ตลาดคาราโอเกะบูม 1,000 ล้านบาท “มิวสิค พาเลส” ชูแนวคิดคาราโอเกะสีขาว รุกในศูนย์ารค้า/โรงภาพยนตร์ ทุ่มงบ 20-50 ล้านบาทยายสาขาใหม่ และเทคโอเวอร์คาราโอเกะในห้างท้องถิ่นกว่า 10 แห่ง เล็งเปิดตัวศูนย์คาราโอเกะใหญ่สุดในอีสานตอนบน ที่เซ็นทรัล อุดรธานี ลั่นขึ้นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่ง 80% ในอีก 3 ปีข้างหน้า
นายวิริยะ วิรัตน์มาลี กรรมการบริหาร ร่วมกับนายธเนศ วัฒนธัรยานน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิวสิค พาเลส จำกัด ผู้บริหารศูนย์รวมคาราโอเกะ ภายใต้ชื่อ “มิวสิค พาเลส” เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจคาราโอเกะ มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คาราโอเกะตามร้านอาหารทั่วไป คาราโอเกะกลางคืน และคาราโอเกะในศูนย์การค้า/โรงภาพยนตร์ หรือคาราโอเกะแนวใหม่ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท จากผู้ประกอบการรายใหญ่ 5-6 ราย และมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยปัจจุบันมิวสิค พาเลส เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาด 30-40% และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 40-45% ในสิ้นปีนี้ และ 80% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตลาดรวมคาราโอเกะในศูนย์การค้า/โรงภาพยนตร์จะมีมูลค่ารวม 600-800 ล้านบาท
นโยบายของบริษัทฯจะมุ่งให้บริการคาราโอเกะในศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์เป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทฯเปิดให้บริการคาราโอเกะในห้างและโรงภาพยนตร์รวมกว่า 60 สาขาทั่วประเทศ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์, อิมพีเรียลสำโรง, ไอที สแควร์ ฯลฯ
ปีนี้บริษัทฯเตรียมงบประมาณสำหรับลงทุน 20-50 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการคาราโอเกะทั้งที่ลงทุนใหม่และการเข้าซื้อกิจการคาราโอเกะที่มีอยู่และพัฒนาให้เป็นคาราโอเกะสีขาว เพื่อให้บริการกับลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มครอบครัว คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา
ด้วยแนวโน้มธุรกิจคาราโอเกะที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีแผนขยายสาขาเฉลี่ย 2-3 แห่งต่อเดือน โดยเน้นเปิดให้บริการในเทสโก้ โลตัส และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการคาราโอเกะในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นกว่า 10 แห่ง โดยการปิดให้บริการแต่ละแห่งจะมีพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 1-3 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ใน 1-3 ปี
โปรเจ็คท์ลงทุนใหญ่สุดในปีนี้คือการเปิดคาราโอเกะ บนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร จำนวน 40-50 ห้อง ใช้เงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดรธานี ซึ่งที่นี่จะเป็นคาราโอเกะที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสานตอนบน โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในไตรมาส 3 บริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาระบบคาราโอเกะ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาให้บริการ
ทั้งนี้จุดเด่นของคาราโอเกะมิวสิค พาเลส คือ เป็นศูนย์รวมคาราโอเกะ แนวใหม่ตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เน้นการบริโภคเสียงเพลง โดยไม่มีแอลกอฮอล์ สว่าง สะอาด ปลอดภัย ไม่มั่วสุม ภายใต้แนวคิดคาราโอเกะสีขาว ขณะที่เพลงที่นำมาให้บริการจะได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อาทิ GMM แกรมมี่, RS, อาร์สยาม เป็นต้น
“บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจคาราโอเกะในห้างและโรงภาพยนตร์มานานกว่า 7 ปี และได้รับการตอบรับเป็นอ่างดี โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา และครอบครัว โดยการให้บริการจะมีทั้งแบบรายเพลงในราคาเพลงละ 10 บาท และรายชั่วโมงในอัตรา 80-150 บาทต่อชั่วโมง” นายธเนศ กล่าว
นายวิริยะ วิรัตน์มาลี กรรมการบริหาร ร่วมกับนายธเนศ วัฒนธัรยานน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิวสิค พาเลส จำกัด ผู้บริหารศูนย์รวมคาราโอเกะ ภายใต้ชื่อ “มิวสิค พาเลส” เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจคาราโอเกะ มีมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คาราโอเกะตามร้านอาหารทั่วไป คาราโอเกะกลางคืน และคาราโอเกะในศูนย์การค้า/โรงภาพยนตร์ หรือคาราโอเกะแนวใหม่ ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท จากผู้ประกอบการรายใหญ่ 5-6 ราย และมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยปัจจุบันมิวสิค พาเลส เป็นผู้นำตลาดมีส่วนแบ่งตลาด 30-40% และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเป็น 40-45% ในสิ้นปีนี้ และ 80% ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งตลาดรวมคาราโอเกะในศูนย์การค้า/โรงภาพยนตร์จะมีมูลค่ารวม 600-800 ล้านบาท
นโยบายของบริษัทฯจะมุ่งให้บริการคาราโอเกะในศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์เป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทฯเปิดให้บริการคาราโอเกะในห้างและโรงภาพยนตร์รวมกว่า 60 สาขาทั่วประเทศ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์, อิมพีเรียลสำโรง, ไอที สแควร์ ฯลฯ
ปีนี้บริษัทฯเตรียมงบประมาณสำหรับลงทุน 20-50 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการคาราโอเกะทั้งที่ลงทุนใหม่และการเข้าซื้อกิจการคาราโอเกะที่มีอยู่และพัฒนาให้เป็นคาราโอเกะสีขาว เพื่อให้บริการกับลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ กลุ่มครอบครัว คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา
ด้วยแนวโน้มธุรกิจคาราโอเกะที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯมีแผนขยายสาขาเฉลี่ย 2-3 แห่งต่อเดือน โดยเน้นเปิดให้บริการในเทสโก้ โลตัส และห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการคาราโอเกะในห้างสรรพสินค้าท้องถิ่นกว่า 10 แห่ง โดยการปิดให้บริการแต่ละแห่งจะมีพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนเฉลี่ย 1-3 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ใน 1-3 ปี
โปรเจ็คท์ลงทุนใหญ่สุดในปีนี้คือการเปิดคาราโอเกะ บนพื้นที่กว่า 500 ตารางเมตร จำนวน 40-50 ห้อง ใช้เงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัล อุดรธานี ซึ่งที่นี่จะเป็นคาราโอเกะที่ใหญ่ที่สุดของภาคอีสานตอนบน โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ในไตรมาส 3 บริษัทฯมีแผนที่จะพัฒนาระบบคาราโอเกะ ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาให้บริการ
ทั้งนี้จุดเด่นของคาราโอเกะมิวสิค พาเลส คือ เป็นศูนย์รวมคาราโอเกะ แนวใหม่ตั้งอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี เน้นการบริโภคเสียงเพลง โดยไม่มีแอลกอฮอล์ สว่าง สะอาด ปลอดภัย ไม่มั่วสุม ภายใต้แนวคิดคาราโอเกะสีขาว ขณะที่เพลงที่นำมาให้บริการจะได้รับลิขสิทธิ์ถูกต้องจากเจ้าของลิขสิทธิ์ อาทิ GMM แกรมมี่, RS, อาร์สยาม เป็นต้น
“บริษัทเริ่มดำเนินธุรกิจคาราโอเกะในห้างและโรงภาพยนตร์มานานกว่า 7 ปี และได้รับการตอบรับเป็นอ่างดี โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวนเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น คนทำงาน นักเรียน นักศึกษา และครอบครัว โดยการให้บริการจะมีทั้งแบบรายเพลงในราคาเพลงละ 10 บาท และรายชั่วโมงในอัตรา 80-150 บาทต่อชั่วโมง” นายธเนศ กล่าว
