ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - อธิบดีกรมป่าไม้รุดถกผู้ว่าฯ โคราช และ กองทัพภาคที่ 2 แก้ปัญหาบุกรุกป่า อ.วังน้ำเขียว โคราชเคร่งเครียด เผยเปลี่ยนสถานที่ประชุมหลายแห่งแต่หนีไม่พ้นม็อบ นักการเมือง-ผู้นำท้องถิ่นนำชาวบ้านบุกชุมนุมกดดันถึงหน้าศาลากลางจังหวัด ยื่นขอเรียกร้องกับอธิบดีกรมป่าไม้โดยตรง
วันนี้ (4 ก.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมรับรองเปรม ติณสูลานนท์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมคณะ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)ได้เดินทางมาร่วมประชุมกับนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ พล.ต.ชาสร วายโสกา รองแม่ทัพภาคที่ 2 ตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 2
รวมถึงตัวแทนหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 (นครราชสีมา), สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.)จังหวัดนครราชสีมา, อุทยานแห่งชาติทับลาน, สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) กรมป่าไม้ เพื่อหารือร่วมกันถึงการแก้ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง, อุทยานแห่งชาติทับลาน และพื้นที่ ส.ป.ก.ใน อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา อย่างเคร่งเครียด โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์แต่อย่างใด และมีการเปลี่ยนสถานที่ประชุมกลับไปกลับมาหลายครั้ง ทั้งที่ค่ายสุรนารีกองทัพภาคที่ 2, สำนักงานสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา) ก่อนที่จะกลับมาประชุมที่ห้องประชุมบนศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาดังกล่าว เนื่องจากเกรงจะมีประชาชนชาว อ.วังน้ำเขียว มาชุมนุมกดดันเกิดความวุ่นวายได้
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในระหว่างที่คณะของอธิบดีกรมป่าไม้ประชุมอยู่ในห้องประชุมบนศาลากลางจังหวัดดังกล่าว ที่บริเวณประตูทางขึ้นชั้น 1 ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ได้มีกลุ่มประชาชนชาว อ.วังน้ำเขียว จำนวนกว่า 50 คน นำโดย นายชุณห์ ศิริชัยคีรีโกศล สมาชิกสภาองค์การบริหารจังหวัดนครราชสีมา (ส.อบจ.), นายจงกล สระเจริญ นายก อบต.ไทยสามัคคี, นายชัยรัตน์ ศิริชัยคีรีโกศล นายก อบต.วังน้ำเขียว, นายมาโนช บัวดี กำนัน ต.วังน้ำเขียว, นายยุทธนา เปาอินทร์ รองนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลศาลเจ้าพ่อ อ.วังน้ำเขียว และนายคำแสน รักษากิ่ง กำนัน ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว ได้เดินทางมาชุมนุมเรียกร้องขอความเป็นธรรม พร้อมอ่านแถลงการณ์และเตรียมยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่ออธิบดีกรมป่าไม้โดยตรง
ทั้งนี้ เนื้อหาสำคัญของหนังสือเรียกร้องดังกล่าวระบุว่า กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวหาว่า ประชาชนชาวอำเภอวังน้ำเขียวบุกรุกที่ดินเขตป่าสงวนแห่งชาติ และอุทยานแห่งชาติ พร้อมมีการปลูกสร้างอาคารใหญ่โตเต็มไปหมดนั้น พวกเราเห็นว่าการกระทำดังกล่าวหากเป็นความผิดก็ผิดมานานนับ 10 ปีแล้ว และไม่ใช่มีแต่ที่ อ.วังน้ำเขียวแห่งเดียวในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันตกของประเทศก็มีเต็มไปหมด
มาถึงวันนี้หากมีความผิด เจ้าหน้าที่รัฐ กรมป่าไม้ กรมอุทยานฯ และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องก็ต้องผิดกันหมด เพราะเท่ากับปล่อยปละละเลย ละเว้นกันมาตลอดทำให้ผู้คนทั่วไปก็เข้าใจผิดตามไปด้วยว่าสามารถทำได้ และถึงวันนี้ผู้คนได้ลงทุนลงแรงไปจำนวนมากเพราะหน่วยงานรัฐไม่ชัดเจนมาแต่แรก ซ้ำร้ายบางครั้งเชิงนโยบายก็ออกมาพูดว่าจะส่งเสริมให้เป็นการท่องเที่ยวพิเศษ ดังนั้น ถ้าผิดควรรับผิดด้วยกันกับพวกเราด้วย
พวกเราขอเรียกร้องแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้ 1.ให้เดินทางสายกลาง ใช้เชิงนโยบายผสมผสานกับข้อกฎหมาย และความจำเป็นในการอนุรักษ์แหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญอย่ามองแต่ในแง่ร้าย เพราะมุมดีก็มี 2.อย่าด่วนตัดสินใจอะไร ต้องจำแนกแยกแยะเป็นรายบุคคล รายพื้นที่ ให้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเสียก่อน และ 3. ให้หามาตรฐานกลางออกมา แล้วใช้ปฏิบัติพร้อมกันทั่วประเทศ อย่าเลือกปฏิบัติเฉพาะพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว เท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หลังจากประชุมเสร็จสิ้นในเวลาประมาณ 11.30 น. อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้ว่าฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เปิดแถลงข่าวถึงผลการประชุม ขณะที่กลุ่มตัวแทนประชาชนชาววังน้ำเขียวได้เข้ายื่นหนังสือข้อเรียกร้องดังกล่าวต่ออธิบดีกรมป่าไม้
