ASTVผู้จัดการรายวัน – “เอพี” ระบุตลาดคอนโดฯแข่งเดือดหลังเหลือแต่ผู้เล่นรายใหญ่ ศักยภาพการแข่งขัน การเงินแข็ง เชื่อตลาดคอนโดฯ 1-2 ล้าน และเกิน 5 ล้านบาท ยังเติบโตได้ เผย 5 เดือนแรกยอดขาย 7,000 ล้านบาท ล่าสุดลุยจัดงาน “ Aspiring Height by AP” ขนคอนโดฯ 13 โครงการจัดแคมเปญขาย
นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ความต้องการของตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่ชะลอตัว เพียงแต่ความต้องการที่เกิดขึ้นเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเท่านั้น ไม่มีการซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือการลงทุนเช่นในอดีต ส่วนจำนวนซัพพลายที่หลายคนกังวลจะล้นตลาดหรือไม่นั้น ทางบริษัทเชื่อว่าผู้ประกอบการ รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ มีการบริหารจัดการให้ความต้องการซื้อ(ดีมานด์) กับสินค้า(ซับพลาย) สอดคล้องไปด้วยกันอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาโอเวอร์ซับพลายอย่างแน่นอน
"ในช่วงที่คอนโดฯบูมใหม่ๆ จะเห็นผู้ซื้อ 3 กลุ่ม คือ ซื้อเพื่ออยู่จริง ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว และนักเก็งกำไรระยะสั้น แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่า จากข้อบังคับใหม่ๆ เช่น LTV หรือความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน รวมทั้งจำนวนสินค้าที่มีให้เลือกมากขึ้น ล้วนเป็นกำแพงสกัดกั้นดีมานด์ปลอม ให้เหลือเพียงแต่เรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่จริงเท่านั้น โดยภาพที่เห็นปัจจุบัน ยอดขายจะดีดตัวขึ้นในช่วงเปิดตัว เพราะมีแคมเปญการตลาดเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งจะทำให้มียอดขายประมาณ 30-40% หลังจากนั้นจะชะลอลงมียอดขายได้เรื่อยๆไม่หวือหวา และจะปรับสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อโครงการใกล้เสร็จ" นายวิทการ กล่าว
สำหรับความต้องการในตลาด เชื่อว่ายังมีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะตลาดระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งมีกำลังซื้อมากที่สุด แต่มีการแข่งขันสูงเช่นกัน เนื่องจากมีผู้ประกอบการในตลาดจำนวนมาก รองลงมาเป็นตลาดตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป มีความต้องการมากแต่มีสินค้าน้อย ในขณะที่มีผู้ประกอบการที่ทำตลาดกลุ่มนี้น้อยราย ทำให้การแข่งขันมีน้อย
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไปการแข่งขันของตลาดคอนโดฯจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้พัฒนาในตลาดเพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ และมีความแข็งแกร่งทางการเงิน ช่วยให้มีอำนาจต่อรองในการซื้อที่ดินได้สูงกว่าบริษัทอื่น
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรกของปี มียอดจองซื้อแล้ว 7,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 53 ถึง 20% โดยมียอดขาย 5,600 ล้านบาท ทั้งนี้ตลอดปี ทางบริษัทฯตั้งเป้าขายรวม 20,000 ล้านบาท คาดว่า ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบัน มียอดขายรอโอน (backlog) ในมือ 26,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ 12,5000 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ จนถึงปี 56
นายวิทการ กล่าวต่อว่า แผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 18 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 โครงการคอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ราคาถูกอีก 4 โครงการ โดยในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท ช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 3/54 เปิด 4 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และ โครงการทาวน์เฮ้าส์แบบประหยัด (The Pleno) 1 โครงการ ส่วนในไตรมาส 4/54 จะเปิดอีก 5 โครงการ
ล่าสุดบริษัทได้จัดงาน “ Aspiring Height by AP” ขึ้น ณ ชั้น M สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายนนี้ เพื่อเปิดตัว คอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ ได้แก่ Rhythm สุขุมวิท 44/1 จำนวน 486 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,690 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท/ยูนิต และโครงการ Aspire ศรีนครินทร์ จำนวน 330 ยูนิต มูลค่าโครงการ 514 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.54 ล้านบาท/ยูนิต
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้นำคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างเปิดขายในปัจจุบันอีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 8,600 ล้านบาท ซึ่งหากร่วม 2 โครงการที่เปิดใหม่จะมีสินค้าที่เสนอขายภายในงาน 3,600 ยูนิต มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
“บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้จากนี้นี้ไม่น้อยกว่า 100 ยูนิต มูลค่า 500-600 ล้านบาท”
นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ AP เปิดเผยว่า ความต้องการของตลาดคอนโดมิเนียมยังไม่ชะลอตัว เพียงแต่ความต้องการที่เกิดขึ้นเป็นการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริงเท่านั้น ไม่มีการซื้อเพื่อเก็งกำไรหรือการลงทุนเช่นในอดีต ส่วนจำนวนซัพพลายที่หลายคนกังวลจะล้นตลาดหรือไม่นั้น ทางบริษัทเชื่อว่าผู้ประกอบการ รวมถึงสถาบันการเงินต่างๆ มีการบริหารจัดการให้ความต้องการซื้อ(ดีมานด์) กับสินค้า(ซับพลาย) สอดคล้องไปด้วยกันอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะไม่มีปัญหาโอเวอร์ซับพลายอย่างแน่นอน
"ในช่วงที่คอนโดฯบูมใหม่ๆ จะเห็นผู้ซื้อ 3 กลุ่ม คือ ซื้อเพื่ออยู่จริง ซื้อเพื่อลงทุนระยะยาว และนักเก็งกำไรระยะสั้น แต่ปัจจุบันต้องยอมรับว่า จากข้อบังคับใหม่ๆ เช่น LTV หรือความเข้มงวดจากสถาบันการเงิน รวมทั้งจำนวนสินค้าที่มีให้เลือกมากขึ้น ล้วนเป็นกำแพงสกัดกั้นดีมานด์ปลอม ให้เหลือเพียงแต่เรียลดีมานด์ที่ซื้อเพื่ออยู่จริงเท่านั้น โดยภาพที่เห็นปัจจุบัน ยอดขายจะดีดตัวขึ้นในช่วงเปิดตัว เพราะมีแคมเปญการตลาดเป็นตัวกระตุ้น ซึ่งจะทำให้มียอดขายประมาณ 30-40% หลังจากนั้นจะชะลอลงมียอดขายได้เรื่อยๆไม่หวือหวา และจะปรับสูงขึ้นอีกครั้งเมื่อโครงการใกล้เสร็จ" นายวิทการ กล่าว
สำหรับความต้องการในตลาด เชื่อว่ายังมีอัตราการเติบโต โดยเฉพาะตลาดระดับราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ซึ่งมีกำลังซื้อมากที่สุด แต่มีการแข่งขันสูงเช่นกัน เนื่องจากมีผู้ประกอบการในตลาดจำนวนมาก รองลงมาเป็นตลาดตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป มีความต้องการมากแต่มีสินค้าน้อย ในขณะที่มีผู้ประกอบการที่ทำตลาดกลุ่มนี้น้อยราย ทำให้การแข่งขันมีน้อย
อย่างไรก็ตาม นับจากนี้ไปการแข่งขันของตลาดคอนโดฯจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้พัฒนาในตลาดเพียงไม่กี่ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำธุรกิจ และมีความแข็งแกร่งทางการเงิน ช่วยให้มีอำนาจต่อรองในการซื้อที่ดินได้สูงกว่าบริษัทอื่น
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 5 เดือนแรกของปี มียอดจองซื้อแล้ว 7,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 53 ถึง 20% โดยมียอดขาย 5,600 ล้านบาท ทั้งนี้ตลอดปี ทางบริษัทฯตั้งเป้าขายรวม 20,000 ล้านบาท คาดว่า ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก ปัจจุบัน มียอดขายรอโอน (backlog) ในมือ 26,000 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ปีนี้ 12,5000 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ จนถึงปี 56
นายวิทการ กล่าวต่อว่า แผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปีนี้ ตั้งเป้าเปิด 18 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 6 โครงการคอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ 7 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ราคาถูกอีก 4 โครงการ โดยในครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 9 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท ช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 9 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 3/54 เปิด 4 โครงการ เป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ, ทาวน์เฮาส์ 2 โครงการ และ โครงการทาวน์เฮ้าส์แบบประหยัด (The Pleno) 1 โครงการ ส่วนในไตรมาส 4/54 จะเปิดอีก 5 โครงการ
ล่าสุดบริษัทได้จัดงาน “ Aspiring Height by AP” ขึ้น ณ ชั้น M สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายนนี้ เพื่อเปิดตัว คอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ ได้แก่ Rhythm สุขุมวิท 44/1 จำนวน 486 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,690 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 3.6 ล้านบาท/ยูนิต และโครงการ Aspire ศรีนครินทร์ จำนวน 330 ยูนิต มูลค่าโครงการ 514 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.54 ล้านบาท/ยูนิต
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้นำคอนโดมิเนียมโครงการอื่นๆ ที่อยู่ระหว่างเปิดขายในปัจจุบันอีก 11 โครงการ มูลค่ากว่า 8,600 ล้านบาท ซึ่งหากร่วม 2 โครงการที่เปิดใหม่จะมีสินค้าที่เสนอขายภายในงาน 3,600 ยูนิต มูลค่ากว่า 12,000 ล้านบาท
“บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้จากนี้นี้ไม่น้อยกว่า 100 ยูนิต มูลค่า 500-600 ล้านบาท”