ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - “ปรีชา” ฟิต! เข้าทำงานกระทรวงทรัพย์ ทำเอา ขรก.วุ่นต้อนรับ อ้ำอึ้งสะสางรุกป่าวังน้ำเขียว กลับปลุกผีกระเช้าภูกระดึงขึ้นมาพิจารณา อ้างคนในพื้นที่ต้องการ ด้านชุดเฉพาะกิจฯกรมป่าไม้ ลุยตรวจรีสอร์ต “เขาแผงม้า” รุกป่าสงวนฯ วังน้ำเขียวเสร็จทั้ง 22 แห่งแล้ว พบฮุบพื้นที่ป่ารวมกว่า 700 ไร่ ไร้เอกสารสิทธิยืนยัน มีเพียงใบ “ภบท. 5” และยังไม่มีใครกล้าแสดงตัวเป็นเจ้าของ
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วานนี้ (12 ส.ค.) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ากระทรวงมาสักการะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ทุกหน่วยงานในสังกัด มาคอยให้การต้อนรับ ทั้งที่เป็นวันหยุดราชการ
ทั้งนี้ คณะทำงานของ นายปรีชา ได้นำพระพุทธชินราช ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว อัญเชิญขึ้นไปยังห้องทำงานของ นายปรีชา บนชั้น 20 ของอาคาร มีบรรดาเพื่อน ส.ส.กลุ่มของนายปรีชา อาทิ นายนิรันด์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายขจิต ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี
จากนั้น นายปรีชา ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารกระทรวง ซึ่งนำโดย นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทร้พยากรฯ ได้มีการมอบกระเช้าดอกไม้พร้อมแนะนำอธิบดีของแต่ละกรม โดยนายปรีชา กล่าวว่า วันนี้ตนยังไม่มอบนโยบายให้กับข้าราชการ เพราะต้องรอให้มีการแถลงนโยบายในวันที่ 23-24 ส.ค.ก่อน อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ ยินดีให้ข่าวสารที่ต้องการและประชาชนให้ความสนใจ
“อาจจะถูกมองว่าเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่ขอเรียนว่า เป็น ส.ส.มา 26 ปี 10 สมัยแล้ว ถือว่าเป็นคนหน้าเก่าไม่ใช่คนหน้าใหม่ และขอให้รอดูนโยบายของผมว่าจะนำพากระทรวงทรัพยากรฯ เดินไปทางไหน ยืนยันว่า จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแน่นอน”
นายปรีชา ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดิน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า ขอให้ใจเย็นๆ โดยจะเรียกข้อมูลมาดูว่าผิดถูกอย่างไร ซึ่งก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่า นโยบายหลักในการทำงานกระทรวงทรัพยากรฯ คือเรื่องใดบ้าง นายปรีชา กล่าวว่า เรื่องป่า เรื่องน้ำ และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนดูแลปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ จ.มุกดาหาร และนครพนม ซึ่งตนจะลงพื้นที่ในวันที่ 13-14 ส.ค.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ส่วนที่นักวิชาการ และเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อม บอกว่า ไม่รู้จักว่า นายปรีชา เป็นใคร นายปรีชา กล่าวว่า อยู่ๆ ไปก็จะรู้จักตนเอง ตนเคยเป็น รมช. มหาดไทย แต่อยู่ในตำแหน่งเพียง 2 เดือน แต่ก็ได้ช่วยเหลือประชาชนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ เคยสนับสนุนให้มีการสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง จ.เลย เมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้วจะดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างไร นายปรีชา กล่าวว่า คนในจังหวัดเลยมีความต้องการกระเช้าขึ้นภูกระดึง แต่ก็มีคนที่คัดค้านด้วย จึงต้องมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง เมื่อถามย้ำว่า จะมีการปัดฝุ่นเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายปรีชา กล่าวว่า ถูกต้อง หากเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก็ต้องนำมาพิจารณาอีกรอบ ซึ่งก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงทรัพยากรฯ นายปรีชา กล่าวว่า ต้องมองว่าใครมีปัญหาหรือไม่ ถ้าไม่มีก็อยู่กันเหมือนเดิม ทั้งนี้ตนทราบมาว่าคนที่ทำงานในกระทรวงทรัพยากรฯ มีแต่คนเก่งๆ ทั้งสิ้น
**ป่าไม้ตรวจรีสอร์ต 22 แห่งเสร็จแล้ว
วานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับรีสอร์ต 22 แห่ง ที่เข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พนักงานป่าไม้ได้แจงความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ที่ สภ.วังน้ำเขียว ทั้ง 22 แห่ง แล้ว ว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปราบการทำลายทรัพยากรป่าพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่งของกรมป่าไม้ จำนวน 6 ชุด รวมกว่า 300 นาย ได้กระจายลงพื้นที่เข้าตรวจค้นรีสอร์ตเป้าหมาย 22 แห่ง ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด แล้ว
รีสอร์ตบางแห่งยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยดี แต่หลายแห่งไม่มีคนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกและเขียนรูปแปลงสถานที่พร้อมกับทำการรังวัดพื้นที่โดยรอบ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า รีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง เนื้อที่รวมกว่า 700 ไร่ ทุกแห่งยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ และยังไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิการครอบครองมาแสดงกับเจ้าหน้าที่แม้แต่แห่งเดียว ส่วนใหญ่มีเพียงใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) ที่ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มาแสดงเท่านั้น
“เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ดูแลสถานที่ทั้งหมดนำเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดินมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน หากไม่นำมาแสดงกรมป่าไม้ก็จะมีคำสั่งให้เจ้าของรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 45 วัน ซึ่งหากครบกำหนดแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม กรมป่าไม้มีสิทธิ์เข้าทำการรื้อถอนได้เอง โดยเจ้าของจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” นายสุเทพ กล่าว
ส่วนการตรวจสอบรีสอร์ตและบ้านพักอีก 17 แห่งที่กรมป่าไม้ พบว่า มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง โซนซี ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพิ่มเติม นั้นภายในสัปดาห์หน้าทางกรมป่าไม้จะเริ่มเข้าดำเนินการตรวจสอบ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการดำเนินกับ รีสอร์ตและบ้านพัก ทั้ง 22 รายแรก
***ไม่มีใครกล้าแสดงตัวเป็นเจ้าของ
ด้านตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้ออกหมายเรียกให้เจ้าของรีสอร์ต ทั้ง 22 แห่ง เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และนำหลักฐานเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อประกอบสำนวนคดีก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องศาลต่อไป แต่ล่าสุดยังไม่มีใครเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด.
ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) วานนี้ (12 ส.ค.) นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วย นางเปล่งมณี เร่งสมบูรณ์ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ากระทรวงมาสักการะสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง โดยมีคณะผู้บริหาร ข้าราชการ ทุกหน่วยงานในสังกัด มาคอยให้การต้อนรับ ทั้งที่เป็นวันหยุดราชการ
ทั้งนี้ คณะทำงานของ นายปรีชา ได้นำพระพุทธชินราช ขนาดหน้าตัก 9 นิ้ว อัญเชิญขึ้นไปยังห้องทำงานของ นายปรีชา บนชั้น 20 ของอาคาร มีบรรดาเพื่อน ส.ส.กลุ่มของนายปรีชา อาทิ นายนิรันด์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด นายขจิต ชัยนิยม ส.ส.อุดรธานี นายสมเกียรติ ศรลัมภ์ ส.ส.สัดส่วน นายศักดา คงเพชร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย และ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นต้น นำกระเช้าดอกไม้มาร่วมแสดงความยินดี
จากนั้น นายปรีชา ได้เข้าร่วมประชุมกับคณะผู้บริหารกระทรวง ซึ่งนำโดย นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทร้พยากรฯ ได้มีการมอบกระเช้าดอกไม้พร้อมแนะนำอธิบดีของแต่ละกรม โดยนายปรีชา กล่าวว่า วันนี้ตนยังไม่มอบนโยบายให้กับข้าราชการ เพราะต้องรอให้มีการแถลงนโยบายในวันที่ 23-24 ส.ค.ก่อน อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่เป็นผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ ยินดีให้ข่าวสารที่ต้องการและประชาชนให้ความสนใจ
“อาจจะถูกมองว่าเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ แต่ขอเรียนว่า เป็น ส.ส.มา 26 ปี 10 สมัยแล้ว ถือว่าเป็นคนหน้าเก่าไม่ใช่คนหน้าใหม่ และขอให้รอดูนโยบายของผมว่าจะนำพากระทรวงทรัพยากรฯ เดินไปทางไหน ยืนยันว่า จะเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแน่นอน”
นายปรีชา ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินการกับผู้บุกรุกที่ดิน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า ขอให้ใจเย็นๆ โดยจะเรียกข้อมูลมาดูว่าผิดถูกอย่างไร ซึ่งก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย เมื่อถามว่า นโยบายหลักในการทำงานกระทรวงทรัพยากรฯ คือเรื่องใดบ้าง นายปรีชา กล่าวว่า เรื่องป่า เรื่องน้ำ และสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ตนดูแลปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ จ.มุกดาหาร และนครพนม ซึ่งตนจะลงพื้นที่ในวันที่ 13-14 ส.ค.เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ส่วนที่นักวิชาการ และเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อม บอกว่า ไม่รู้จักว่า นายปรีชา เป็นใคร นายปรีชา กล่าวว่า อยู่ๆ ไปก็จะรู้จักตนเอง ตนเคยเป็น รมช. มหาดไทย แต่อยู่ในตำแหน่งเพียง 2 เดือน แต่ก็ได้ช่วยเหลือประชาชนและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อย่างมาก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้านี้ เคยสนับสนุนให้มีการสร้างกระเช้าขึ้นยอดภูกระดึง จ.เลย เมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้วจะดำเนินการกับเรื่องนี้อย่างไร นายปรีชา กล่าวว่า คนในจังหวัดเลยมีความต้องการกระเช้าขึ้นภูกระดึง แต่ก็มีคนที่คัดค้านด้วย จึงต้องมีการทำประชาพิจารณ์เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันอีกครั้ง เมื่อถามย้ำว่า จะมีการปัดฝุ่นเรื่องนี้ใช่หรือไม่ นายปรีชา กล่าวว่า ถูกต้อง หากเป็นความต้องการของประชาชนในพื้นที่ก็ต้องนำมาพิจารณาอีกรอบ ซึ่งก็ต้องมีการทำประชาพิจารณ์อีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงทรัพยากรฯ นายปรีชา กล่าวว่า ต้องมองว่าใครมีปัญหาหรือไม่ ถ้าไม่มีก็อยู่กันเหมือนเดิม ทั้งนี้ตนทราบมาว่าคนที่ทำงานในกระทรวงทรัพยากรฯ มีแต่คนเก่งๆ ทั้งสิ้น
**ป่าไม้ตรวจรีสอร์ต 22 แห่งเสร็จแล้ว
วานนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับรีสอร์ต 22 แห่ง ที่เข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเจ้าหน้าที่พนักงานป่าไม้ได้แจงความร้องทุกข์ดำเนินคดีไว้ที่ สภ.วังน้ำเขียว ทั้ง 22 แห่ง แล้ว ว่า ล่าสุด เจ้าหน้าที่ป่าไม้ชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปราบการทำลายทรัพยากรป่าพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่งของกรมป่าไม้ จำนวน 6 ชุด รวมกว่า 300 นาย ได้กระจายลงพื้นที่เข้าตรวจค้นรีสอร์ตเป้าหมาย 22 แห่ง ที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เสร็จเรียบร้อยทั้งหมด แล้ว
รีสอร์ตบางแห่งยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบโดยดี แต่หลายแห่งไม่มีคนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกและเขียนรูปแปลงสถานที่พร้อมกับทำการรังวัดพื้นที่โดยรอบ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า รีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง เนื้อที่รวมกว่า 700 ไร่ ทุกแห่งยังไม่มีผู้ใดแสดงตัวเป็นเจ้าของ และยังไม่มีหลักฐานเอกสารสิทธิการครอบครองมาแสดงกับเจ้าหน้าที่แม้แต่แห่งเดียว ส่วนใหญ่มีเพียงใบเสียภาษีบำรุงท้องที่ (ภบท.5) ที่ออกโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) มาแสดงเท่านั้น
“เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้ผู้ดูแลสถานที่ทั้งหมดนำเอกสารสิทธิในการครอบครองที่ดินมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน หากไม่นำมาแสดงกรมป่าไม้ก็จะมีคำสั่งให้เจ้าของรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 45 วัน ซึ่งหากครบกำหนดแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม กรมป่าไม้มีสิทธิ์เข้าทำการรื้อถอนได้เอง โดยเจ้าของจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” นายสุเทพ กล่าว
ส่วนการตรวจสอบรีสอร์ตและบ้านพักอีก 17 แห่งที่กรมป่าไม้ พบว่า มีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง โซนซี ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพิ่มเติม นั้นภายในสัปดาห์หน้าทางกรมป่าไม้จะเริ่มเข้าดำเนินการตรวจสอบ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการดำเนินกับ รีสอร์ตและบ้านพัก ทั้ง 22 รายแรก
***ไม่มีใครกล้าแสดงตัวเป็นเจ้าของ
ด้านตำรวจ สภ.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ได้ออกหมายเรียกให้เจ้าของรีสอร์ต ทั้ง 22 แห่ง เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และนำหลักฐานเอกสารสิทธิครอบครองที่ดินเข้าชี้แจงกับเจ้าหน้าที่แล้ว เพื่อประกอบสำนวนคดีก่อนสรุปสำนวนส่งอัยการ และส่งฟ้องศาลต่อไป แต่ล่าสุดยังไม่มีใครเดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนแต่อย่างใด.