เจาะลึกโค้งสุดท้ายสมรภูมิบุรีรัมย์ “พท.-ชพน.”รุมยำดับฝัน“ยี้ห้อย” โกยยกจังหวัด

ศูนย์ข่าวนครราชสีมา

“เนวิน ชิดชอบ” ตั้งเป้านำพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กวาดที่นั่ง ส.ส.บุรีรัมย์ “ชิดชอบบุรี”ยกจังหวัดทั้ง 9 เขตเลือกตั้ง และหวังโกย ส.ส. ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 70 คน “บุรีรัมย์” จึงเป็นสมรภูมิแดงเดือดและถูกจับตามองเป็นพิเศษ โดยผู้สมัคร ส.ส. ภูมิใจไทย สาย“ตระกูลชิดชอบ”เป็นตัวยืน และมีบรรดาผู้สมัครจากพรรคอื่นเปิดศึกขอแบ่งเก้าอี้ นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) และ ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน (ชพน.) ร่วมกันรุมยำใหญ่ดับฝัน“ยี้ห้อย”ผู้มากบารมีแห่ง“ภูมิใจไทย”
มาไล่เรียงเจาะลึกฟันธงกันแบบเขตต่อเขตในโค้งสุดท้าย…

เริ่มที่เขตเลือกตั้งที่ 1 เดิมทีเขตนี้ “นายประสิทธิ์ ตั้งศรีเกียรติกุล” อดีต ส.ส.หลายสมัย พรรคภูมิใจไทย เพื่อนรัก“เนวิน” เป็นเจ้าของตำแหน่ง คราวนี้ “เนวิน” ตัดสินใจส่ง “นายสนอง เทพอักษรณรงค์” อดีต ส.ส. มาลงแทน ซึ่งไม่น่ามีปัญหาแม้เส้นทางแห่งชัยชนะจะไม่สบายนัก เพราะต้องเจอกับคู่แข่ง อย่าง “พ.ต.ท.กิตติฤทธิ์ พูลสวัสดิ์” พรรคเพื่อไทย ที่ขยันลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง และมี “นายนภดล อังสุภณ” อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นตัวสอดแทรก

เขตเลือกตั้งที่ 2 “นายรังสิกร ทิมาตฤกะ” หรือ “เสี่ยหนุ่ม” ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย แชมป์เก่าเป็นตัวยืนจ่อเข้าวิน โดยมี “นายสุรศักดิ์ นาคดี” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรค ชพน. เป็นคู่ต่อกรสำคัญ แต่เมื่อวัดฐานเสียงกันแล้ว ยังสู้ “รังสิกร” ไม่ได้

เขตเลือกตั้งที่ 3 “นายโสภณ ซารัมย์” รมว.คมนาคม แกนนำภูมิใจไทย ขุนพลเอกของ “เนวิน” โยกตัวเองมาลงเขตนี้แบบไร้คู่แข่ง หนำซ้ำไม่มีกระดูกชิ้นโตอย่าง “นายปณวัตร เลี้ยงผ่องพันธุ์” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ 7 สมัย มาขวางเพราะถูกตัดสิทธิทางการเมือง และ “โสภณ” ยังได้ฐานคะแนนแน่นปึ้กในทุกพื้นที่ คู่แข่งจึงทำได้แค่ลงมาตัดคะแนนกันเองเท่านั้น

เขตเลือกตั้งที่ 4 “นายโสภณ ซารัมย์” ส่ง “นางอารีญาภรณ์ ซารัมย์” ภรรยาสุดที่รัก ลงสมัครพื้นที่นี้แทนตัวเอง มีกลุ่มครู -กลุ่มสตรี และ อสม. เป็นฐานเสียงสำคัญ แม้ไม่เคยลงสนามการเมือง แต่ “อารีญาภรณ์” ติดสอยห้อยตามสามีลงพื้นที่หาเสียงมาอย่างต่อเนื่อง มั่นใจจะได้เข้าสภาฯตามสามี โดยมีคู่แข่งระดับวางใจไม่ได้ จากพรรคเพื่อไทย “นายสราวุธ แหวนมุข” อดีต ส.อบจ.บุรีรัมย์ เขต อ.ลำปลายมาศ

เขตเลือกตั้งที่ 5 นับเป็นเขตฐานเสียงแน่นที่สุดและครอบคลุมทุกพื้นที่ของ “ตระกูลชิดชอบ” หากไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง เจอพิษใบแดง-ใบเหลือง โดยเฉพาะกรณีภาพคลิปวิดีโอแจกเงินฉาวว่อนเน็ตเสียก่อน เวลาไม่มีใครล้ม “นายมนต์ไชย ชาติวัฒนศิริ” พรรคภูมิใจไทยได้ **เพราะพื้นที่นี้นอกจากเป็นเขตเดิมของ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” น้องชาย “เนวิน” แล้ว “นายมนต์ไชย” ยังขยันลงพื้นที่แบบถึงลูกถึงคนไม่เคยห่างหายเป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน โดยมี “พ.ต.อ.อุดร ชาญนุวงศ์” พรรคเพื่อไทย คอยเป็นตาอยู่ หวังเซอร์ไพรส์ “ช้างล้ม”

**เขตเลือกตั้งที่ 6 เป็นเขตแดงเดือดและไม่มี ส.ส.เก่าเป็นตัวยืน ผู้สมัครล้วนหน้าใหม่ มีเพียง “นายพรชัย ศรีสุริยันโยธิน” อดีตรองนายก อบจ.บุรีรัมย์ ซึ่งคราวที่แล้วลงสมัครพรรคพลังประชาชน ถูก กกต.แจกใบแดง ก่อน“เนวิน” จะปลอบใจให้นั่ง “รองนายก อบจ.บุรีรัมย์” แต่เลือกตั้งคราวนี้ “พรชัย” ตีจาก “เนวิน” ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจเปิดเผยได้ มาซบ เพื่อไทย ที่มี“โสภณ เพชรสว่าง” ต่อสายให้ลงเขตนี้แทน ส่วน “โสภณ” หนีไปลงปาร์ตี้ลิสต์

ทำให้ “เนวิน” คิดหนักหาคนมาสู้ศึก สุดท้ายลงเอยที่“นายไตรเทพ งามกมล” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนางรอง ที่ลาออกมาสวมเสื้อภูมิใจไทย ทำให้สนามเลือกตั้งเขตนี้เข้มข้นน่าจับตายิ่ง เมื่อวัดกันปอนด์ต่อปอนด์แล้วใครจะเข้าป้ายได้ต้องทำงานหนักและเปลืองคลังกระสุนกันทุกฝ่าย เพราะเขตนี้แม้จะแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ แต่ฐานนิยมส่วนตัวของ “โสภณ เพชรสว่าง” ยังมีอยู่เกือบเต็มพื้นที่

ขณะที่ “ไตรเทพ” มีมือไม้ของ “เนวิน” ที่มีฐานเสียงเหนียวแน่นในเขต อ.นางรอง และได้คะแนนของ “นางจิราภรณ์ งามกมล” ส. อบจ.บุรีรัมย์ เขต อ.ชำนิ ภรรยา “ไตรเทพ” มาช่วยอีกแรง แต่คู่แข่งอย่าง “นายพรชัย” นั้นประมาทไม่ได้เด็ดขาด การฉีกตัวมาสวมเสื้อเพื่อไทยครั้งนี้ มีแรงหนุนจาก “โสภณ เพชรสว่าง” ที่เขี้ยวเล็บทางการเมืองไม่เป็นรองใคร โดยเฉพาะความแข็งแกร่งในพื้นที่ อ.นางรอง และ อ.เฉลิมพระเกียรติ ประกอบกับ “พรชัย” ยังมีกลุ่มพ่อค้า อ.นางรอง มาเสริมทัพอีกด้วย ทั้ง 2 พรรคจึง มีโอกาสพ่ายหรือคว้าชัยพอๆ กัน

เขตเลือกตั้งที่ 7 ภูมิใจไทย ส่ง “นายประกิจ พลเดช” คราวที่แล้วลงสมัครพรรคพลังประชาชน ถูก ใบแดง “กกต.” ครั้งนี้หวังมาแก้แค้น ซึ่ง “นายประกิจ” มีฐานคะแนนนิยมส่วนตัวอยู่ครบทั้ง 4 อำเภอ หาคู่แข่งที่จะมาโค่นล้มได้ยาก ขณะที่ “ดร.หนูแดง วรรณกางซ้าย” พรรคเพื่อไทย ที่มีฐานคะแนนในกลุ่มครู ก็ต่อกร “ประกิจ” ได้ในบางอำเภอเท่านั้น

เขตเลือกตั้งที่ 8 เป็นเขตศึกแห่งศักดิ์ศรี “ช้างชนช้าง” ของแท้ โดยพรรคเพื่อไทย ส่ง “นายขจรธน จุดโต” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ 4 สมัย ที่ขยันลงพื้นที่ทำงานการเมืองมาต่อเนื่อง แม้คราวที่แล้วพลาดคว้าเก้าอี้ ส.ส. แต่มีฐานคะแนนเสียงแน่นในพื้นที่ อ.บ้านกรวด และละหานทราย

ส่วน ภูมิใจไทย เกิดการหักลำ เดิมทีจะส่ง “นายสมนึก เฮงวาณิชย์” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (กลุ่มมัชฌิมา) ลงสมัคร แต่ “เนวิน” ยืนยันส่ง “รุ่งโรจน์ ทองศรี” น้องชาย “นายทรงศักดิ์ ทองศรี” ลูกพี่ลูกน้องของ “เนวิน” ลงสมัคร ทำให้ “สมนึก” ไม่พอใจ เพราะมั่นใจว่าคะแนนนิยมตัวเองดีกว่า ตัดสินใจหนีไปสมัครในนาม “ พรรคชพน.” กลายเป็นศึก 3 เส้า ที่ต้องต่อสู้กันแบบดุเดือดเลือดพล่าน

ทั้งนี้ “สมนึก” ชพน. ถือเป็นแชมป์เก่า มีฐานเสียงหลักอยู่ที่ อ.ละหานทราย ส่วน “รุ่งโรจน์” ภท. เพิ่งเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่ได้แรงหนุนจากนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ โดยเฉพาะ อ.โนนดินแดง และ อ.บ้านกรวด เขตนี้จึงเป็นการชิงดำระหว่าง “ ขจรธน” พท. กับ “สมนึก” ชพน.

ส่วน “รุ่งโรจน์” เด็ก “เนวิน” เป็นตัวสอดแทรกที่เร่งตีตื้นขึ้นมาหวังแซงโค้งในคืนสุดท้าย

เขตเลือกตั้งที่ 9 กลุ่มเพื่อนเนวิน ส่ง “จักรกฤษณ์ ทองศรี” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ลูกชาย “นายเพิ่มพูน ทองศรี” อดีต ส.ว.บุรีรัมย์ อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ และยังเป็นผู้สมัคร ส.ส.ระบบปาร์ตี้ลิสต์ พรรคภูมิใจไทย พี่ชาย “นายทรงศักดิ์” มาเจอกระดูกชิ้นโตอย่าง “นายจำรัส เวียงสงค์” อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ จากพรรคเพื่อไทย ฐานแน่นในกลุ่มครูและรากหญ้าที่ยังจมปลักกับ “นช.แม้ว” แต่เชื่อว่า “จักรกฤษณ์” จะเข้าวินชัวร์ ด้วยฐานเสียงอันแข็งแกร่งของ “ตระกูลทองศรี” ใน อ.ประโคนชัย ผนวกกับ ฐานคะแนน กลุ่มเพื่อนเนวิน อีก 2 อำเภอ คือ พลับพลาชัย และเฉลิมพระเกียรติ บางส่วน

สรุปโค้งสุดท้าย วัดกันด้วยฐานคะแนนเสียง อำนาจบารมี และคลังกระสุน โดยที่เฉพาะเขต 5 , 6 และ เขต 8 แล้ว โอกาสที่ “ภูมิใจห้อย” จะยึดครองบุรีรัมย์กวาดที่นั่ง ส.ส. ยกจังหวัดทั้ง 9 เขตแบบเบ็ดเสร็จนั้น ถือเป็นงานหินที่หนักหนาสาหัสยิ่ง*

ประกอบกับ “เผาไทย” ส่ง “พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี” มาบัญชาการในสมรภูมิเลือกตั้งที่จ.บุรีรัมย์โดยตรงเพื่อเจาะฐานที่มั่น“ตระกูลชิดชอบ” แล้ว การศึกครั้งนี้ถือเป็นการวัดบารมี ฝีมือ“เนวิน” ของจริง ว่าจะพลาดท่าถูกตีแสกหน้าแหกยับถึงในบ้านหรือไม่ จะมีคำตอบในไม่ช้านี้