xs
xsm
sm
md
lg

สยามแก๊สดึงเซนจูรี่ สู้ศึกชอปปิ้งประตูน้ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เซ็นจูรี่ 21” ปรับแผนบริหารโครงการอสังหาฯ หลังครึ่งปีแรกยอดขายต่ำกว่าเป้า 30% หันเพิ่มพอร์ตรับบริหารศูนย์การค้า ล่าสุดรับโปรเจกต์ยักษ์ของกลุ่มสยามแก๊ส “พาลาเดียม เวิล์ด ช็อปปิ้ง” ห้างใหญ่ย่านประตูน้ำ ชูคอนเซ็ปต์เปิดเที่ยงวันยันเที่ยงคืน ท้าชนแพลตตินั่ม และศูนย์การค้าย่านบำรุงเมือง ขณะที่การขายที่ดินเปล่าเฟื้อง ระบุครึ่งปีหลังอสังหาฯยังไม่ฟื้น เหตุราคาที่ดิน ต้นทุนพุ่งสูง ทำคนชะลอซื้อ คาดต้นปี 55 ทิศทางดีขึ้น

นายกิติศักดิ์ จำปาทิพย์พงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นจูรี่ 21 เรียลตี้ แอฟฟิลิเอทล์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรกมีการชะลอตัว โดยเฉพาะในช่วงที่มีการหาเสียงก่อนเลือกตั้งในเดือนมิถุนายน ยอดขายอสังหาฯลดลงถึง 55% เหลือ 170 ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่ตั้งไว้ 400 ล้านบาท/เดือน และหากรวมในครึ่งปีแรกยอดขายลดลงประมาณ 30%

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสถานการณ์ด้านการขายคอนโดมิเนียมจะชะลอตัว แต่สำหรับการซื้อ-ขายที่ดินมีการเติบโตที่ดีมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่ในตลาด ซึ่งแต่ละรายจะมีวิธีการซื้อที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสินค้าที่ต้องการพัฒนา โดยล่าสุดเจรจาขายที่ดินบริเวณปั๊มน้ำมันย่านเพลินจิตไป 1 แปลง ในราคา 1.5 ล้านบาท/ตร.ม. มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาซื้อขายอีก 1 แปลงในย่านซีบีดีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ปัจจุบันสามารถปิดการขายไปแล้วกว่า 4,000 ล้านบาท และคาดว่าทั้งปีจะมีถึง 8,000 ล้านบาท ส่วนทั้งปีคาดว่าจะลดลงประมาณ 30% จากปีที่ผ่านมาที่มียอดขาย 17,000 ล้านบาท

สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสถานการณ์จะยังทรงตัวอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากมีปัจจัยลบจากการปรับขึ้นราคาประเมินที่ดิน
ของกรมธนารักษ์ ซึ่งจะทำให้ราคาที่ดินปรับขึ้นตาม รวมถึงต้นทุนค่าก่อสร้างที่ปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาขายปรับขึ้นสูงตาม ทำให้ผู้บริโภคชะลอซื้อในระยะหนึ่งจึงจะรับได้ ซึ่งคาดว่าในช่วงต้นปีหน้าจะมีแนวโน้มดีขึ้น

จากการชะลอตัวของยอดขายดังกล่าว ทำให้บริษัทปรับแผนการดำเนินงาน หันมาเพิ่มการบริหารการขายพื้นที่ศูนย์การค้า หรือคอมมูนิตี้มอลล์แทน เพราะที่ผ่านมามีผู้ประกอบการหันมาพัฒนาเพิ่มมากขึ้นตามทำเลที่มีหมู่บ้านจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ได้รับบริหารพื้นที่ศูนย์การค้าเมก้าเพลย์ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ภายใต้บริษัทบวรพงษ์ จำกัด ของกลุ่มสยามแก๊ส

ล่าสุด กลุ่มสยามแก๊สได้มอบหมายให้บริหารศูนย์การค้าขนาดใหญ่ “ประตูน้ำเซ็นเตอร์” ที่ทางกลุ่มได้ซื้อหุ้นทั้งหมดจากบริษัทไท พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มาเมื่อปี 2553 ในนามบริษัท เกรทไชน่า มิลเลนเมี่ยม (ไทยแลนด์) จำกัด โดยเปลี่ยนชื่อเป็น “พาลาเดียม เวิล์ด ช็อปปิ้ง” ซึ่งเตรียมเปิดตัวในวันที่ 18 สิงหาคม 54 นี้ ภายในโครงการจะประกอบด้วยพื้นที่ศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้าขนาดใหญ่ ด้านบนจะพัฒนาเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว 2 อาคาร และอาคารสำนักงานอีก 1 อาคาร พื้นที่รวมกว่า 200,000 ตร.ม.มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท

และ 3.โครงการคอมเมอร์เชียลมอลล์ ย่านโบ๊เบ๊ ภายใต้ชื่อบีเอ็มพี (เดิมชื่อบำรุงเมือง) มูลค่า 3,000 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในเดือนธันวาคม 54 นี้

“เกรทไชน่าทุ่มงบการตลาดและการประชาสัมพันธ์กว่า 1,000 ล้านบาท ในการปรับปรุงโฉมของประตูน้ำเซ็นเตอร์ใหม่ แก้ไขข้อบกพร่องที่ทำให้โครงการดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ โดยเซ็นจูรี่ 21 เคยทำสำเร็จมาแล้วจากการบริหารโครงการแพลตินั่ม โดยจะชูคอนเซ็ปต์ โฮลเซลล์นอนสต็อปช็อปปิ้ง เที่ยงวันยันเที่ยงคืน” นายกิติศักดิ์กล่าว

และสืบเนื่องจากการเข้าบริหารโครงการพาลาเดียม ที่มีพื้นที่ลานจอดรถกว่า 3,000 คัน จึงได้ร่วมทุนกับบริษัท นิปปอน พาร์คกิ้ง เดเวลอปเมนท์ จำกัด (บริษัทบริหารพื้นที่ลานจอดรถขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น) ในนามส่วนตัวด้วยทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท โดยตั้งบริษัท สยาม นิปปอน พาร์คกิ้ง เดเวลอปเมนท์ จำกัด เพื่อรับบริหารพื้นที่จอดรถของพาลาเดียม และเตรียมรับบริหารพื้นที่ลานจอดรถในอาคารอื่นด้วย

นอกจากนี้ เซ็นจูรี่ 21 ได้เซ็นต์สัญญาร่วมมือกับ บริษัทด้านอสังหาฯ จากประเทศญี่ปุ่น ชื่อ MARSA โดยการจะนำทรัพย์สิน หรือ โครงการด้านอสังหาฯ จากประเทศญี่ปุ่น มานำเสนอให้นักลงทุนชาวไทยที่สนใจซื้อเพื่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น โครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม และอพาร์ตเมนต์ แม้ว่าตลาดอสังหาฯ ที่ประเทศญี่ปุ่นอยู่ในสภาวะทรงตัวมาหลายปี แต่ชาวญี่ปุ่นยังคงลงทุนในอาคารชุดอาศัยโดยเฉพาะในกรุงโตเกียวมากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า ยังมีความต้องการสูง สามารถที่จะได้รับผลตอบแทนจากการเก็บค่าเช่าได้สูง โดยไม่มีการจำกัดค่าเช่า อัตราผลตอบแทนอาจอยู่ระหว่าง 5-7 % จากการลงทุน แต่ในแง่ของความมั่นคงด้านการลงทุนอสังหาฯถือได้ว่าปลอดภัยมั่นคงเลยทีเดียว อีกทั้งในญี่ปุ่นไม่ได้มีข้อห้ามสำหรับการซื้อของชาวต่างชาติ ดังนั้นแม้ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมยังทรงอยู่ แต่การซื้อขายอาคารชุดก็ยังมีความคึกคักอยู่พอสมควรจากข้อมูล ราคาที่ดินในญี่ปุ่นโดยเฉลี่ย ตกลงประมาณ 3.1 % เมื่อเปรียบเทียบกับราคาของปีที่แล้ว.
กำลังโหลดความคิดเห็น