีรวุธ ส่งสาย ประธานกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พ.อ.สันธิรัตน์ มหัทธนชาติ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมาแถลงข่าวว่ากกต.นครราชสีมา ยังไม่ได้รับแจ้งเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ
พ.อ.สันธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กกต.จังหวัดนครราชสีมาได้รับทราบข่าวดังกล่าวเพียงจากสื่อสารมวลชนเท่านั้น เพราะฉะนั้นในจุดนี้เป็นสิทธิ์ของ นายปุระพัฒน์ว่าจะยื่นคำร้องขออุทธรณ์ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในขณะนี้ทาง กตต.จังหวัดนครราชสีมา ได้ประสานไปยังทาง กกต.กลาง เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันนี้ นายปุระพัฒน์ ได้เดินทางมาสอบถามข้อมูลข้อเท็จจริงในเรื่องนี้จากทาง กกต.จังหวัดนครราชสีมา รวมถึงขั้นตอนการดำเนินการหากถูกตัดสินตัดสิทธิทางการเมืองจริง ซึ่งนายปุระพัฒน์ ระบุว่า หากตนเองถูกตัดสิทธิทางการเมืองจริง จะขอยื่นอุทธรณ์เพื่อสู้คดีให้ถึงที่สุด และยืนยันว่ายังจะเดินสายหาเสียงในฐานละผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยต่อไปอย่างเต็มที่ เนื่องจากยังถือว่าคำตัดสินนี้ยังไม่สิ้นสุดและยังไม่มีการชี้ขาดจาก กกต.จังหวัด หรือหน่วยงานไหนแต่อย่างใด
จากการที่ได้สอบถามไปยัง กกต.จังหวัดได้รับคำตอบเพียงว่าขณะนี้ทาง กกต.จังหวัดยังไม่สามารถดำเนินการหรือให้คำตอบใดๆในเรื่องนี้ได้ เนื่องจากทาง กกต.จังหวัดเองยังไม่ได้รับแจ้งจากทาง กกต.ส่วนกลางในเรื่องนี้ เพียงแต่ได้รับทราบจากสื่อมวลชนเท่านั้น อีกทั้งยังระบุว่าตนเองสามารถที่จะขอยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีหลักฐานเพียงพอที่จะขอยื่นอุทธรณ์ได้ ดังนั้น จึงถือว่าคดีนี้ยังไม่สิ้นสุด ดังนั้นตนถือว่ายังเป็นผู้สมัคร ส.ส.อยู่เช่นเดิม และ ยืนยันว่าจะยื่นอุทธรณ์ทันที หากมีการแจ้งอย่างเป็นทางการสำหรับกรณีการที่มีการพิจารณาคดีนั้น
การที่มีเรื่องนี้ออกมาในช่วงเลือกตั้ง อาจจะเป็นไปได้ว่าจากผลการสำรวจความนิยมของประชาชนในพื้นที่สูงกว่าผู้สมัครพรรคการเมือง อื่นๆ ทำให้คู่แข่งเกรงว่าจะแพ้การเลือกตั้ง จึงฉวยโอกาสชกใต้เข็มขัด ซึ่งความจริงแล้วการต่อสู้ทุกฝ่ายน่าจะต่อสู้กับในสนามเลือกตั้งตามกฏกติกา แพ้ชนะก็ว่าตามกติกา ซึ่งเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นการต่อสู้ไม่ยุติธรรม เพราะเป็นการฉวยโอกาส ส่วนเรื่องที่ถูกตัดสิน กรณีดังกล่าวยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และยืนยันว่า ไม่เคยกู้เงินจำนวนดังกล่าวตามที่ถูกกล่าวหา อีกทั้งหลักฐานของผู้ให้กู้เงินยังไม่สามารถที่จะระบุได้ว่าจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้ตนเองกู้ได้ในหลักล้านบาท เพราะในบัญชีทรัพย์สินของผู้ให้กู้มีเงินอยู่เพียงไม่ถึงหลักแสน
นายปุระพัฒน์ ยืนยันอีกว่า ต่อจากนี้ไป จะขอเดินหน้าหาเสียงกับประชาชนในฐานะผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป โดยไม่สนใจกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากศาลมีคำสั่งดังกล่าวออกมาจริงก็จะขอยื่นอุทธรณ์ทันที.
