ASTVผู้จัดการรายวัน – เน็กซัสฯ จัดงานใหญ่ “รวมคอนโดหลุดดาวน์ ไม่ถูกจริงอย่าซื้อ” ขนคอนโดฯแบรนด์ดังกว่า 100 โครงการ ลดราคา 10-25% ในวันที่ 18-20 มี.ค.นี้ ตั้งเป้าขาย 300 ล้านบาท ชี้นักลงทุนเริ่มเทขายหลังพอร์ตในมือเยอะ ขณะที่ขายต่อกำไรลด เผยสต๊อกในเขตกทม. 54,000 ยูนิต คาดสินค้าใหม่ทั้งปี 20,000 ยูนิต
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2554 ยังมีการเติบโต แต่จะไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในเขตกรุงเทพฯจะสามารถขายสินค้าได้ประมาณ 30,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปี 53 และจากข้อมูลพบว่า ในปี 53 มีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 37,000 ยูนิต ในขณะที่คาดว่า ปัจจุบันมีสต๊อกเหลือขายในตลาดประมาณ 54,000 ยูนิต โดยเป็นสินค้าที่เปิดขายในช่วงต้นปีที่ผ่านจนถึงปัจจุบัน 6,000 ยูนิต และคาดว่าทั้งปีจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 20,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม คอนโดฯที่อยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จหรือสร้างแล้วเสร็จรอโอน ประมาณก่อนหรือหลัง 6 เดือนที่จะมีการโอน มีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ต้องการรับโอนห้องชุด จากหลายสาเหตุ อาทิ ผู้ซื้อไม่มีเงินโอน นักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าไม่ต้องการแบกภาระหรือต้องการทำกำไร และนักเก็งกำไรไม่ต้องการโอนอยู่แล้ว จึงรีบนำห้องชุดออกมาขาย (รีเซล) ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านตัวแทนนายหน้า เว็ปไซต์และช่องทางการขายอื่นๆ โดยห้องชุดที่นำมาฝากขายจะมีทั้งที่ซื้อมาในช่วง 2-3 ปีก่อนและเพิ่งซื้อใหม่ในโครงการแบรนด์ดังของบริษัทพัฒนาขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
ล่าสุด บริษัทได้นำห้องชุดกว่า 1,000 ยูนิตจาก 100 โครงการ รวมมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท มาจัดงานขายขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “รวมคอนโดหลุดดาวน์ ไม่ถูกจริงอย่างซื้อ “ ขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.2554 ที่ศูนย์การค้าเซ้นทรัลเวิลด์ อีเดน โซน(Eden Zone) ชั้น 1 ตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 300 ล้านบาท โดยมีธนาคารกสิกรไทย พร้อมปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 9 เดือนหลังจากนั้น MLR -1.75 ขณะที่ธนาคารยูโอบี ปล่อยกู้ 0% นาน 6 เดือนหลัง MLR -2%
" ห้องชุดคอนโดมิเนียมที่นำมาขายภายในงาน มีทั้งห้องชุดที่ทางเจ้าของโครงการฝากขาย โดยมีสาเหตุมาจากลูกค้าไม่สามารถที่จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขแบงก์ไม่ปล่อยกู้ หรือหลุดดาวน์ ประมาณ 5% และเป็นห้องชุดเหลือขายในแต่ละโครงการมาฝากขายในราคาพิเศษ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการระบายสินค้าออกไปให้หมดและไม่ต้องการแบกรับภาระค่าการตลาด "
นอกจากนี้ ยังเป็นห้องชุดที่กลุ่มผู้ซื้อนักลงทุนซื้อไว้ในแต่ละโครงการมากกว่า 3-5 ยูนิต หรือบางโครงการต่อรายซื้อมากถึง 10 ยูนิต นำห้องชุดบางส่วนมาฝากขาย ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ทางโครงการผู้ประกอบการเรียกว่า วีไอพี ได้สิทธิ์ซื้อก่อนในราคาถูกกว่าลูกค้าทั่วไป 5-10 % ไม่รวมโปรโมชันอื่นๆ ขณะเดียวกันก็จะมีลูกค้าที่ซื้อแล้วไม่ต้องการรับโอนกรรมสิทธิ์นำมาฝากขายด้วยเช่นกัน
“บางรายซื้อมาหลายห้อง ไม่ต้องการแบกภาระรับโอนห้องชุดทั้งหมด จึงยอมขายเท่าทุนที่ซื้อในช่วงพรีเซล แต่เมื่อเทียบกับราคาขายในปัจจุบันจะถูกกว่า 20-25 % แม้บางหน่วยของห้องชุดจะขายถูกกว่าราคาขายของตลาดณปัจจุบันในย่านเดียวกัน แต่หากหน่วยขายใด ที่ซื้อไว้เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้วนำมาขายก็ยังได้ผลตอบแทนด้านการลงทุนอยู่ 10-20 %” นางนลินรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดคอนโดฯ ยังมีความต้องการ แต่ในบางพื้นที่ ที่มีสินค้าเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวนมากกว่าความต้องการที่มีอยู่ เช่น สุขุมวิท รามคำแหง รัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการระบายสินค้า นอกจากนี้สินค้าที่มีระดับราคา 5-8 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่ขายได้ยากและมีการนำมารีเซลมากเนื่องจากราคาใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อบ้านเดี่ยว
ทั้งนี้ สินค้าที่ยังขายดี นอกจากทำเลที่ดีแล้ว ราคายังเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยห้องชุดที่มีระดับราคา 1-3 ล้านบาทขนาดห้องตั้งแต่ 28 ตร.ม.ขึ้นไป เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อมากกว่า ในขณะที่ห้องชุดที่มีขนาดใหญ่หรือราคาสูงๆ แม้ว่าจะมีราคาต่อตร.ม.เท่ากันหรือถูกกว่าเล็กน้อยจะขายช้ากว่า ส่วนทำเลมีแนวโน้มที่ดี คือ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยเฉพาะสายสีม่วงก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่น ทำเลฝั่งธน และแบริ่ง เป็นต้น.
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2554 ยังมีการเติบโต แต่จะไม่หวือหวาเหมือนปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าในเขตกรุงเทพฯจะสามารถขายสินค้าได้ประมาณ 30,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปี 53 และจากข้อมูลพบว่า ในปี 53 มีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 37,000 ยูนิต ในขณะที่คาดว่า ปัจจุบันมีสต๊อกเหลือขายในตลาดประมาณ 54,000 ยูนิต โดยเป็นสินค้าที่เปิดขายในช่วงต้นปีที่ผ่านจนถึงปัจจุบัน 6,000 ยูนิต และคาดว่าทั้งปีจะมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดประมาณ 20,000 ยูนิต
อย่างไรก็ตาม คอนโดฯที่อยู่ระหว่างก่อสร้างใกล้แล้วเสร็จหรือสร้างแล้วเสร็จรอโอน ประมาณก่อนหรือหลัง 6 เดือนที่จะมีการโอน มีลูกค้าบางส่วนที่ไม่ต้องการรับโอนห้องชุด จากหลายสาเหตุ อาทิ ผู้ซื้อไม่มีเงินโอน นักลงทุนที่ซื้อเพื่อปล่อยเช่าไม่ต้องการแบกภาระหรือต้องการทำกำไร และนักเก็งกำไรไม่ต้องการโอนอยู่แล้ว จึงรีบนำห้องชุดออกมาขาย (รีเซล) ใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งผ่านตัวแทนนายหน้า เว็ปไซต์และช่องทางการขายอื่นๆ โดยห้องชุดที่นำมาฝากขายจะมีทั้งที่ซื้อมาในช่วง 2-3 ปีก่อนและเพิ่งซื้อใหม่ในโครงการแบรนด์ดังของบริษัทพัฒนาขนาดใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์
ล่าสุด บริษัทได้นำห้องชุดกว่า 1,000 ยูนิตจาก 100 โครงการ รวมมูลค่า 3,000-4,000 ล้านบาท มาจัดงานขายขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “รวมคอนโดหลุดดาวน์ ไม่ถูกจริงอย่างซื้อ “ ขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 มี.ค.2554 ที่ศูนย์การค้าเซ้นทรัลเวิลด์ อีเดน โซน(Eden Zone) ชั้น 1 ตั้งเป้ายอดขายภายในงาน 300 ล้านบาท โดยมีธนาคารกสิกรไทย พร้อมปล่อยกู้ในอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 9 เดือนหลังจากนั้น MLR -1.75 ขณะที่ธนาคารยูโอบี ปล่อยกู้ 0% นาน 6 เดือนหลัง MLR -2%
" ห้องชุดคอนโดมิเนียมที่นำมาขายภายในงาน มีทั้งห้องชุดที่ทางเจ้าของโครงการฝากขาย โดยมีสาเหตุมาจากลูกค้าไม่สามารถที่จะโอนกรรมสิทธิ์ได้ เนื่องจากติดเงื่อนไขแบงก์ไม่ปล่อยกู้ หรือหลุดดาวน์ ประมาณ 5% และเป็นห้องชุดเหลือขายในแต่ละโครงการมาฝากขายในราคาพิเศษ เนื่องจากผู้ประกอบการต้องการระบายสินค้าออกไปให้หมดและไม่ต้องการแบกรับภาระค่าการตลาด "
นอกจากนี้ ยังเป็นห้องชุดที่กลุ่มผู้ซื้อนักลงทุนซื้อไว้ในแต่ละโครงการมากกว่า 3-5 ยูนิต หรือบางโครงการต่อรายซื้อมากถึง 10 ยูนิต นำห้องชุดบางส่วนมาฝากขาย ลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มที่ทางโครงการผู้ประกอบการเรียกว่า วีไอพี ได้สิทธิ์ซื้อก่อนในราคาถูกกว่าลูกค้าทั่วไป 5-10 % ไม่รวมโปรโมชันอื่นๆ ขณะเดียวกันก็จะมีลูกค้าที่ซื้อแล้วไม่ต้องการรับโอนกรรมสิทธิ์นำมาฝากขายด้วยเช่นกัน
“บางรายซื้อมาหลายห้อง ไม่ต้องการแบกภาระรับโอนห้องชุดทั้งหมด จึงยอมขายเท่าทุนที่ซื้อในช่วงพรีเซล แต่เมื่อเทียบกับราคาขายในปัจจุบันจะถูกกว่า 20-25 % แม้บางหน่วยของห้องชุดจะขายถูกกว่าราคาขายของตลาดณปัจจุบันในย่านเดียวกัน แต่หากหน่วยขายใด ที่ซื้อไว้เมื่อ 2-3 ปีก่อนแล้วนำมาขายก็ยังได้ผลตอบแทนด้านการลงทุนอยู่ 10-20 %” นางนลินรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตลาดคอนโดฯ ยังมีความต้องการ แต่ในบางพื้นที่ ที่มีสินค้าเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวนมากกว่าความต้องการที่มีอยู่ เช่น สุขุมวิท รามคำแหง รัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งต้องอาศัยเวลาในการระบายสินค้า นอกจากนี้สินค้าที่มีระดับราคา 5-8 ล้านบาท ถือเป็นสินค้าที่ขายได้ยากและมีการนำมารีเซลมากเนื่องจากราคาใกล้เคียงกับบ้านเดี่ยว ทำให้ลูกค้าหันไปซื้อบ้านเดี่ยว
ทั้งนี้ สินค้าที่ยังขายดี นอกจากทำเลที่ดีแล้ว ราคายังเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยห้องชุดที่มีระดับราคา 1-3 ล้านบาทขนาดห้องตั้งแต่ 28 ตร.ม.ขึ้นไป เพราะลูกค้ามีกำลังซื้อมากกว่า ในขณะที่ห้องชุดที่มีขนาดใหญ่หรือราคาสูงๆ แม้ว่าจะมีราคาต่อตร.ม.เท่ากันหรือถูกกว่าเล็กน้อยจะขายช้ากว่า ส่วนทำเลมีแนวโน้มที่ดี คือ ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายต่างๆ โดยเฉพาะสายสีม่วงก่อนข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากแหล่งที่อยู่อาศัยหนาแน่น ทำเลฝั่งธน และแบริ่ง เป็นต้น.