ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ป่าไม้สนธิกำลังไล่บี้ตรวจสอบรีสอร์ตเขาแผงม้า 22 แห่ง รุกป่าสงวนฯเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว เสร็จภายในวันนี้ ก่อนฟันต่ออีก 17 แห่งในสัปดาห์หน้า ด้าน รองผบก.โคราช เผย ตร.ออกหมายเรียกเจ้าของรีสอร์ต 22 แห่ง มารับทราบข้อกล่าวหา และนำเอกสารหลักฐานชี้แจงแล้ว ก่อนสรุปสำนวนคดีส่งฟ้องศาล เปิดรายชื่อบ้านพักรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง ถูกแจ้งดำเนินคดี
วันนี้ (11 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายสุเทพ ปวเรศวิทยาฬาร ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินการกับรีสอร์ต 22 แห่ง ที่เข้าข่ายบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (10 ส.ค.) ศาลจังหวัดนครราชสีมา ได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องของกรมป่าไม้ที่ขออนุมัติหมายศาลเข้าตรวจค้นรีสอร์ตทั้ง 22 แห่งดังกล่าว และศาลได้วินิจฉัยว่าเจ้าพนักงานป่าไม้มีอำนาจหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการตรวจสอบพื้นที่ได้เองตาม พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 25 อยู่แล้ว โดยไม่ต้องใช้หมายศาล นั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้สนธิกำลังเป็นชุดเฉพาะกิจป้องกันและปราบปราบการทำลายทรัพยากรป่าพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ตามคำสั่งของกรมป่าไม้ จำนวน 6 ชุด รวมกว่า 300 นาย กระจายลงพื้นที่เข้าตรวจค้นรีสอร์ตเป้าหมายเสร็จสิ้นแล้วจำนวน 11 แห่ง เหลืออีก 11 แห่ง จะทำการเข้าตรวจสอบให้ครบ ซึ่งมั่นใจว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้ (11 ส.ค. )
ทั้งนี้ การดำเนินการเข้าตรวจสอบของเจ้าหน้าที่มีอุปสรรคบ้างเล็กน้อย เช่น ที่บ้านเขาแผงม้า หมู่ 4 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว มีเจ้าของรีสอร์ตและชาวบ้านเข้ามาต่อว่าการทำงานของเจ้าหน้าที่ แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ นอกจากนี้รีสอร์ตและบ้านพักบางแห่งที่ไม่มีคนอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึก และเขียนรูปแปลงสถานที่ และถ่ายภาพไว้ พร้อมกับทำการรังวัดพื้นที่ เพื่อนำไปประมวลเป็นหลักฐานประกอบ แต่หากรีสอร์ต หรือบ้านพักแห่งใดไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจสอบ ทางเจ้าหน้าที่จะมีการประสานกับทางตำรวจ และยื่นขอหมายศาลเพื่อดำเนินการเข้าตรวจสอบต่อไปอีก
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับในส่วนของรีสอร์ตและบ้านพักอีก 17 แห่ง ที่พบมีการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าโซนซี ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เพิ่มเติมนั้น ภายในสัปดาห์หน้าทางกรมป่าไม้ก็จะเริ่มเข้าดำเนินการตรวจสอบโดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับรีสอร์ตและบ้านพัก บริเวณเขาแผงม้า ทั้ง 22 รายแรก โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าทำการตรวจสอบเพื่อขอดูเอกสารสิทธิ์ว่า เจ้าของรีสอร์ตและบ้านพักเหล่านั้นใช้เอกสารสิทธิ์ใดในการเข้าครอบครองพื้นที่ พร้อมทั้งตรวจสอบว่ารีสอร์ตแต่ละแห่งมีพื้นที่จำนวนเท่าไร และมีสิ่งปลูกสร้างอะไรบ้าง
“โดยจะให้เวลาเจ้าของรีสอร์ตนำเอกสารสิทธิมาแสดงกับเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน หากไม่นำมาแสดงกรมป่าไม้ก็จะมีคำสั่งให้เจ้าของรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่ภายใน 45 วัน ตาม ม.25 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ซึ่งหากครบกำหนดแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม กรมป่าไม้มีสิทธิ์เข้าทำการรื้อถอนได้เอง โดยเจ้าของต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด” นายสุเทพ กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (รองผบก.ภ.จว.) นครราชสีมา เปิดเผยในส่วนของการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง บริเวณเขาแผงม้า 22 แห่ง นี้ทางนายอำเภอวังน้ำเขียว เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ซึ่งคงต้องมีการเร่งรัดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงส่วนจะกี่วันนั้นอยู่ที่ทางนายอำเภอที่จะกำหนด
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการของกรมป่าไม้ กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนละส่วนกัน ซึ่งกรมป่าไม้มีหน้าที่บังคับขับไล่ให้รีสอร์ตที่บุกรุกออกจากพื้นที่ป่า ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหน้าที่ในการดำเนินการสอบสวนเพื่อเอาผิดกับผู้ที่บุกรุก โดยในวันนี้ (11 ส.ค.) ตำรวจ สภ.วังน้ำเขียวได้ออกหมายเรียกเจ้าของรีสอร์ตทั้ง 22 แห่ง ให้มารับทราบข้อกล่าวหาและนำเอกสารหลักฐานมาชี้แจง เพื่อจะได้รวบรวมหลักฐานประกอบ ก่อนสรุปสำนวนการสอบสวนเพื่อส่งอัยการ และ ฟ้องศาลต่อไป
“คดีนี้ทาง พล.ต.ท.เดชาวัตร รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ได้กำชับและสั่งการให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องนี้ต้องขอเรียนไปยังพี่น้องประชาชนชาว อ.วังน้ำเขียว ว่า จะไม่ให้กระทบกับการท่องเที่ยว และสามารถท่องเที่ยวได้เหมือนเดิมเป็นปกติ” พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับรายชื่อบ้านพัก รีสอร์ต จำนวน 22 แห่ง บริเวณเขาแผงม้า เข้าข่ายบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ที่เจ้าพนักงานป่าไม้ กรมป่าไม้ แจ้งความกล่าวโทษไว้ที่ สภ.วังน้ำเขียว ประกอบด้วย
1.บ้านพักบนเขา ทางเข้าบ้านคลองทราย บ.ไทรทอง ม.7 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว 2.รีสอร์ต “บุหงา ส่าหรี” บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว 3.บ้านพักไม้ทรงไทยมีแท็งก์น้ำคู่ บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว 4.บ้านพักหลังคาทรงสี่เหลี่ยม สีม่วง บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว 5.รีสอร์ต “ภูน้ำรินอิงป่าใหญ่” บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว 6.รีสอร์ต “บ้านอิงกมล” บ.เขาแผงมา ม.4 ต.วังน้ำเขียว 7. รีสอร์ต “ระเบียงดาว” บ.เขาแผงม้า ม.4 ต.วังน้ำเขียว 8.บ้านร้างมีรั้ว ท้ายบ้านคลองทราย ม.8 ต.วังน้ำเขียว 9.บ้านพักสีขาว มีรั้วรอบ ท้ายบ้านคลองทราย ม.8 ต.วังน้ำเขียว 10.ที่ดินบริเวณต้นย่างใหญ่บนภูเขา ประตูตาข่ายเหล็ก บ.คลองทราย ม. 8 ต.วังน้ำเขียว
11.บ้านพักหลังคาทรงหมวกสีม่วง บ.คลองทราย ม.8 ต.วังน้ำเขียว 12.บ้านพักสี่ชั้นกำลังก่อสร้าง บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 13.บ้านพักสองชั้น กำลังก่อสร้าง บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 14.บ้านพักสองชั้น หลังคาแดง ติดแนวเขต บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 15.รีสอร์ต “ภพดาว” บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว
16.รีสอร์ต “บ้านภูหลวง” บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 17.รีสอร์ต “ครัวอิ่มสุข” บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 18.บ้านพักเรือนรับรองหลังคาแดง บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 19.รีสอร์ต “เวราเวียน” บ.โพธิ์ทองพัฒนา ม.15 ต.วังน้ำเขียว 20.รีสอร์ต “ภูธาราฟ้า” บ.ทรัพย์ทวีคูณ ม.22 ต.วังน้ำเขียว
21.บ้านพักสี่เหลี่ยมมีกังหัน บ.คลองทุเรียน ม. 6 ต.วังน้ำเขียว และ 22.ตึกสีขาวคู่ บ.คลองทุเรียน ม.6 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ทั้งนี้ รีสอร์ตทั้ง 22 แห่งดังกล่าว ถูกแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดี ในข้อหา “บุกรุก ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า เข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และกระทำการ หรือละเว้นกระทำการใดๆ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทำลายหรือทำให้สูญหาย หรือเสียหายแก่ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นของรัฐและมีหน้าที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535”