ASTVผู้จัดการรายวัน – ปี 54 ข่าวสินค้าล้น- LTV ทำตลาดคอนโดฯทรุด คาดทั้งปีเปิดตัวใหม่ไม่เกิน 50,000 หน่วย ลดลง 20-30% หวั่นเกณฑ์ผังเมืองใหม่สร้างคอนโดฯในซอยถนนต้องกว้าง 12 เมตรขึ้นไป ทำจัดสรรได้ยากขึ้น กันรายกลาง-เล็กออกจากตลาด ชี้ทำเลส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเปิดใหม่ยังขายดี
นายธำรง ปัญญาสกุลวงค์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาชะลอตัวอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่ช่วงขาลงหลังจากที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2553 นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการเข้าคควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการเปิดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์ไม่เกิน 90% ส่งผลให้ตลาดชะลอและทรุดตัวในที่สุด
ทั้งนี้พบว่าในปี 2553 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลสูงถึง 67,000 หน่วย ในขณะที่ครึ่งปีแรก 2554 มีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่ 61 โครงการ จำนวน 26,559 หน่วย โดยในเดือนมิถุนายนเปิดตัวต่ำสุดเพียง 7 โครงการจำนวน 2,044 หน่วย ส่วนเดือนกรกฎาคมมียอดเปิดตัวเพียง 4 โครงการ ไม่ถึง 500 หน่วย และคาดว่าทั้งปีจะมีโครงการเปิดใหม่เพียง 50,000 หน่วย หรือลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20-30%
ในขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิห้องชุดคอนโดมิเนียมในปี 2553 ทั้งปีมีจำนวน 72,913 หน่วย ส่วนครึ่งปีแรก 2554 มียอดโอนกรรมสิทธิ 28,815 หน่วย ลดลง 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2553 ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ 45,602 หน่วย
“ต่อจากนี้ไปจะไม่เห็นภาพการขายคอนโดฯหมดภายในวันเดียวอีกแล้ว สินค้าที่เกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงขายได้ เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ ส่วนผู้ประกบอการรายกลาง – เล็ก ลำบากทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันจากรายใหญ่ อย่างไรก็ตามหากมีมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดกระเตื้องขึ้นมากบ้างในช่วงที่เหลือของปี”
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของข้อกำหนดผังเมืองฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้ในเร็วนี้ๆ โดยจะกำหนดให้ถนนซอยที่สามารถก่อสร้างโครงการอาคารชุดได้ต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ซึ่งจะทำให้มีข้อจำกัดในการก่อสร้าง การหาที่ดินเพื่อมาพัฒนา ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็กไม่สามารถพัฒนาได้และหายไปจากตลาดในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของการลงทุนในโครงการอาคารชุดยังสูงกว่าาการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทอื่น และถือเป็นสิ่งล่อใจของนักลงทุนให้เข้าสู่ตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าภาพรวมของตลาดคอนโดฯจะมีการชะลอตัว แต่ยังมีบางทำเลที่ยังขายดี ได้แก่ ตามแนวเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง เช่น ทำเลอ่อนนุช- แบริ่ง ที่มีปริมาณสินค้าในตลาด 17,000 หน่วย ตลาดดูดซับไปแล้ว 70-80% ในขณะที่สินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดช้า จึงเชื่อว่าสต๊อกที่เหลือขายจะถูกดูดซับหมดภายใน 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีทำเล ตากสิน และพหลโยธิน ปัจจุบันมีสินค้าเหลือขายในตลาดจำนวนน้อย จากที่มีสินค้าจำนวนมาก
“การแข่งขันในตลาดคอนโดฯ ค่อนข้างรุนแรง ทั้งในเรื่องของราคา การจัดโปรโมชั่น และที่สำคัญการให้บริการของพนักงานขายประจำโครงการ ที่ก้าวไปถึงขั้นให้การต้อนรับเช่นเดียวกันโรงแรม 5 ดาว จนทำให้ลูกค้าที่เข้ามายังไซน์โครงการเกิดความเกรงใจ ประทับใจและซื้อในที่สุด” นายธำรง กล่าว
นายธำรง ปัญญาสกุลวงค์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาชะลอตัวอย่างชัดเจน ส่วนหนึ่งมาจากการเข้าสู่ช่วงขาลงหลังจากที่มีการเติบโตสูงสุดในปี 2553 นอกจากนี้ยังมีผลกระทบจากการเข้าคควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อป้องกันการเปิดภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดสัดส่วนวงเงินสินเชื่อต่อมูลค่าหลักทรัพย์ไม่เกิน 90% ส่งผลให้ตลาดชะลอและทรุดตัวในที่สุด
ทั้งนี้พบว่าในปี 2553 มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่ในเขตกรุงเทพและปริมณฑลสูงถึง 67,000 หน่วย ในขณะที่ครึ่งปีแรก 2554 มีโครงการคอนโดฯเปิดใหม่ 61 โครงการ จำนวน 26,559 หน่วย โดยในเดือนมิถุนายนเปิดตัวต่ำสุดเพียง 7 โครงการจำนวน 2,044 หน่วย ส่วนเดือนกรกฎาคมมียอดเปิดตัวเพียง 4 โครงการ ไม่ถึง 500 หน่วย และคาดว่าทั้งปีจะมีโครงการเปิดใหม่เพียง 50,000 หน่วย หรือลดลงจากปีที่ผ่านมาประมาณ 20-30%
ในขณะที่ยอดโอนกรรมสิทธิห้องชุดคอนโดมิเนียมในปี 2553 ทั้งปีมีจำนวน 72,913 หน่วย ส่วนครึ่งปีแรก 2554 มียอดโอนกรรมสิทธิ 28,815 หน่วย ลดลง 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2553 ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ 45,602 หน่วย
“ต่อจากนี้ไปจะไม่เห็นภาพการขายคอนโดฯหมดภายในวันเดียวอีกแล้ว สินค้าที่เกิดจากผู้ประกอบการรายใหญ่ยังคงขายได้ เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ ส่วนผู้ประกบอการรายกลาง – เล็ก ลำบากทั้งจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น การแข่งขันจากรายใหญ่ อย่างไรก็ตามหากมีมาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลก็เชื่อว่าจะทำให้ตลาดกระเตื้องขึ้นมากบ้างในช่วงที่เหลือของปี”
นอกจากนี้ยังมีปัญหาในเรื่องของข้อกำหนดผังเมืองฉบับใหม่ที่จะประกาศใช้ในเร็วนี้ๆ โดยจะกำหนดให้ถนนซอยที่สามารถก่อสร้างโครงการอาคารชุดได้ต้องมีความกว้างไม่น้อยกว่า 12 เมตร ซึ่งจะทำให้มีข้อจำกัดในการก่อสร้าง การหาที่ดินเพื่อมาพัฒนา ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการรายกลาง รายเล็กไม่สามารถพัฒนาได้และหายไปจากตลาดในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของการลงทุนในโครงการอาคารชุดยังสูงกว่าาการลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยประเภทอื่น และถือเป็นสิ่งล่อใจของนักลงทุนให้เข้าสู่ตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง และแม้ว่าภาพรวมของตลาดคอนโดฯจะมีการชะลอตัว แต่ยังมีบางทำเลที่ยังขายดี ได้แก่ ตามแนวเส้นทางส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าทุกเส้นทาง เช่น ทำเลอ่อนนุช- แบริ่ง ที่มีปริมาณสินค้าในตลาด 17,000 หน่วย ตลาดดูดซับไปแล้ว 70-80% ในขณะที่สินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดช้า จึงเชื่อว่าสต๊อกที่เหลือขายจะถูกดูดซับหมดภายใน 6 เดือน นอกจากนี้ยังมีทำเล ตากสิน และพหลโยธิน ปัจจุบันมีสินค้าเหลือขายในตลาดจำนวนน้อย จากที่มีสินค้าจำนวนมาก
“การแข่งขันในตลาดคอนโดฯ ค่อนข้างรุนแรง ทั้งในเรื่องของราคา การจัดโปรโมชั่น และที่สำคัญการให้บริการของพนักงานขายประจำโครงการ ที่ก้าวไปถึงขั้นให้การต้อนรับเช่นเดียวกันโรงแรม 5 ดาว จนทำให้ลูกค้าที่เข้ามายังไซน์โครงการเกิดความเกรงใจ ประทับใจและซื้อในที่สุด” นายธำรง กล่าว
